กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 510
“เอ่อ……ใช่แล้ว ท่านพ่อของข้าดูเหมือนจะทิ้งคำพูดประโยคหนึ่งเอาไว้”
ในใจของกู้ชูหน่วนแน่นขึ้น
“คำพูดใด?”
“ในตอนนั้นข้ายังเด็กเกินไปเลยจำไม่ได้”
กู้ชูหน่วนต้องการชกเขาสักทีหนึง
เรื่องสำคัญเช่นนี้ก็ยังสามารถลืมได้
“ท่านลองคิดให้ละเอียดถี่ถ้วนอีกดู”
“ผ่านไปห้าสิบกว่าปีแล้วจะนึกออกได้อย่างไร”
“โอ๊ย ท่านปู่ ท่านปู่ผู้แสนดีของข้าท่านลองคิดดูให้ดีๆสิ ข้าชอบฟังเรื่องราวเหล่านี้นัก”
ท่านผู้เฒ่าฮวาเสียพ่อแม่และภรรยาไปตั้งแต่ยังเยาว์ ท้ายที่สุดแม้แต่ลูกสาวและหลานสาวก็เสียชีวิตก่อนวัยอันควร
ในใจเขาโหยหาความรักของญาติมิตรมากกว่าผู้ใด
ตอนนี้กู้ชูหน่วนจับมือเขาออดอ้อนไม่หยุด ทำให้เขาราวกับเห็นลูกสาวและหลานสาวของเขาในขณะที่ยังเด็กก็จับเขาพร้อมกับออดอ้อนเช่นนี้
ใจของท่านผู้เฒ่าฮวากำลังจะละลายแล้ว ไหนเลยที่จะอดทำลายความตั้งใจของนางได้
“ได้ได้ได้ปู่จะลองคิดดูให้ดีๆ ดูเหมือนว่าท่านพ่อของข้าจะกล่าวถึงหุบเขาอะไร ภูเขาอะไร……ค่ายกลอะไร”
“หุบเขาตันหุย?”
“ใช่ใช่ใช่ หุบเขาตันหุย เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
“เมื่อไม่นานมานี้ได้ออกไปกับท่านอ๋องและได้พบกับคนสองสามคนจากหุบเขาตันหุย ท่านว่าหุบเขาอะไรนะ ในสมองของข้าก็ผุดคำว่าเขาหุยกู่สามคำออกมาเลย”
“หุบเขาตันหุยซ่อนตัวจากโลกภายนอกมาโดยตลอด เหตุใดจู่ๆถึงได้ปรากฏออกมา”
“อันนี้ข้าก็ไม่รู้แล้ว ท่านปู่ ท่านคุ้นเคยกับหุบเขาตันหุยหรือไม่?”
“ไม่คุ้นเคย ไม่เคยไป”
ใช่หรือ?
งั้นช่างน่าเสียดายยิ่งนัก
นางคิดว่าท่านผู้เฒ่าจะรู้เรื่องราวบางอย่างเกี่ยวกับหุบเขาตันหุยเสียอีก
“เช่นนั้นก็ลองคิดดูอีกทีว่าเป็นภูเขาอะไร ค่ายกลอะไร?”
“เวลานานเกินไปแล้วนึกไม่ออกจริงๆ แต่ข้าเคยเห็นท่านพ่อของข้าบ่นพึมพำกับตนเองว่าจะไปหาของสิ่งหนึ่ง ของสิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก ข้าจึงถามเขาว่าคือสิ่งของอะไร เขาเพียงแค่บอกว่าเป็นสิ่งของที่ตระกูลฮวาของพวกเราต้องตามหาทุกรุ่นทุกชั่วอายุคน”
เอ่อ……
แล้วคือสิ่งของอะไรเขาก็ยังไม่สามารถบอกให้ชัดเจนได้
ท่านผู้เฒ่าฮวาชี้ไปยังดาบไม้ในมือของนาง “หากข้าเดาไม่ผิดสิ่งของที่ครอบครัวฮวาทุกรุ่นทุกชั่วอายุคนตามหาน่าจะเกี่ยวข้องกับดาบไม้เล่มนี้”
ประโยคนี้มันแน่นอนอยู่แล้ว
กู้ชูหน่วนก็รู้เช่นเดียวกันว่าดาบไม้เล็กๆเล่มนี้ไม่ใช่สิ่งของธรรมดาเช่นเดียวกับลักษณะภายนอกนั้น
ผู้เฒ่าอีกคนหนึ่งกล่าวว่า “ข้าว่าพวกเจ้าปู่กับหลานทั้งสองคนพูดคุยจ้อแจ้กันมาตั้งนานแล้ว พูดคุยกันเสร็จหรือยัง”
