บทที่ 431
เวลายังคงผ่านไปนาทีต่อนาที
ลมอุ่นๆ พัดโชยมา จากนั้นกู้ชูหน่วนกับเหวินเส่าอี๋ก็สูญเสียสติสัมปชัญญะไปอย่างสมบูรณ์
ขณะที่พวกเขากำลังจะก้าวเข้าสู่ขั้นสุดท้าย ร่างในชุดสีครามซึ่งโชกไปด้วยเลือดที่อยู่บนหน้าผาก็คว้าเถาวัลย์ที่เตรียมไว้ล่วงหน้า จากนั้นจึงไต่ลงมาอย่างรวดเร็ว
ประมุขชิงสอดส่องสายตามองไปรอบๆ อย่างกังวล พยายามมองหาผู้หญิงซึ่งอยู่ในความทรงจำคนนั้น
หินหนืดปะทุขึ้นบ้างเป็นครั้งคราว แต่ละการปะทุทำให้รู้สึกเหมือนตกไปอยู่ในใจกลางกองไฟร้อนๆ ที่แผดเผาร่างของเขาอย่างต่อเนื่อง แต่เขาไม่ประหวั่นเลยแม้แต่น้อย ดวงตาที่มุ่งมั่นนั้นสาบานว่าจะไม่เลิกราหากไม่พบกู้ชูหน่วน
ทันใดนั้นเขาก็มองเห็นกู้ชูหน่วนอยู่บนชะง่อนหินที่ยื่นออกมา
จิตใจที่ตึงเครียดของประมุขชิงค่อยผ่อนคลายลง
แต่ในไม่ช้าหัวใจของเขาก็หล่นวูบ
นางกำลังหลับตาและเสื้อผ้าก็อยู่ในสภาพไม่เรียบร้อย
โกรธ
โกรธอย่างท่วมท้น
ประมุขชิงไม่พูดพร่ำทำเพลงและกวาดฝ่ามือไปอย่างรุนแรง
เมื่ออันตรายย่างกรายเข้ามา เหวินเส่าอี๋ก็ฟื้นคืนสติ เขาดึงเสื้อผ้ามากันกู้ชูหน่วนไว้ทันที
จากนั้นจึงผลักกู้ชูหน่วนออกไปเพื่อกันไม่ให้แรงจากฝ่ามือมากระทบตัวนาง
สุดท้ายเขาจึงรวบรวมกำลังภายในที่เหลืออยู่ต้านทานพลังฝ่ามือที่รุนแรงนั้น
ปึ่ง!
เหวินเส่าอี๋ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนกระอักเลือด
ยังไม่ทันจะตอบโต้ ประมุขชิงก็เคลื่อนไหวและโจมตีมาเรื่อยๆ
บู้มๆๆ!
ร่างกายของประมุขชิงโชกไปด้วยเลือดและได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เหวินเส่าอี๋ก็สูญเสียกำลังภายในไปมาก ตอนนี้วรยุทธ์ของเขาจึงด้อยกว่าประมุขชิงมาก ทั้งอาการบาดเจ็บก็ไม่ได้เบาไปกว่ากันเลย
นอกจากนี้เขายังถูกยาพิษจนเสื้อผ้าอยู่ในสภาพไม่เรียบร้อย
ซึ่งนั่นทำให้ประมุขชิงยิ่งเดือดดาลมากขึ้นไปอีก ด้วยเหตุผลเหล่านี้เอง เหวินเส่าอี๋จึงเสียเปรียบและเกือบจะเสียท่าให้ประมุขชิง
เสียงของการต่อสู้ดังครึกโครมและแว่วเข้ามาในหูเป็นครั้งคราว
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวดและลืมตาอย่างอ่อนแรง
ถ้านางไม่เห็นก็ไม่เป็นอะไร แต่เมื่อเห็นแล้วสติของนางก็เริ่มกลับคืนมาเล็กน้อย
แววตาของประมุขชิงแดงฉาน ร่างกายชุ่มโชกไปด้วยเลือด และเขาก็โจมตีเหวินเส่าอี๋อย่างรุนแรง
เหวินเส่าอี๋ผู้น่าสงสาร เขาเคยอยู่ในจุดที่สูงส่งและมีวิทยายุทธแข็งแกร่ง เคยเต็มไปด้วยความกระฉับกระเฉงและน่าเกรงขาม แต่ตอนนี้กลับถูกประมุขชิงโจมตีจนแทบจะหมดลมหายใจ
