บทที่ 414
อัครมเหสีฉู่ตะโกนคำรามขึ้นในทันใด “ห้าขวบ? เขาอายุได้ห้าขวบเจ้าก็ทำเรื่องเช่นนั้นกับเขา เจ้ายังมีความเป็นคนหรือไม่? เขาเป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น”
“อ๋า……ทำไมหรือ ท่านต้องการอยากเห็นกับตาตัวเองอย่างนั้นหรือ?”
“เพี๊ยะ……”
ผู้นำกองธงกล้วยไม้ตบเข้าไปที่บ้องหู้ของเยี่ยเฟิงอย่างรุนแรง และเกือบจะทำให้เยี่ยเฟิงเป็นลมหมดสติไป
“สารเลว ข้าเบื่อที่จะเสพสุขกับเจ้าตั้งนานแล้ว ผู้นำกองธงโบตั๋น เจ้าอยากได้เขาไปครอบครองมาตลอดเลยไม่ใช่หรือ วันนี้ข้าจะมอบเขาให้กับเจ้า”
ผู้นำกองธงโบตั๋นดีใจและกล่าวขึ้นอย่างตื่นเต้น “เช่นนั้นก็ขอบคุณผู้นำกองธงกล้วยไม้ เจ้าวางใจได้ ข้าจะไม่ทำให้เขาต้องโดดเดี่ยวเดียวดายอย่างแน่นอน และเมื่อข้าเบื่อเขาแล้วก็ยังมีผู้นำกองธงคนอื่นอีก หากไม่รังเกียจ ลูกน้องของข้าหลายคนก็อยากได้เยี่ยเฟิงมานานแล้ว ฮ่าๆ”
กู้ชูหน่วนได้ยินเข้าก็รู้สึกโกรธจนกัดฟันกรอด
ฝีมือการต่อสู้ของนางช่างน้อยนิดและเทียบไม่ได้เลยที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขา ฝูกวงก็ดันได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
กำลังภายในของเยี่ยจิ่งหานสูญสิ้นไปทั้งหมด และลูกน้องของเขาก็ไม่สะดวกที่จะปรากฏตัวออกมา ไม่เช่นนั้นจะเป็นการทำให้เผ่าเพลิงฟ้ารู้ความเคลื่อนไหวเอาได้ และถึงตอนนั้นเอง แม้แต่เยี่จิ่งหานก็จะได้รับอันตรายไปด้วย
นางจะช่วยเยี่ยเฟิงออกมาได้อย่างไรนะ?
เมื่อก้มลงมองดูข้างล่างก็กลับเห็นไม่เพียงแค่ผู้นำกองธงกล้วยไม้และผู้นำกองธงโบตั๋น แถมยังมีมหาราชาผู้พิทักษ์ของผู้นำกองธงกล้วยไม้อีกจำนวนหนึ่ง และรวมไปถึงผู้มีฝีมือสูงที่นางไม่รู้จัก สามารถอธิบายได้ว่าเป็นการรวมตัวกันของเหล่าผู้มีฝีมือสูงจำนวนมาก
ฝูกวงขมวดคิ้ว “นายท่าน ทำเช่นไรดีขอรับ?”
ตามนิสัยของเยี่ยเฟิงแล้ว หากเขาหมดสิ้นแล้วซึ่งศักดิ์ศรีของตัวเอง เกรงว่าเขาคงแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป
“เหตุใดจู่ๆ ผู้นำกองธงกล้วยไม้ถึงมาที่หุบเขาน้ำเต้าโลหิตได้นะ?”
“เรื่องนี้……ข้าน้อยก็ไม่ทราบขอรับ”
กู้ชูหน่วนลูบคางและในแววตาของนางก็คือกลุ่มเล็กๆ ของเผ่าเพลิงฟ้า
กลุ่มเล็กๆ นั้นไม่มีเหวินเส่าอี๋ แต่มีเพียงแค่ผู้อาวุโสและลูกศิษย์
แววตาของนางก็เริ่มเปล่งประกายขึ้นอีกครั้ง
“เราไม่สามารถจัดการกับคนของเผ่าปีศาจได้ แต่มีคนที่สามารถจัดการได้”
“นายท่านต้องการให้เทพแห่งสงครามช่วย? หากมีเทพแห่งสงครามคอยออกหน้าจัดการ เช่นนั้นเยี่ยเฟิงและคนอื่นๆ จะต้องได้รับความช่วยเหลือและสามารถหนีออกมาได้อย่างปลอดภัยอย่างแน่นอน”
เยี่ยจิ่งหาน?