“เฮ้อ เจ้าอิจฉาที่ข้าได้หลานสาวมาคนหนึ่งสินะ”
“ใช่ใช่ใช่ ข้าอิจฉา เจ้าได้นางมาเป็นหลานสาว ท่านอ๋องก็จะไม่กลายเป็นหลานชายของเจ้าหรือ เจ้าก็ไม่กลัวว่าท่านอ๋องจะด่าทอเจ้าจนตาย”
“เฮ้อ ข้ามีสิ่งใดต้องกลัว เป็นไปได้หรือไม่ที่ข้าจะเป็นท่านปู่ของท่านอ๋องไม่ได้ ข้าก็ไม่ใช่ลูกน้องของท่านอ๋องสักหน่อย ที่อยู่ที่นี่ก็เพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณก็เท่านั้น”
“ตอบแทนบุญคุณ?” กู้ชูหน่วนถาม
ดูเหมือนท่านผู้เฒ่าฮวาจะไม่ต้องการกล่าวสิ่งใดมากมายเพียงแค่บอกปัดไปอีกหัวข้อสนทนาหนึ่งว่า “เจ้าได้ตั้งครรภ์แล้วลมที่นี่แรงนัก ข้าจะกลับไปยังห้องกับเจ้าเพื่อให้เจ้าได้พักผ่อนเสียก่อน”
เพิ่งกล่าวจบ ค่ายกลเส้นละมุนซึ่งเดิมทีได้หายไปไม่รู้ว่าเนื่องจากเหตุใดได้เริ่มขึ้นมาอีก
และการเริ่มครั้งนี้มีความคมชัดมากกว่าเมื่อครู่เป็นสิบเท่า
ผู้เฒ่าสองคนที่กำลังหยอกล้อเล่นกับท่านผู้เฒ่าฮวาถูกบดเป็นเนื้อละเอียดทันทีอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ผู้เฒ่าหก ผู้เฒ่าแปด…… ”
ทุกๆคนทั้งโกรธเคืองและทุกข์ใจ ทำได้เพียงมองดูพวกเขาถูกบดเป็นเนื้อละเอียดไป
เกือบจะทันทีที่ค่ายกลเส้นละมุนเริ่มขึ้นกู้ชูหน่วนก็รู้สึกผิดปกติ นางผลักท่านผู้เฒ่าฮวาที่อยู่ข้างๆออกจากค่ายกลในทันทีพร้อมตะโกนว่า “ค่ายกลเส้นละมุนแปรเปลี่ยนไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะใช้ไม้อ่อนปะทะความแข็งก็ไร้ประโยชน์ ทุกคนระวังตัวด้วย”
ด้านหนึ่งนางกล่าวอีกด้านหนึ่งก็รีบเปลี่ยนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว หลีกเลี่ยงการโจมตีอย่างต่อเนื่องคลื่นแล้วคลื่นเล่า
ในค่ายกลยังมีองครักษ์สองสามคน ความเร็วของพวกเขาชักช้าอยู่เล็กน้อยก็ถูกบดเป็นเนื้อละเอียดไปด้วย
ท่านผู้เฒ่าฮวาบอกว่าเขาไม่ประทับใจเป็นความเท็จ
ในช่วงเวลาอันตราย ความคิดแรกของหลานสาวของเขาไม่ใช่หลบหนีไปเองแต่เป็นการช่วยเขาออกไป
นางเห็นเขาสำคัญมากกว่าชีวิตของตัวนางเอง
ค่ายกลแปรเปลี่ยนครั้งแล้วครั้งเล่า
อย่าว่าแต่กู้ชูหน่วนแม้แต่ผู้เฒ่าคนอื่นๆก็ทนไม่ไหว ผู้เฒ่าคนหนึ่งไม่ทันระวังก็ถูกเส้นละมุนดรรชนีเผาที่มองไม่ชัดทำให้ได้รับบาดเจ็บจนแขนข้างหนึ่งสลายกลายเป็นฝนโลหิตและแยกออกจากร่างกายไปเลยในทันที
ท่านผู้เฒ่าฮวาทุ่มสุดชีวิตเพื่อที่จะพุ่งเข้าไปแต่พลังของค่ายกลแข็งแกร่งเกินไป เขาพุ่งเข้าไปครั้งแล้วครั้งเล่าก็ถูกเด้งกลับออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า
“พรวด……”
