โอ้สวรรค์ ถึงจะออกปล้นเงินก็ต้องปล้นนานมากเลยนะ
คัมภีร์กวีมีค่ามาก เรียกได้ว่าเป็นสิ่งล้ำค่าที่ประเมินราคาไม่ได้ แต่เงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึงก็มากเกินไปหรือเปล่า
เพลิงโกรธที่อัดแน่นอยู่ในใจองค์หญิงตังตังลุกโชนขึ้นทุกที ทว่าก็ไม่กล้าเสนอราคาอีก
กู้ชูหน่วนกระหยิ่มยิ้มย่อง พูดถากถางว่า “แขกกิตติมศักดิ์ชั้นบน ทำไม ไม่มีเงินเพิ่มราคาแล้วหรือ? ในเมื่อไม่มีเงินก็รีบไสหัวไปเถอะ จะได้ไม่ต้องขายหน้าแถวนี้ เพราะไม่เคยเห็นเจ้าประมูลของได้สักชิ้น ทำได้เพียงโก่งราคาให้สูงขึ้นเท่านั้น”
องค์หญิงตังตังที่ตอนแรกจะยอมแพ้ เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่อินังขังขอบสิ่งใดอีกพลันเอ่ยว่า “หนึ่งร้อยหกสิบล้านตำลึง”
ครั้งนี้นางเพิ่มราคาเป็นสิบล้านตำลึงเลย
เสี่ยวลี่ว์เป็นลมทันทีทันใด
เมื่อเสนอราคาเสร็จ องค์หญิงตังตังก็สำนึกเสียใจเสียแล้ว
เงินจำนวนมากมายเช่นนี้ นางไม่มี
เสด็จแม่รู้แล้วต้องด่านางตายแน่
องค์หญิงตังตังหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากู้ชูหน่วนจะเพิ่มราคาอีก ทว่ากลับเห็นกู้ชูหน่วนยกหัวแม่มือขึ้น ” แขกกิตติมศักดิ์ชั้นบนช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน คัมภีร์ไม่กี่เล่มก็เสนอราคาหนึ่งร้อยหกสิบล้านตำลึงเลย ข้าน้อยนับถือยิ่ง ในเมื่อแขกกิตติมศักดิ์ชั้นบนชื่นชอบคัมภีร์กวีเพียงนี้ งั้นข้ายอมให้เจ้าก็ได้”
โครม……
องค์หญิงตังตังรู้สึกถูกฟ้าผ่าจนตัวเองเกือบตาย
กู้……กู้ชูหน่วนละทิ้งการประมูล?
นางยอมแพ้? เช่นนั้นคัมภีร์กวีก็ตกอยู่ในมือนางสิน่ะ?
ร่างกายนางโย้เย้ องค์หญิงตังตังจับโต๊ะ ฝืนให้ตัวเองยืนอย่างมั่นคง
วินาทีนี้ นางอยากให้คนชั้นล่างเพิ่มราคามาก ทว่ากลับไร้สุ้มเสียง มีเพียงปากของผู้ดำเนินงานเสี่ยวลู่อ้าปากหุบปาก ซึ่งไม่รู้ว่านางกำลังพูดสิ่งใดอยู่
องค์หญิงตังตังอยากตายเหลือเกิน
นางรู้สึกตัวเองโดนกู้ชูหน่วนฝังทั้งเป็น
เจ๋ออ๋องขมวดคิ้วแน่นเป็นปม
น้องสาวของเขาตกหลุมพรางกู้ชูหน่วนซะแล้ว
กู้ชูหน่วนไม่มีใจอยากประมวลคัมภีร์กวีสักนิด นางแค่จงใจให้องค์หญิงตังตังแย่งประมวลเท่านั้น
หนึ่งร้อยหกสิบล้านตำลึง……
ไม่ใช่ตัวเลขน้อย ๆ เลย ก่อนหน้านี้พระพันปีถูกกู้ชูหน่วนรีดไถเงินจำนวนมากโข จึงสิ้นเนื้อประดาตัวตั้งนานแล้ว
แล้วครั้งนี้……
เว้นเสียแต่หยิบยกมาจากท้องพระคลัง มิฉะนั้นพวกเขาย่อมไม่มีเงินเท่านี้แน่
