หนึ่งพันห้าร้อยล้าน……
พระเจ้า
มากมายมหาศาลเช่นนี้เลยหรือ
ไม่รู้ใครตะโกนออกมาในกลุ่มฝูงชน
“พระเจ้า คนคนนั้น……คนคนนั้นเหมือนจะเป็นเทพแห่งสงคราม โอ้พระเจ้า ใช่เทพแห่งสงครามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกเลยจริงๆ ที่เขากล้าเสนอราคาเช่นนี้ออกมาได้”
“อะไรนะ เขาคือเทพแห่งสงครามหรือ?”
ทุกคนต่างพากันถอยหลังออกไปด้วยความหวาดกลัว เพราะกลัวว่าเยี่ยจิ่งหานจะลงมือทำร้ายพวกเขา
หากเป็นคนอื่นเสนอประมูลราคานี้ขึ้นมา พวกเขาจะต้องมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก แต่หากเป็นเทพแห่งสงครามเป็นผู้ประมูล เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ
ถึงอย่างไรเสียเทพแห่งสงครามก็ถือเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลและทรงพลังแห่งรัฐ และความแข็งแกร่ง ทรัพยากรทางการเงิน และอำนาจของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิมาก
คนใช้ของอี้เฉินเฟยกล่าวว่า “คุณชายอี้ เราจะเพิ่มราคาประมูลอีกหรือไม่ขอรับ?”
อี้เฉินเฟยยังคงนิ่งราวกับว่ากำลังชั่งน้ำหนักคุณค่าของมัน
เขาใช้เวลานานอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยกป้ายขึ้น “หนึ่งพันเจ็ดร้อยล้าน”
อะไรนะ……
ห้องรับรองส่วนตัวหมายเลขเจ็ดเป็นใครกันแน่นะ?
เพิ่มครั้งเดียวถึงสองพันล้าน
หรือว่าเงินตำลึงในมือเขาเป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น?
ท่านเจ๋ออ๋องโยนป้ายทิ้งอย่างหมดไร้เรี่ยวแรง
ประมูลอะไรกัน ประมูลบ้าบออะไรกัน
แม้แต่ตัวเลขหลักท้ายๆ เขาก็ไม่สามารถประมูลได้
ชั่วขณะหนึ่ง ท่านเจ๋ออ๋องรู้สึกว่าตัวเองแตกต่างกับพวกเขาอย่างมาก
“สองพันล้าน” เยี่ยจิ่งหานกล่าว
ฝ่ามือของชิงเฟิงเต็มไปด้วยเหงื่อ
แม้ว่านายท่านจะมีทรัพยากรทางการเงินที่มากมายก่ายกอง แต่หากต้องนำออกมาถึงสองพันล้าน เช่นนั้นก็นับว่าเสียหายอยู่มากเช่นกัน
สีหน้าของซั่งกวนฉู่ไร้ปฏิกิริยาใดๆ และมองไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไร
คนของเผ่าเพลิงฟ้าแทบอดไม่ได้ที่จะโยนป้ายทิ้งไป
ในช่วงเวลาสำคัญ นิกายเทพอสูรกลับร่วมมือกันกับหอเทียนหวั่งและขโมยเงินตำลึงของพวกเขาไป จนทำให้พวกเขาหมดหนทางแย่งชิงประมูลแผนที่ไข่มุกครามได้อีกต่อไป ช่างน่าเสียดายอย่างมาก เรื่องนี้ไม่อาจจบลงได้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาคนของเผ่าเพลิงฟ้าจะมีหน้าอยู่ต่อบนโลกนี้ได้อย่างไร
คนรับใช้ของอี้เฉินเฟยรู้สึกไม่สบายใจและสั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัว “คุณชายอี้ สองพันล้านแล้ว เรายังจะประมูลต่อไปอีกหรือไม่ขอรับ?”
ดวงตาอันอบอุ่นของอี้เฉินเฟยมองไปยังกู้ชูหน่วน
แต่เมื่อเห็นกู้ชูหน่วนขยิบตาใส่เขาตลอดเวลา สายตาของนางดูเหมือนจะบอกว่า เยี่ยจิ่งหานยังมีเงินอีกมากและหากยังประมูลต่อไปเรื่อยๆ เช่นนี้ก็มีแต่จะพ่ายแพ้ทั้งสองฝ่าย ไม่เช่นนั้นยอมแพ้เสียจะดีกว่า
อี้เฉินเฟยไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
ยอมแพ้?