“หยุด… หยุดนะ”
ขลุ่ยหยกถูกเหวี่ยงออกพร้อมกับจิตสังหารอันแรงกล้า พุ่งโจมตีไปทางเหวินเส่าอี๋
กู้ชูหน่วนรับรองได้เลยว่าหากถูกขลุ่ยโจมตีอีกครั้ง เหวินเส่าอี๋อาจบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นเสียชีวิต
กู้ชูหน่วนก้าวไปตรงหน้าเหวินเส่าอี๋โดยที่แทบจะไม่ลังเลใดๆ ขวางการโจมตีที่อันตรายถึงชีวิตนั้นไว้
ประมุขชิงตกตะลึง
เหวินเส่าอี๋ก็ตกตะลึงเช่นกัน
ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย รูม่านตาของประมุขชิงหดตัวลง จากนั้นเขาจึงพยายามใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีสลายการโจมตีที่ร้ายแรงในคราวนี้
พลั่ก!
กำลังภายในของประมุขชิงถูกสะท้อนกลับด้วยตัวของเขาเอง การโจมตีนั้นรุนแรงจนเขากระอักเลือด
“ประมุขชิง…”
กู้ชูหน่วนคลานอย่างโซซัดโซเซไปประคองเขา
กู้ชูหน่วนกัดลิ้นตัวเองเพื่อดึงสติสัมปชัญญะให้กลับคืน
เมื่อเห็นกู้ชูหน่วน ความโกรธของประมุขชิงจึงค่อยลดลง “ท่าน… ถูกวางยางั้นรึ”
“ขะ… ข้าถูกวางยา จากดอกเสน่ห์ราคะที่มีผลรุนแรง ท่านรีบ… รีบไปเสีย” นางไม่ต้องการมีความอะไรๆ กับประมุขชิง และยิ่งไม่ต้องการให้เขาเห็นสภาพที่ดูไม่ได้ของตนเอง
ประมุขชิงไม่สนใจและเริ่มควบคุมพลังปราณภายในของตน จากนั้นจึงวางมือทั้งสองข้างลงบนหลังของกู้ชูหน่วน ใช้กำลังภายในของตนเองช่วยขจัดพิษของดอกเสน่ห์ราคะให้นาง
พร้อมกันนั้นก็เอ่ยว่า “ท่านไม่ต้องกังวล ข้าไม่มีทางปล่อยให้เหวินเส่าอี๋มีชีวิตรอด ถึงอย่างไรเขาก็ต้องตายวันนี้ ต่อให้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม”
กู้ชูหน่วนตื่นตระหนก
นางต้องการหยุดประมุขชิงที่คิดจะมอบกำลังภายในให้นาง ทว่าก็สายเกินไปเสียแล้ว
กำลังภายในของประมุขชิงมีผลลัพธ์ไม่ต่างกับเหวินเส่าอี๋ที่ถูกนางดูดซับพลังไปอย่างต่อเนื่อง
“ข้าไม่อยากดูดซับกำลังภายในของท่าน ท่านรีบดึงฝ่ามือออกเร็วเข้า”
“ไม่เป็นไร ถ้าท่านต้องการ ข้ายอมให้ทุกอย่างแก่ท่านได้เสมอ”
ประมุขชิงยิ้ม แววตาที่อบอุ่นของเขาเต็มไปด้วยความเอาอกเอาใจ
เขาไม่ได้ถอนฝ่ามือออก ทั้งยังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยให้นางฟื้นตัวจากพิษของดอกเสน่ห์ราคะ
เมื่อเห็นแววตาที่เอาอกเอาใจและรอยยิ้มที่คุ้นเคย กู้ชูหน่วนก็ยิ่งมั่นใจในความคิดของตนเอง
ประมุขชิงคืออี้เฉินเฟย
กู้ชูหน่วนทั้งกังวล ทั้งโกรธ ทั้งไม่สบายใจ
ที่กังวลคือนางอยากจะถอนตัวจากฝ่ามือนั้นแต่ทำไม่ได้