ท่านผู้เฒ่าฮวาก็เป็นยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงในใต้หล้าแต่กลับได้รับบาดเจ็บจากแรงต้านการกระแทกของค่ายกลจนกระอักเลือดออกมาและอวัยวะภายในของก็เกือบจะเคลื่อนตำแหน่ง
ยอดฝีมืออื่นๆของพระราชวังชิวเฟิงทะยานเข้ามาก็ระเบิดเป็นหมอกโลหิตในที่นั้นเลย
ท่านผู้เฒ่าฮวามองเห็นเพียงแค่กู้ชูหน่วนและคนอื่นๆที่หลบซ่อนอยู่ภายในอย่างยากลำบากเท่านั้น
“ท่านอ๋องหล่ะ เหตุใดท่านอ๋องยังไม่มาอีก” ท่านผู้เฒ่าฮวาเกือบคำราม
เขานึกไม่ออกจริงๆว่าหากล่าช้าออกไปกว่านี้ คนในนั้นจะถูกบดเป็นเนื้อละเอียดกันหมดหรือไม่
“ท่านอ๋องและจอมมารกำลังต่อสู้กันอย่างหนักหน่วงอีกทั้งยิ่งสู้ก็ยิ่งไกลออกไป ข้าน้อยวรยุทธ์ต่ำต้อยจึงไม่สามารถเข้าใกล้พวกเขาได้เลย”
“งั้นก็ตะโกนดังๆแล้วให้นายท่านกลับมาโดยเร็ว”
“ข้าน้อยตะโกนแต่เสียงการต่อสู้ของพวกเขาดังเกินไป เสียง……เสียงแพร่ไปไม่ถึงหูของท่านอ๋อง”
“มังกรไฟสิบสองกองพวกเจ้าไปเชิญท่านอ๋องมาด้วยตนเอง ต้องให้ไว”
“ขอรับ” ร่างทั้งสิบสองเส้นจากออกไปอย่างรวดเร็วเสียจนทุกคนมองเห็นได้ไม่ชัดเจน
“แคร๊ก……”
ผู้เฒ่าซึ่งแขนได้หักไปข้างหนึ่งไม่ทันได้ระวังก็ ถูกเส้นละมุนดรรชนีเผาพรากชีวิตไปเสียแล้ว
คนอื่นๆได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อย แม้แต่ร่างกายของกู้ชูหน่วนก็ได้รับบาดเจ็บหลายสิบแห่งด้วยประกายแสงของเส้นละมุนดรรชนีเผาจนเลือดได้ไหลออกมาท่วมทั่ว กระโปรงสีแดงตัวนั้นเนื่องจากเปรอะเปื้อนเลือดสดๆก็ยิ่งดูงดงามพราวเสน่ห์ขึ้นไปอีก
ท่านผู้เฒ่าฮวารวบรวมกำลังทั้งหมดและไม่รีรอที่จะใช้วิธีต้องห้ามเพื่อกระแทกเข้ากับค่ายกล แต่ว่าค่ายกลเพียงแค่สั่นเล็กน้อยเท่านั้นซึ่งเขาก็ยังคงไม่สามารถเข้าไปได้
เขากังวลที่จะหาวิธีที่จะทำลายค่ายกล แต่ยิ่งกังวลมากเท่าใดเขาก็ยิ่งไม่สามารถทำลายค่ายกลได้มากเท่านั้นจึงทำได้เพียงร้อนรนไปทั่ว
ผู้เฒ่าที่เหลืออยู่ไม่กี่คนสร้างรูปแบบการป้องกันแบบหนึ่งขึ้น โดยที่คุ้มครองกู้ชูหน่วนไว้ภายในและใช้เลือดเนื้อของพวกเขาต่อต้านค่ายเส้นละมุนดรรชนีเผาอันดุเดือดโหดเหี้ยม
ผู้คนด้านนอกค่ายกลมองดูสถานการณ์ด้านในอย่างตื่นเต้นโดยที่ในใจเจ็บปวดจนเลือดไหลริน ผู้คนมากมายต่างก็มองหาวิธีที่จะทำลายค่ายกลแต่ก็ยังไม่มีวี่แววเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ต้องห่วงข้า” กู้ชูหน่วนดึงดาบอ่อนออกมาจากรอบเอว แต่ละดาบขวางเส้นละมุนดรรชนีเผาเอาไว้
น้ำจากเหงื่อและเลือดเปรอะเปื้อนร่างกายของนาง ประกายแสงแต่ละเส้นกระแทกบนร่างของนางจนเป็นร่องรอยโลหิตเป็นทางๆแต่ว่านางไม่ได้สังเกต
รู้เพียงแค่ว่านางจะต้องทนให้ได้ รู้เพียงแค่ว่าต้องไม่ให้ผู้เฒ่าทั้งสามคนทุ่มเทด้วยชีวิตเพื่อนางอีก
