บทที่ 432
เหวินเส่าอี๋หัวเราะเยาะตัวเอง ความสัมพันธ์ของนิกายเทพอสูรกับเผ่าเพลิงฟ้า เมื่อไม่ตายจากกันก็จะไม่ยอมลดละ ประมุขชิงจะปล่อยเขาไปได้อย่างไรกัน
เปลี่ยนมาเป็นเขา เขาก็ไม่อาจปล่อยประมุขชิงไปได้เช่นกัน
เหวินเส่าอี๋เหลือบมองกำแพงหินหน้าผาที่โกร๋นเปลือยเปล่าและทะเลโลหิต เขาเคยคิดว่าจะตายในมือของหัวหน้านิกายเทพอสูร เคยคิดว่าจะตายในมือหัวหน้าหออันดับหนึ่งในใต้หล้า เคยคิดว่าจะตายในมือเยี่ยจิ่งหาน มีสิ่งเดียวที่ไม่เคยคิดคือจะมาตายที่แห่งนี้ได้
“นิกายเทพอสูรกับเผ่าเพลิงฟ้ามีความเคียดแค้นอันใดกันหรือ?”กู้ชูหน่วนกล่าวถาม
“เป็นความบาดหมางที่ลึกซึ้งมาก คนนิกายเทพอสูรมีชีวิตอยู่จุดมุ่งหมายคือตามหาไข่มุกมังกร ขุดรากถอนโคนเผ่าเพลิงฟ้า อาหน่วน หากท่านยังเห็นว่าข้าเป็นสหาย ก็อย่ายุ่งเรื่องนี้เลย”
ประมุขชิงไม่ได้กล่าวพูดออกมาอย่างแจ่มแจ้ง แต่เขามีจุดยืนที่มั่นคงชัดเจน ไม่มีทางหนีทีไล่เลยแม้แต่น้อย
พลังความแข็งแกร่งของเขาควบแน่นบนฝ่ามือของเขา และเมื่อเขายกฝ่ามือขึ้นแทบจะทุบกระโหลกของเหวินเส่าอี๋แหลกละเอียดได้
เหวินเส่าอี๋ไม่ได้พูดว่าถูกพิษดอกเสน่ห์ราคะ ชีวิตนั้นตายไปดีกว่าจะมีชีวิตเสียอีก พละกำลังภายในของเขาเกือบจะสูญเสียสิ้น อีกทั้งร่างกายเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นจึงไม่มีทางหนีที่ไล่มาสู้รบตบมือหรอก
เวลานี้เขาก็คล้ายดั่งปลาที่อยู่บนเขียงปล่อยให้คนฟาดฟันได้เลยตามเลยแล้ว
มือทั้งสองข้างของกู้ชูหน่วนกางออก ขวางอยู่ตรงหน้าของเขา จากนั้นกล่าวพูดทีละคำว่า“อยากจะสังหารเขา เว้นแต่ท่านจะสังหารข้าก่อน ข้าเป็นหนี้ชีวิตเขาอยู่ เพียงแค่ข้ายังมีลมหายใจ ข้าก็ไม่สามารถให้คนสังหารเขาได้หรอกนะ”
“อาหน่วน”
ประมุขชิงดวงตาร้อนผ่าว
นางสูญเสียความทรงจำ แม้แต่ขาวดำก็ไม่สามารถแยกออกได้แล้วหรือกระไร?
พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ ทั้งหมดไม่ใช่เพราะความร้ายกาจของเผ่าเพลิงฟ้าหรือ?
นางเมื่ออดีต พยายามอย่างที่สุดที่จะจัดการกับคนของเผ่าเพลิงฟ้าทั้งหมด โดยเฉพาะผู้อาวุโสเผ่าเพลิงฟ้ากับนายน้อยหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้า ตอนนี้นายน้อยหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้าอยู่ที่ตรงหน้าแล้ว แต่ทว่านางกลับปกป้องเขา
หากไม่ใช่รู้ว่านางสูญเสียความทรงจำทั้งหมด ประมุขชิงล้วนต้องเข้าใจผิดว่านางไม่ใช่นางแน่
“ตอนนี้เขาบาดเจ็บสาหัส พละกำลังของเขาลดลง ท่านสังหารก็เอาชนะเขาโดยไม่ได้ใช้กำลังความแข็งแกร่ง รออีกหน่อยได้หรือไม่….”
“รอบาดแผลเขาดีแล้วค่อยสังหารเขานะหรือ?”น้ำเสียงของประมุขชิงแข็งกร้าว
รอหลังจากที่บาดแผลเขาหายดีแล้ว ค่อยสังหารเขามันง่ายที่ไหนกัน นายน้อยเผ่าเพลิงฟ้าอยู่ใต้โลกหล้า เป็นบุคคลที่มีความอัจฉริยะ
ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาลดลงสู่ระดับเริ่มต้นลำดับที่สี่แล้ว แต่เป็นการยากที่จะมารับประกันว่าเขาจะไม่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังจากออกไป
“ข้าสัญญาตกลงกับท่านได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องนี้ที่ไม่ได้ ท่านหลบไป”
“อืม…..”
