กู้ชูอวิ๋นก้มศีรษะโค้งคำนับในท่ามาตรฐานและพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่ไพเราะชัดเจน “คารวะพระชายาหาน คารวะคุณชายเซี่ยว”
เซี่ยวอวี่เซวียนหันหน้าไปทางอื่น และไม่แม้แต่จะเหลือบมองกู้ชูอวิ๋นเลยสักนิด
การกระทำเช่นนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเซี่ยวอวี่เซวียนรังเกียจกู้ชูอวิ๋น และไม่ต้องการจะแต่งงานด้วยเลยแม้แต่นิดเดียว
อารมณ์ของตงฟังเจ๋อค่อนข้างเดือดเล็กน้อย เขาโมโหขึ้นในทันที “คุณหนูรองกู้เป็นคนใจกว้างเช่นนี้ แถมยังให้เกียรติแสดงความเคารพพวกเจ้า แต่พวกเจ้ากลับเย่อหยิ่งและจงใจทำให้นางเสียหน้า พวกเจ้าคิดว่าตัวเองดูสูงส่งเช่นนั้นก็สามารถดูถูกเหยียดหยามคนอื่นไปทั่วได้อย่างนั้นหรือ?”
ตงฟังเจ๋อไม่ได้พูดถึงเจ้า แต่พูดถึงพวกเจ้า ซึ่งรวมไปถึงกู้ชูหน่วนด้วย
เซี่ยวอวี่เซวียนที่กำลังจะระเบิดออกมา แต่ถูกกู้ชูหน่วนห้ามเอาไว้และนางเดินไปข้างหน้า นางยืนกอดอกและในปากก็คาบดอกหญ้าเอาไว้ ท่าทีของนางนั้นดูเย่อหยิ่งไม่เกรงกลัวใดๆ
“หากเจ้ามีตำแหน่งเช่นเดียวกับพวกข้า เช่นนั้นเจ้าก็สามารถเย่อหยิ่งและมองผู้คนอย่างดูถูกเหยียดหยามได้”
ซู่……
ทุกคนต่างพากันอ้าปากค้าง
ตงฟังเจ๋อถือเป็นยอดฝีมือระดับหนึ่ง ถึงแม้ว่าฐานะจะไม่เทียบเท่ากับเทพแห่งสงคราม แต่ก็นับว่ามีชื่อเสียงและมีเกียรติ นับว่าเป็นบุคคลที่ทรงพลังอำนาจอยู่มากในเมืองหลวงแห่งนี้
กู้ชูหน่วนพูดเช่นนี้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านางยอมรับว่านางกลั่นแกล้งกู้ชูอวิ๋นโดยอาศัยตำแหน่งตัวตนของนาง
นางพูดเช่นนี้ก็เป็นการหาที่ตายไม่ใช่หรือ? อีกประเดี๋ยวก็จะเข้าสู่ถ้ำสวินหลงซานแล้ว กู้ชูหน่วนไม่กลัวว่าจะถูกพวกเขาฆ่าตายในถ้ำสวินหลงซานหรือ?
คำพูดเพียงคำเดียว ทำให้บรรยากาศที่คุกรุ่นนี้จุดประกายขึ้นอีกครั้ง
กู้ชูอวิ๋นแสร้งทำตัวอ่อนแอและร้องไห้ แต่ในใจกลับอดไม่ได้ที่จะให้พวกเขาเดือดพล่านปะทุขึ้น
นางพูดอย่างแผ่วเบา “น้องสาม คุณชายตงฟังไม่ได้หมายความเช่นนั้น เขา……”
“เขาหมายความเช่นไรไม่เกี่ยวข้องกับข้า ทางที่ดีพวกเจ้าอย่ามาก่อกวนข้า ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน”
ซู่……
ทุกคนต่างพากันตกตะลึงอีกครั้ง
กู้ชูหน่วนอยากตายหรืออย่างไร?