เมื่อนึกถึงผู้คนเป็นพันเป็นหมื่นของเผ่าหยกกู้ชูหน่วนจึงได้กัดฟันทน ดาบทุกเล่มพุ่งไปทำให้เส้นละมุนดรรชนีเผาสะท้านออก
ยิ่งนางล้มเหลวก็ยิ่งกล้าหาญ ร่างกายก็ยิ่งได้รับบาดเจ็บมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งมีเลือดไหลมากขึ้นดาบในมือก็ยิ่งรวดเร็วยิ่งขึ้น
สติค่อยๆเลอะเลือน ข้างหูนั้นเป็นเสียงของท่านผู้เฒ่าฮวาและเหล่าองครักษ์ของพระราชวังชิวเฟิงที่ตะโกนร้องสุดชีวิต
แต่นางไม่ได้ยินเลยสักประโยค ได้ยินเพียงเสียงเต้นเร็วตึกตักตึกตักในใจของตนเองที่เร็วขึ้นเรื่อยๆ
นางเป็นเพียงระดับสองเท่านั้น
ผู้เฒ่าเหล่านั้นได้มาถึงชั้นสูงสุดระดับสี่แล้ว
แต่เนื่องจากผู้เฒ่าสามคนได้รับบาดเจ็บสาหัสและกำลังภายในมหาศาลได้สูญเสียไป การเคลื่อนไหวในมือยิ่งอยู่ยิ่งช้าลงเรื่อยๆ ป้องกันตัวเองยังยากลำบากจึงไร้เรี่ยวแรงปกป้องกู้ชูหน่วนตั้งนานแล้ว
หลายครั้งที่ผู้เฒ่าสามคนได้รับอันตรายจากเส้นละมุนดรรชนีเผา ก็เป็นดาบแนวขวางของกู้ชูหน่วนที่ขวางเส้นละมุนดรรชนีเผาออกไปทั้งสิ้นและช่วยชีวิตพวกเขาจากอันตราย
เมื่อครู่เป็นผู้เฒ่าสามคนที่ปกป้องกู้ชูหน่วน
ในตอนนี้ได้กลับกัน
กู้ชูหน่วนหญิงสาวผู้สง่างามผู้หนึ่งเต็มไปด้วยเลือดทั้งร่าง ดาบอ่อนในมือถูกใช้รื่นไหลดังเมฆลอยสายน้ำไหล นางเคลื่อนตัวผ่านค่ายเส้นละมุนดรรชนีเผาด้วยเนื้อเลือดของนางเองเพื่อปกป้องผู้เฒ่าทั้งสามคน
ทุกคนในพระราชวังชิวเฟิงบังเกิดความประทับใจขึ้น
ผู้เฒ่าทั้งสามคนก็บังเกิดความประทับใจขึ้นเช่นดียวกัน
ดวงตาของพวกเขาแดงก่ำและร้องตะโกนว่า “พวกเราจะไม่ไหวแล้ว ท่านไม่ต้องสนใจข้าแล้วปกป้องตัวเองเอาไว้ก่อน”
กู้ชูหน่วนกัดฟันให้ประกายเส้นละมุนดรรชนีเผากระทบบนร่างนาง ปล่อยให้เลือดไหลลงทีละหยดๆและเพียงแค่กล่าวอย่างแน่วแน่ว่า “ค่ายกลข้าเป็นผู้เริ่มข้าจึงมีหน้าที่ปกป้องพวกท่าน”
“ท่านเป็นถึงพระชายาพวกเราเป็นแค่ลูกน้อง ปกป้องท่านเป็นหน้าที่ของพวกเรา ท่านไม่จำเป็นต้องนึกถึงพวกเราเลย”
“ใช่ ในท้องของท่านยังมีเนื้อเลือดของท่านอ๋องอยู่ หากว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับท่านแม้ว่าพวกเราจะลงไปดินแดนหลังความตายก็ไม่มีหน้าไปพบท่านอ๋องได้”
“พูดจามากมายไร้สาระเช่นนั้นทำไมกัน ค่ายกลมุมตะวันออกเฉียงเหนือค่อนข้างอ่อน พวกท่านมายังมุมตะวันออกเฉียงเหนือกันให้หมด”
ขณะที่กล่าวนางใช้พลังระเบิดเส้นละมุนดรรชนีเผาทั้งหมดออกเพื่อหาที่ปลอดภัยให้กับพวกเขา ส่วนนางต่อต้านเส้นละมุนดรรชนีเผาที่ตัดขวางพุ่งเข้ามาทั้งหมดนั้นแต่เพียงผู้เดียว
หมายเหตุ
ดาบอ่อน เป็นดาบน้ำหนักเบาพกพาสะดวก ม้วนคาดไว้รอบเอวได้