ตัวเขาเองก็แทบไม่รอด ไปหาเขาเพื่ออะไร
กู้ชูหน่วนพูดกระซิบข้างหูของฝูกวง เมื่อได้ยินฝูกวงได้แต่ถอยหลังไม่หยุดและจ้องมองกู้ชูหน่วนอย่างไม่น่าเชื่อ
“นายท่าน ทำเช่นนี้ไม่ดีกระมัง”
“ไม่ดีตรงไหน ทำตามที่ข้าบอก”
“ขอรับ”
ครึ่งล่างของหุบเขา
ผู้นำกองธงโบตั๋นกล่าวว่า “วันนี้ข้าอยากจะเห็นรอยแดง พี่ผู้นำกองธงกล้วยไม้ ไม่เช่นนั้นเรามาดูของเล่นชิ้นใหม่ที่ข้าเพิ่งคิดค้นขึ้นใหม่กันเถอะ”
“ดี ไอ้สารเลวนี่ช่วงนี้มักจะแข็งข้อขึ้นทุกวัน ควรให้เขาได้รับความทุกข์ทรมานเสียบ้างแล้ว”
“พวกเจ้าต้องการจะทำอะไร เยี่ยเฟิงเป็นเพียงเด็กที่มีจิตใจดีคนหนึ่งเท่านั้น พวกเจ้าไม่สามารถทรมานเขาเช่นนี้ได้”
อัครมเหสีฉู่พยายามที่จะคลานขึ้นมาแต่ก็ล้มลงไปอีกครั้ง
เยี่ยเฟิงกัดฟันกรอด
พวกเขาจะทรมานเขาอย่างไร เขาก็ไม่กลัว
ต่อให้มอบเขาเป็นรางวัลให้กับผู้นำกองธงโบตั๋น เขาก็ยอม
เขาเพียงต้องการให้อัครมเหสีฉู่ออกจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย
ความรู้สึกที่ไร้ซึ่งความสามารถเช่นนี้ เมื่อไรจะจบสิ้นลง?
จนถึงตอนนี้ จู่ๆ เขาก็เกิดความสงสัยขึ้นมา สงสัยว่าสิ่งที่เขาศรัทธาเชื่อมาตลอดนั้นถูกต้องหรือไม่
บนโลกนี้ ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเขาเป็นคนจิตใจดี เขายอมทนทรมานเงียบๆ รักษาบาดแผลตัวเองแล้วปัญหาทั้งหมดจะจบไป
บนโลกนี้ สิ่งที่ต้องการมากที่สุดก็คือพละกำลังความสามารถ
หากว่าเขามีความสามารถ เช่นนั้นก็คงไม่ต้องถูกกระทำเช่นนี้
ไม่เคยมีช่วงเวลาไหนที่เขาต้องการมีพละกำลังความสามารถมากเช่นนี้
เพื่อไม่ต้องคอยทนทุกข์ทรมานกับสิ่งต่างๆ เหล่านั้น และเพราะจะได้คอยปกป้องดูแลคนที่รัก และเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของตัวเอง
“ปัง…….”
ผู้ถือธงจำนวนหนึ่งแบกถังเหล็กเข้ามาถังหนึ่ง เมื่อเปิดถังเหล็กออก ข้างในนั้นกลับเต็มไปด้วยเหล็กแหลมจำนวนมาก แต่ละแท่งเหล็กแหลมนั้นมีความยาวมาก
ผู้นำกองธงโบตั๋นหัวเราะ “ไม่ต้องกังวลไป ด้านหลังมีเหล็กแหลมมากที่สุด มันจะทำให้เจ้าอยู่กับที่และไม่ทำให้เจ้าต้องเคลื่อนไหวไม่เป็นที่เมื่ออยู่ข้างใน”