ที่โกรธคืออี้เฉินเฟยโง่เง่าเกินไป มีใครบ้างที่เต็มใจมอบกำลังภายในที่ตนเองสั่งสมมาอย่างลำบากให้ผู้อื่น เขาไม่รู้หรือว่านางอาจจะดูดซับกำลังภายในของเขาจนเขาตายเลยก็ได้
ที่ไม่สบายใจคือ พิษจากดอกเสน่ห์ราคะที่อาละวาดอยู่ภายในตัวนางตอนนี้ก็ว่าแย่แล้ว เมื่อมีกำลังภายในของเขาเพิ่มเข้ามาอาละวาดอยู่ในตัวอีก นางจึงรู้สึกทรมานไม่ต่างกับการถูกม้าห้าตัวฉีกทึ้งร่าง
“ข้าไม่ต้องการกำลังภายในของท่าน”
เมื่อเห็นว่ากำลังภายในของประมุขชิงยิ่งหลั่งไหลเข้ามาในตัวมากขึ้นทุกที กู้ชูหน่วนก็ร้อนใจจนแทบบ้า
นางร้องออกมาอย่างเจ็บปวด พยายามรวบรวมกำลังภายในทั้งหมดและกระแทกประมุขชิงออกไป
พลั่ก!
นางบาดเจ็บสาหัส
ประมุขชิงเองก็ได้รับบาดเจ็บเพราะนางเช่นกัน
“อาหน่วน…”
“ยะ… อย่าเข้ามาใกล้ข้าอีก”
กู้ชูหน่วนกระถดถอยหลัง
ต่อให้จะมีความสัมพันธ์กับใครๆ แต่นางไม่ยอมมีความสัมพันธ์ใดๆ กับเขาเด็ดขาด
สำหรับนางแล้วเขาคือพี่ชาย พี่ชายแท้ๆ
กู้ชูหน่วนใช้หัวกระแทกกำแพงหินด้วยความเจ็บปวด
ความเจ็บปวดฉาบฉายอยู่ในแววตาของประมุขชิง ทันทีที่เขาพลิกฝ่ามือ มีดขนาดเล็กเล่มหนึ่งก็ส่องประกายแวววาวอยู่ในมือของเขา
ประมุขชิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะใช้มีดกรีดมือของตนเอง จากนั้นจึงจ่อเลือดไปตรงปากของนาง
“มาเถิด รีบดื่มเสีย”
กู้ชูหน่วนโกรธจะเป็นจะตาย
เขาตาบอดหรือ
ไม่เห็นหรือว่านางถูกวางยา
เหตุใดจะต้องเข้ามาใกล้นางด้วย
อยากให้นางกระโจนเข้าหาหรืออย่างไร
กู้ชูหน่วนคิดจะผลักมือของเขาออกด้วยความโกรธ แต่ประมุขชิงกลับสกัดจุดนางและบังคับให้นางดื่มเลือดของเขา
กู้ชูหน่วนจ้องเขาเขม็ง
ประมุขชิงยิ้มอย่างอบอุ่นและลูบผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “วางใจเถิด เลือดนี่ช่วยแก้พิษจากดอกเสน่ห์ราคะได้”
อีกด้านหนึ่งของชะง่อนหิน ด้วยสติอันพร่าเลือน เหวินเส่าอี๋ประทับฉากนั้นไว้ในใจอย่างเลือนรางในขณะที่กำลังทนรับความเจ็บปวด
ประมุขชิงแห่งนิกายเทพอสูร…
เขามีความสัมพันธ์อย่างไรกับกู้ชูหน่วน เหตุใดเขาจึงดีกับกู้ชูหน่วนขนาดนี้
ก่อนที่จะเข้าใจอะไรๆ ชัดเจน ทะเลโลหิตหินหนืดที่อยู่ใต้หน้าผาก็ดูเหมือนจะสั่นสะเทือน ทันใดนั้นก็เกิดการปะทุ มีเปลวไฟขนาดมหึมาพวยพุ่งออกมา
เปลวไฟปกคลุมออกไปเป็นวงกว้าง ถ้าหากโดนเข้า เขาพวกเขาทั้งสามคนจะต้องตายอย่างแน่นอน
สัญชาตญาณสั่งให้เหวินเส่าอี๋รวบรวมกำลังภายในทั้งหมดที่เหลือปัดเป่าเปลวเพลิงนั้น
ตูม!