ยอมแพ้อย่างไร?
ภารกิจของนิกายเทพอสูรในการใช้ชีวิตคือการรวบรวมไข่มุกมังกรให้ได้เจ็ดลูก และตอนนี้ก็ไม่ง่ายเลยที่จะได้แผนที่ไข่มุกมังกรคราม เขาจะกล้ายอมแพ้ได้อย่างไร
ส่วนนักปราชญ์ขงจื๊อ……
นั่นเป็นเพียงตัวตนของเขาอีกมุมหนึ่งเท่านั้น
หนึ่งเพื่อใช้ในการค้นหาไข่มุกมังกร จึงทำให้ต้องใช้สถานะตัวตนนั้น
เมื่อนึกถึงภารกิจของนิกายเทพอสูร อี้เฉินเฟยยังคงประมูลต่อไป “สองพันสองร้อนล้าน”
กู้ชูหน่วนเอามือตบหน้าผากตัวเอง
สายตาของนางที่สื่อออกไปยังไม่ชัดเจนอีกหรือ?
เยี่ยจิ่งหานไม่ได้ขาดแคลนเงินเลย
ก่อนหน้าที่จะถึงงานวันแต่งงาน เพียงแค่ของขวัญที่ได้รับมาก็ไม่รู้รับมามากมายเท่าไรแล้ว
ต่อให้อี้เฉินเฟยจะเก่งมาจากไหนก็ไม่สามารถเอาชนะเยี่ยจิ่งหานได้
มองไปที่ซั่งกวนฉู่ เขาถูกเล่นงานจนล้มลงไปแล้ว
หากต้องการครอบครองแผนที่ไข่มุกมังกรคราม ก็ไม่ได้มีเพียงวิธีการประมูลเท่านั้นที่จะได้มาครอบครอง บางครั้งควคจะเปลี่ยนวิธีคิดที่เหมาะสมจะดีเสียกว่าไม่ใช่หรือ?
“สองพันห้าร้อยล้าน”
“สองพันหกร้อยล้าน”
“สองพันแปดร้อยล้าน”
“สองพันเก้าร้อยล้าน”
ตอนนี้อี้เฉินเฟยและเยี่ยจิ่งหานยังคงสู้กัน กู้ชูหน่วนจับมือของเยี่ยจิ่งหานเอาไว้แน่นและออดอ้อน “สามี เพื่อแผนที่กระจอกๆ อันเดียว แต่กลับเสนอเงินถึงสองพันแปดร้อยล้าน ข้าได้ยินแล้วก็ทำใจไม่ได้ แผนที่อันนี้ เราไม่เอาแล้วได้หรือไม่เพคะ?”
“วางใจได้ ข้าจะไม่ทำให้ฮูหยินต้องตกระกำลำบากหรอก”
“สามพันล้าน” เยี่ยจิ่งหานกล่าว
กู้ชูหน่วนทนไม่ไหวอีกต่อไป นางลุกขึ้นยืนทันที “เพียงแผนที่ไข่มุกมังกรครามเพียงอันเดียว ไข่มุกมังกรก็สูญหายไปนานหลายปีแล้ว ใครจะไปรู้ว่าไข่มุกมังกรสีครามถูกคนอื่นครอบครองหรือเคลื่อนย้ายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน หากใช่ ต่อให้มีแผนที่ไข่มุกมังกรคราม เช่นนั้นก็ค่าเท่ากันไม่ใช่หรือเพราะไม่สามารถหาไข่มุกมังกรสีครามเจอ”
คำพูดของกู้ชูหน่วนทำให้ทุกคนฉุกคิดขึ้นได้
หลายคนตบต้นขาของพวกเขา “ใช่ ต่อให้เป็นแผนที่จริง แต่หากไข่มุกมังกรสีครามไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว เช่นนั้นก็เท่ากับสูญสิ้นเงินตำลึงไปอย่างเปล่าประโยชน์หรอกหรือ?”
ภายในห้องรับรองส่วนตัวหมายเลขเจ็ด คนรับใช้กล่าวว่า “คุณชายอี้ เรายังประมูลต่อไปอีกหรือไม่ขอรับ?”