เสียงทุกข์ระทมของเหวินเส่าอี๋เปล่งออกมา คลื่นความร้อนในร่างกายของเขาโบกสะบัดแผ่ซ่านไปมา แม้ว่าเขาจะกัดริมฝีปากและลิ้นจนแตก สติของเขาก็ได้ค่อยๆ เลือนหาย
บวกกับอาการบาดเจ็บสาหัสของเขา ร่างกายอ่อนแอ อวัยวะกลวงอวัยวะตัน เส้นลมปราณพิเศษทั้งแปด มันเจ็บปวดแสนสาหัส คล้ายกับว่าจะถึงจุดแตกดับที่อันตรายแล้ว
หากไม่ใช่ว่าเขากัดแขนมาโดยตลอด เพื่อพยายามทำให้ตนเองมีสติ เกรงว่าจะเป็นลมหมดสติไปเสียตั้งนานแล้ว
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างดื้อรั้นว่า“ข้าเคยพูด หากว่าข้ายังมีลมหายใจ ก็ไม่มีทางให้คนทำร้ายเขาได้หากท่านต้องการอยากได้ชีวิตเขา ก็เอาข้าไปก่อนเถิด”
“ท่านคิดว่าข้าไม่กล้าสังหารท่านหรือ?”นางทำให้ประมุขชิงเดือดดาลมาก
คนเผ่าของพวกเขาถูกสาปด้วยโลหิต และพวกผู้ชายก็ค่อยๆ เน่าเปื่อยจากภายในสู่ภายนอก ตายไปด้วยความเจ็บปวด
ผู้หญิงในวันที่หนึ่งวันที่สิบห้าของทุกเดือน เมื่อโดนพิษของคำสาปโลหิตและมันปะทุขึ้น ตายดีกว่ามีชีวิตอยู่รอดต่อไปเสียอีก
และทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นผลงานชิ้นยอดเยี่ยมของเผ่าเพลิงฟ้า
นางจะช่วยเหวินเส่าอี๋ได้อย่างไร
“เช่นนั้นท่านก็สังหารเถิด”กู้ชูหน่วนส่ายหน้าปิดตา เพื่อรอประมุขชิงลงมือ
ประมุขชิงเดือดดาลยกมือตบไปทางกู้ชูหน่วน
เหวินเส่าอี๋มีสติขึ้นมาบ้าง
เขารีบร้อน ต้องการจะหยุดมัน แต่ทว่าเขากลับไม่มีพละกำลัง จึงทำได้เพียงมองดูฝ่ามือที่ตกลงมา
ประหม่า
หายใจไม่ออก
กังวล
เหวินเส่าอี๋หายใจแรงมากขึ้น
ยังดี…..ประมุขชิงหยุดฝ่ามือลงเมื่อเขาอยู่ห่างจากกู้ชูหน่วนหนึ่งชุ่น เขาไม่ได้จะสังหารนางจริงๆ
เขาคิดไม่ถึงเลย ช่วงระหว่างความเป็นความตาย กู้ชูหน่วนจะใช้ชีวิตมาปกป้องเขา
ชั่วพริบตาเดียว เหวินเส่าอี๋จึงมองกู้ชูหน่วนด้วยแววตาสับสน
ฝ่ามือของประมุขชิงหายไป ได้แต่เก็บความหนักอึ้งไว้ในใจ
เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า“เหวินเส่าอี๋ เจ้าจำไว้ วันนี้อาหน่วนใช้ชีวิตมาปกป้องเจ้า นางไม่ได้ติดค้างสิ่งใดเจ้าแล้ว ครั้งหน้าเจอกันอีก ข้าไม่มีทางที่จะออมมืออีก”
เหวินเส่าอี๋กอบกุมที่หน้าอกของตนเองแน่ เขาไม่มีแม้แต่แรงที่จะขยับปากกล่าวพูด
กู้ชูหน่วนยิ้ม และรอยยิ้มนั้นปรากฎลักยิ้มเล็กๆ สองข้าง นางกล่าวขึ้นว่า “ว่าแล้วท่านดีที่สุด ขอบคุณท่านมาก ท่านวางใจ ถ้าหากอนาคตเขากล้าทำอะไรที่ไม่ดีทำร้ายนิกายเทพอสูร ข้าเป็นคนแรกที่จะไม่ปล่อยให้เขาไป”
“ขอเพียงแต่ว่าท่านจะไม่เสียใจภายหลังกับการตัดสินใจในวันนี้ และก็ไม่ลืมคำกล่าวพูดวันนี้ด้วย”
“ไม่ลืมๆ จะลืมได้อย่างไรกันล่ะ”
“แม้ว่าข้าจะไม่สังหารเขาแต่ก็ไม่มีทางช่วยเขา เขาจะเป็นจะตาย ต้องพึ่งโชคตนเองแล้ว”
กู้ชูหน่วนฟังเข้าใจ
แม้ว่าประมุขชิงไม่ได้สังหารเขา แต่ทว่าต้องการทิ้งปล่อยเขาไว้ตามยถากรรมที่นี่
สถานที่แห่งนี้สูงห่างจากด้านบนของหน้าผาเกินไป และด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของเหวินเส่าอี๋ มันเลยเป็นไปไม่ได้ที่จะไปถึงยอดหน้าผา
และอุณหภูมิที่นี่ก็สูง ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงแม้จะไม่บุบสลายเลย เขาก็จะอยู่ได้ไม่นาน
ไม่สังหารเขากับสังหารเขา มันมีอะไรแตกต่างกัน?