กู้ชูอวิ๋นพยายามทำตัวเป็นผู้ไกล่เกลี่ย แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะทำให้ตงฟังเจ๋อมีเรื่องกับกู้ชูหน่วนเสียให้ได้
ตงฟังเจ๋อหัวเราะเยาะ “ดี ดีมาก ข้าก็อยากจะเห็นเช่นกัน ว่าใครกันที่จะตายไปก่อน”
อาจจะเป็นเพราะเขาเกรงกลัวในเทพแห่งสงครามจึงทำให้เขาไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน แต่คำพูดตักเตือนในคำพูดของเขานั้น ไม่ว่าใครก็สามารถฟังออกว่าหมายความเช่นไร
รัศมีการสังหารของชิงเฟิงปรากฏขึ้น “คุณชายตงฟัง ก่อนที่ท่านจะพูดคำนี้ออกมา ทางที่ดีท่านควรจะวัดระดับความสามารถของตัวท่านเองเสียก่อน”
ตงฟังเจ๋อโกรธจัดแต่ไม่กล้าพูดออกมา
ภายในเมืองหลวงนี้ ไม่มีใครไม่รู้ว่าชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยเป็นลูกน้องมือซ้ายและมือขวาของเทพแห่งสงคราม หากมีเรื่องกับพวกเขาก็เท่ากับมีเรื่องกับเทพแห่งสงคราม
มู่หรงเฉินสะบัดพัดเปิดออกและพูดด้วยรอยยิ้ม “เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดกันเท่านั้น เหตุใดต้องทำให้เรื่องบานปลายใหญ่โตด้วย พี่ตงฟังก็ไม่ได้คิดอะไร เขาก็แค่ปากไม่ดีไปก็เท่านั้น ทุกครั้งเขามักจะเป็นคนปากร้ายแต่ใจดี”
กู้ชูหน่วนหัวเราะด้วยความเย็นชา
ปากร้ายแต่ใจดี?
ในความเห็นของนาง รัศมีการสังหารของเขานั้นชัดเจนเกินไป เป็นคนหนุ่มที่มีความแข็งแรงกำยำและแอบซ่อนเอาไว้ไม่ได้
เมื่อเปรียบเทียบกับตงฟังเจ๋อแล้ว มู่หรงเฉินแอบซ่อนคมมีดความโหดเหี้ยมเอาไว้ภายใต้รอยยิ้มของเขา ภายนอกนั้นดูอ่อนโยน แต่ภายในนั้นกลับร้ายลึก ดังนั้นควรเพิ่มความระมัดระวังให้มาก
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างคลุมเครือ “ปากไม่ดีถือว่าเป็นโรคร้าย ควรได้รับการรักษา”
ตงฟังเจ๋อที่เพิ่งจะดับไฟความโกรธแค้นไปได้ก็กลับปะทุขึ้นอีกครั้ง
“เจ้าพูดว่าใครปากไม่ดี?”
“ข้าพูดถึงเจ้าอย่างนั้นหรือ? ข้าพูดชื่อออกมาหรือ?”
“เจ้า……”
“ตงๆๆ……”
ระฆังของสำนักศึกษาดังขึ้น
ทุกคนต่างไม่กล้าที่จะประมาทและต่างไปรวมตัวกัน
กู้ชูหน่วนกวาดสายตามองพวกเขาอย่างดูถูก และโอบไหล่ของเซี่ยวอวี่เซวียนเพื่อเดินไปรวมตัวกัน
หลิ่วเย่ว์รีบเดินตามไปและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ลูกพี่ ทำเช่นนี้จะเป็นการทำให้ตงฟังเจ๋อและมู่หรงเฉินขุ่นเคืองหรือไม่? ทั้งสองคนต่างก็เข้าไปยังถ้ำสวินหลงซานนะ”
“เจ้าคิดว่าหากข้ายอมให้พวกเขามารังแก เช่นนั้นแล้วก็จะไม่ทำให้พวกเขาขุ่นเคืองอย่างนั้นหรือ?”
สองคนนี้วางแผนจะกำจัดนางตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่ว่านางจะทำอะไร สุดท้ายพวกเขาก็จะหักหลังและทรยศ