ซั่งกวนฉู่ยิ้มพร้อมกับมองไปทางกู้ชูหน่วนอย่างชอบใจ
อี้เฉินเฟยยิ้มอย่างประคบประหงม ดวงตาอันเปี่ยมล้นไปด้วยความอ่อนโยนหยุดอยู่ที่กู้ชูหน่วน
ข้ารับใช้เขาตบหน้าอก “ยังดี ยังดี ยังดีที่แม่นางกู้ยอมแพ้ตอนสุดท้าย หาไม่แล้ว ถ้าพวกเราต้องเงินจำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึงเอาออกมา มิเท่ากับเสียเลือดครั้งใหญ่หรือ”
กู้ชูอวิ๋นตบหน้าอกที่กำลังตกตะลึงของตัวเอง
โชคดีที่นางยอมแพ้
มิฉะนั้นนางก็ต้องหลงกับดักกู้ชูหน่วนด้วยแน่
เงินหนึ่งร้อยหกสิบล้านตำลึงทำให้องค์หญิงตังตังล้มละลายโดยสิ้นเชิงแน่ อนาถกว่าตอนเจ๋ออ๋องล้มละลายเสียอีก
องค์หญิงตังตังไม่เต็มใจ นางกล่าวพะอืดพะอมว่า “ข้าไม่ประมวลแล้ว เมื่อครู่ข้าพูดผิด ให้นางครอบครองคัมภีร์กวีในราคาหนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึงเถอะ”
หา…….
บรรยากาศในงานประมูลเปลี่ยนในบัดดล กระทั่งสีหน้าผู้ดำเนินงานยังแปรเปลี่ยนตามไปด้วย เกิดชั้นบรรยากาศเย็นยะเยือกเข้ากระดูกขึ้นมา
“แขกที่อยู่ชั้นบน ท่านคิดว่าหอประมูลเฟิงเซียงเป็นที่เล่นหรือไร?”
“ข้า……ข้าออกเงินสิบล้านตำลึง หนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึงที่เหลือให้เอากับนาง” องค์หญิงตังตังชี้ไปยังกู้ชูอวิ๋น
กู้ชูหน่วนกระพริบตาอย่างไร้เดียงสา “เมื่อครู่ข้าอยากใช้เงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึงซื้อคัมภีร์กวี แต่ตอนนี้ข้ารู้สึกไม่สนใจกะทันหัน ข้ารับรู้ความหวังดีของท่านแล้ว แต่คัมภีร์กวีดีปานนี้ ท่านเก็บไว้เชยชมเองเถอะ อย่าได้ยัดเยียดให้ข้าเลย”
“เจ้าแกล้งข้า”
“ข้าแกล้งเจ้าเช่นไร? ข้าไม่ได้คาดคั้นให้เข้าเพิ่มราคาเสียหน่อย อีกอย่างคนสุดท้ายที่เสนอราคาคือเจ้า ไม่ใช่ข้า”
องค์หญิงตังตังโกรธขึ้งจนหน้าซีดขาว นางมองไปยังผู้ดำเนินงานอย่างเสี่ยวลู่ ก่อนจะเอ่ยทีละถ้อยคำว่า “สตรีผู้นี้จงใจแกล้งข้า นางจงใจโก่งราคา ล่อให้ข้าหลงกล พวกเจ้าเอาเงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึงกับนางเลย ข้าใจกว้างมอบให้พวกเจ้าเปล่า ๆ ในจำนวนสิบล้านตำลึง”
เสี่ยวลู่ยิ้มอย่างประชัดประชัน “คนที่แกล้งคนอื่น เกรงว่าคงไม่ใช่แขกห้องยี่สิบแปดกระมัง แต่น่าจะเป็นท่านมากกว่า ตอนที่แขกห้องยี่สิบแปดเสนอราคา ข้าจำได้ว่าท่านก็เสนอหลายครั้งเลยนะ? เช่นนั้นข้าคิดว่าท่านโก่งราคา แล้วหลอกล่อให้นางหลงกลได้หรือไม่?”