ประมุขชิงสีหน้าไม่ดี
สามารถทำได้ถึงขั้นนี้ เกรงว่าเป็นขีดจำกัดสูงสุดของเขาแล้ว ขอร้องเขาอีก แน่นอนว่าประมุขชิงไม่มีทางยอมตกลง และร่างกายนางบาดเจ็บสาหัส
ประมุขชิงก็บาดเจ็บสาหัส พวกเขาสองคนขึ้นไปได้หรือไม่ ก็ยังเป็นเรื่องไม่แน่นอน
กู้ชูหน่วนกล่าวว่า“ข้าเชื่อว่าท่านจะมีชีวิตรอด”
เหวินเส่าอี๋สายตาเลือนลาง สุดท้ายไม่สามารถทนได้จึงหมดสติ
ก่อนที่จะหมดสติ เขาเห็นเพียงสายตาความเป็นห่วงกังวลใจคู่นั้นของกู้ชูหน่วน
ประมุขชิงดึงเชือกเถาวัลย์ มีเชือกเถาวัลย์ทั้งหมดสามเส้น จากนั้นผูกทั้งสามเส้นไว้รอบเอวของกู้ชูหน่วน และกล่าวว่า “ขึ้นมา ข้าจะแบกท่านขึ้นเอง”
“ยอดหน้าผาสูงมาก เอาทั้งสามเส้นมาผูกให้ข้า เช่นนั้นท่านจะทำอย่างไร?”
มือทั้งสองข้างของกู้ชูหน่วนพยายามแกะเถาวัลย์ออก เพราะอยากจะเอามัดรอบให้เขาด้วย
ประมุขชิงรีบรั้งไว้ เอามาเพียงเส้นเดียว“ข้าเอาเส้นเดียวพอแล้ว อุณหภูมิที่นี่เริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่เหมาะที่จะอยู่นานๆ พวกเรารีบออกไปกันเร็ว”
กู้ชูหน่วนอยากเอาอีกสองเส้นผูกให้เขา ประมุขชิงกล่าวอะไรก็ไม่ยินยอม
ในจิตใจของนางรู้สึกสับสนซับซ้อนเล็กน้อย
เอาทั้งสามเส้นให้นาง เพราะเกรงว่านางจะเป็นอะไรไป
ส่วนอีกสองเส้นไม่ว่าจะกล่าวพูดอะไรก็ไม่ยอมผูกกับตัวเขาเอง เกรงว่าเชือกเถาวัลย์จะรับน้ำหนักสองคนไม่ไหวหรือ?
มองไปทางเหวินเส่าอี๋ที่หมดสติ จะเป็นจะตายยากที่จะคาดเดา กู้ชูหน่วนก็หนักอึ้งหัวใจอย่างแปลกประหลาด
นางกลัวว่าความแข็งแกร่งภายในของประมุขชิงจะถูกดูดโดยนาง นางจึงบังคับผละประมุขชิงออกไป และกลับทำร้ายตนเอง กู้ชูหน่วนรู้สึกว่าร่างกายของนางอ่อนแอเหลือเกิน จึงทำได้เพียงว่านอนสอนง่ายอยู่บนหลังของประมุขชิง
“ข้ารู้สึกว่าท่านเหมือนคนผู้หนึ่ง”
“อ้อ….เหมือนผู้ใด”
“เหมือนพี่ใหญ่คนหนึ่ง”
ประมุขชิงกำลังดิ้นรนที่จะปีนอย่างสุดความสามารถ เหงื่อที่เหมือนเมล็ดถั่วหยดลงมาพร้อมมีโลหิตปะปนมาด้วยกู้ชูหน่วนเอื้อมยื่นมือ เพื่อช่วยเขาเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้า
เวลานี้ นางถึงได้พบว่า บนร่างของประมุขชิงทีรอยบาดแผลเต็มไปหมด หลายแห่งมีรอยเล็บของมังกร เลือดไหลหยด มันน่าตกตะลึงมาก โดยเฉพาะช่องท้อง คล้ายกับลำไส้เกือบทั้งหมดไหลออกมา
เมื่อมองไปด้านหลังอีกครั้ง เวลานี้กลิ่นไหม้เกรียมถึงค่อยๆ แผ่กระจายออกมา และเมื่อฉีกเสื้อผ้าออกดู เลือดเนื้อที่ด้านหลังก็ไหม้อย่างรุนแรง
มันถูกแผดเผาอย่างหนัก เพราะเหตุใดเวลานี้ถึงได้แพร่กระจายกลิ่นไหม้ออกมา หรือว่าเมื่อครู่เขาอดทนอยู่ตลอด?