เปลวเพลิงเปลี่ยนทิศทางไปแล้ว ทว่าเขากลับประคองตัวไว้ไม่ไหวอีกต่อไปและล้มลงไปกองอยู่บนพื้น
เกือบจะในเวลาเดียวกัน พิษดอกเสน่ห์ราคะในตัวของกู้ชูหน่วนถูกถอนออกไปเกือบหมดแล้ว และจิตใจที่กระสับกระส่ายของนางก็ค่อยๆ สงบลง
“ดีขึ้นบ้างหรือไม่”
“ดี… ดีขึ้นมาก นี่มันอะไรกัน คิดไม่ถึงว่าเลือดของท่านจะแก้พิษดอกเสน่ห์ราคะได้ หรือว่าเลือดของท่านจะแก้พิษอื่นๆ ได้ด้วย”
“ข้าก็ไม่แน่ใจว่าจะแก้พิษได้กี่ชนิด แต่แค่แก้พิษของท่านได้ก็ดีแล้ว”
ประมุขชิงวางกู้ชูหน่วนลงและเดินเข้าไปหาเหวินเส่าอี๋ เขาก้มมองเหวินเส่าอี๋ แววตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นหายไปในพริบตาและถูกแทนที่ด้วยเจตนาฆ่าที่เยือกเย็น
คือเจตนาฆ่า
เป็นเจตนาฆ่าที่รุนแรง
กู้ชูหน่วนกัดฟันและเอ่ยอย่างสั่นเครือ “ท่าน… ท่านคงไม่คิดจะฆ่าเขาหรอกนะ เขาไม่ได้ทำอะไรข้าเลยแม้แต่น้อย ข้ากับเขาบริสุทธิ์ ไม่มีอะไรเกินเลยกันทั้งนั้น”
กู้ชูหน่วนคิดว่าที่จิตสังหารของประมุขชิงรุนแรงเช่นนี้เป็นเพราะสิ่งที่เหวินเส่าอี๋ทำกับนาง
ประมุขชิงยิ้มเยาะ “ต่อให้เขาจะไม่ได้ทำอะไรท่าน เพียงแค่เขาเป็นนายน้อยเผ่าเพลิงฟ้า ก็เพียงพอแล้วที่เขาจะต้องตาย”
ตลอดหลายปีมานี้เขาอยากจะฆ่าเหวินเส่าอี๋มาตลอด ทว่าไม่มีโอกาส
ตอนนี้เป็นโอกาสดีแล้ว และเขาไม่มีทางปล่อยผ่านอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมอบเลือดซึ่งเป็นส่วนสำคัญภายในกายให้กู้ชูหน่วนดื่มไปแล้ว จากนี้เขาคงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน
ก่อนตาย เขาต้องช่วยอาหน่วนและนิกายเทพอสูรกำจัดหายนะอย่างเหวินเส่าอี๋ให้ได้
“ปล่อยเขาไปได้หรือไม่ ถ้าไม่ใช่เพราะเขายอมสละชีวิตเพื่อช่วยข้า ข้าคงจะตายอยู่ในทะเลโลหิตไปนานแล้ว ข้าเป็นหนี้บุญคุณเขา” ทั้งยังเป็นหนี้ชีวิตเขาด้วย
ประมุขชิงปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด “ไม่มีทาง”
“ประมุขชิง…”
“เผ่าเพลิงฟ้ากับนิกายเทพอสูรเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน นี่เป็นความคับแค้นที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อหลายร้อยปีก่อน เขาคือนายน้อยเผ่าเพลิงฟ้า เป็นศัตรูคู่อาฆาตกับนิกายเทพอสูร”