สิ้นเสียง เสี่ยวลูี่ปัดเส้นผมด้านข้างหู พลางยิ้มอย่างมีเสน่ห์ต่อ “อีกอย่าง ในเมื่อเป็นงานประมวล การโก่งราคาก็ไม่ได้ทำผิดกฎ ท่านหลงกลผู้อื่นก็ต้องบอกว่าท่านไม่ละเอียดรอบคอบ โทษผู้อื่นมิได้ หรือว่าท่านคิดจะตลบตะแลง”
องค์หญิงตังตังโดนสวนกลับจนไร้คำโต้ตอบ
จึงได้แต่แสดงฐานะของตน “ข้าคือองค์หญิงแห่งรัฐเยี่ย บุตรสาวแท้ ๆ ของพระพันปี และเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของจักรพรรดิ พวกเจ้าเป็นเพียงหอประมูลเฟิงเซียงเล็กๆเท่านั้น ยังคิดจะเป็นปรปักษ์กับข้าหรือ?”
เจ๋ออ๋องอดกุมขมับไม่ได้
เจ้านายหอประมูลเฟิงเซียงคือเจ้านายหออันดับหนึ่งในใต้หล้า และหออันดับหนึ่งในใต้หล้าคือหน่วยสอดแนมชั้นหนึ่งของใต้หล้า ขอเพียงพวกเขาอยากสืบก็ไม่มีสิ่งใดสืบไม่ได้
เสด็จน้องบาดหมางกับพวกเขา เกรงว่าคงจะแสดงสิ่งอัปยศอดสูของตัวเอง พระพันปีและจักรพรรดิต่อหน้าใต้หล้าซะแล้ว
สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวกว่าก็คือ หออันดับหนึ่งในใต้หล้ายังสามารถมอบภาพค่ายกลทหารแห่งรัฐเยี่ยให้รัฐอื่นได้ด้วย
ถึงเวลานั้นรัฐเยี่ยย่อมมีภัยรอบด้านแน่
จักรพรรดิในใต้หล้านี้ ผู้ใดไม่อยากเชื่อมสัมพันธ์กับหออันดับหนึ่งในใต้หล้ากัน
เสด็จน้องดันเป็นอริกับพวกเขา ไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรือ?
ดังคาด เมื่อองค์หญิงตังตังเปล่งประโยคนี้ออกมา ถึงแม้เสี่ยวลู่ยังคงโยกย้ายส่ายสะโพกเอวบาง ปากพูดเสียงอ่อนนุ่ม ทว่ากลับชวนให้ขนลุกพอง
“เป็นองค์หญิงงั้นหรือ? ถึงจะเป็นองค์หญิงก็แหกกฎหอประมูลไม่ได้ เจ้าต้องดูว่าเสด็จแม่และเสด็จพี่อย่างจักรพรรดิจะเอาเงินมาไถ่ตัวเจ้าหรือไม่ ไม่งั้นตามกฎหอประมูลเฟิงเซียง พวกเราจะตัดแขนตัดขาเจ้าวันละหนึ่งข้าง ตัดจนกว่าเจ้าจะตาย”
องค์หญิงตังตังกลืนน้ำลาย ยังคิดจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่ากลับมีคนลากนางลงไป
“บังอาจ ข้ารู้หรือเปล่าว่าข้าเป็นใคร ข้าคือบุตรสาวของพระพันปี และเป็นบุตรสาวที่พระองค์โปรดปรานที่สุด”
“เกรงว่าเจ้าคงไม่เข้าใจสถานการณ์ อย่าว่าแต่เจ้าเป็นองค์หญิงเลย แม้เจ้าเป็นจักรพรรดิ พวกข้าก็จะทำตามกฎ หรืออาจจะทำลายทั้งรัฐของเจ้าได้”
สีหน้าองค์หญิงตังตังซีดขาวราวกระดาษ
แววตาเสี่ยวลู่เย็นยะเยือก ถ้อยคำก็เช่นกัน