กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ – บทที่ 511

บทที่ 511

เหตุผลที่เรียกว่าเส้นละมุนดรรชนีเผาเพราะมันดูไม่โดดเด่นและไม่เป็นที่ดึงดูดสายตาเลย เหมือนกับสายฉินเส้นหนึ่ง แต่ความแข็งแกร่งของมันนั้นทรงพลังมาก แม้แต่ดาบเหล็กนิลก็ไม่สามารถตัดขาดได้

ยิ่งไปกว่านั้นเส้นละมุนดรรชนีเผายังถือเป็นหนึ่งในค่ายกลอาคมเส้นละมุนเพื่อการสังหารที่มีความร้ายกาจที่สุด พลังความร้ายกาจเกินพันเท่า

“ตุ่บ……”

แผ่นหลังของกู้ชูหน่วนได้รับบาดเจ็บจากแสงสะท้อนนั้นอีกครั้ง แม้แต่กระดูกก็โผล่ออกมาให้เห็น

โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเพราะเส้นละมุนดรรชนีเผาโดยตรง ไม่เช่นนั้น ร่างกายของนางก็คงถูกเผาไปกว่าครึ่งท่อนเสียแล้ว

เมื่อได้รับการปกป้องโดยนาง ชายชราทั้งสามก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

แต่เมื่อเห็นบาดแผลและอาการบาดเจ็บของนางที่มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด หัวใจของพวกเขาเจ็บปวดอย่างมาก และต่างพยายามต่อต้านเส้นละมุนดรรชนีเผา

ปากบ่นพึมพำขึ้นมา “พระชายา ข้าขอร้องล่ะ ท่านไม่ต้องสนใจพวกข้าแล้ว พวกข้าก็อายุปูนนี้แล้ว พวกข้าใช้ชีวิตกันมาพอแล้ว”

“ขอร้องท่านล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกข้าแล้ว ใครก็ได้……พวกเจ้าช่วยคิดหาวิธีกำจัดค่ายกลอาคมด้วยเถอะ”

ชายชราที่อยู่ในอาคมร้องไห้ขึ้นมา

“เหตุใดพวกเจ้าถึงพูดมากไร้สาระเช่นนี้ หากมีพละกำลัง เหตุใดถึงไม่เหลือเอาไว้เพื่อกำจัดค่ายกลอาคมล่ะ”

กู้ชูหน่วนเจ็บปวดไปทั่วร่างกายจนแทบจะตายเสียให้ได้

นางเพียงแค่ฝืนทนยืนหยัดเอาไว้อย่างสุดพลัง

ก่อนหน้านี้นางไม่เคยได้รับบาดเจ็บสาหัสมากเช่นนี้มาก่อนเลย

บาดแผลนี้ ราวกับถูกมีดนับพันนับหมื่นทิ่มแทงเชือดเฉือนมาบนร่างกายของนาง

และที่เลวร้ายกว่าการลงทัณฑ์นักโทษด้วยการแล่เนื้อเถือหนังก็คือ แสงสะท้อนเหล่านี้ สาดสะท้อนเข้าไปยังกระดูก จนนางรู้สึกถึงกระดูกของนางได้ถูกตัดขาดเสียแล้ว

สมควรตายนัก

จุดศูนย์กลางของค่ายกลอยู่ตรงไหนกัน เหตุใดนางถึงหาไม่เจอ

เยี่ยจิ่งหานจัดตั้งค่ายกลที่ทรงพลังมากเช่นนี้ไว้ที่นี่เพื่ออะไรกัน?

ค่ายกลนี้อาจสามารถทำให้ผู้ที่มีฝีมือระดับขั้นที่เจ็ดต้องบาดเจ็บสาหัสและพ่ายแพ้ลงได้

ท่านผู้เฒ่าฮวาที่อยู่ภายนอกค่ายกลร้องไห้ออกมาโดยไม่สนใจอะไร เขาทั้งพยายามกำจัดค่ายกลและตะโกนออกไป “หลานสาว น้องรอง น้องสาม น้องสี่ พวกเจ้าจะต้องอดทนเอาไว้ ข้าจะคิดหาวิธีช่วยพวกเจ้าออกมาให้ได้ จุดศูนย์กลางของค่ายกลล่ะ จุดศูนย์กลางของค่ายกลอยู่ที่ไหน เหตุใดข้าจึงหาไม่พบ ฮือ……พวกเจ้าช่วยข้าหาจุดศูนย์กลางของค่ายกลหน่อยสิ”

“ตุ่บ……”

มีชายชราอีกคนที่หมดแรงและได้รับบาดเจ็บจากเส้นละมุนดรรชนีเผา และแขนของเขาถูกตัดขาดลงทันที หากไม่ใช่เป็นเพราะกู้ชูหน่วนเข้าไปช่วยเอาไว้ได้ทัน เช่นนั้นก็เกรงว่าพวกเขาก็คงไม่มีชีวิตรอดต่อไปได้

พวกเขาเป็นยอดฝีมือระดับขั้นที่สี่ แต่ก็ยังไม่สามารถฝืนทนได้

แต่กู้ชูหน่วนมีฝีมือเพียงระดับขั้นที่สองเท่านั้น แต่กลับอดทนมานานถึงเพียงนี้ และยังคอยปกป้องดูแลพวกเขา พวกเขารู้สึกไร้เกียรติอย่างมาก

เวลาค่อยๆ ผ่านไปอย่างเชื่องช้า

กู้ชูหน่วนแทบจะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว

นางไม่กลัวความเจ็บปวด

ไม่กลัวตาย

แต่นางกลัวว่าหากนางตายไป คนนับพันนับหมื่นของเผ่าหยกจะทำอย่างไร?

คำสาปโลหิตก็ยังไม่ถูกกำจัด

ท่านพี่เฉินเฟยก็ยังรอคอยนางนำไข่มุกมังกรกลับไปเพื่อช่วยชีวิตเขา

“หลานสาว ระมัดระวังด้วยนะ……”

ในหูของนางมีเสียงของท่านผู้เฒ่าฮวาตะโกนเข้ามาด้วยความปวดร้าวหัวใจ

กู้ชูหน่วนรู้ว่าตอนนี้นางถูกเส้นละมุนดรรชนีเผาล้อมรอบเอาไว้แล้ว หากช่วยชีวิตชายชราทั้งสาม เช่นนั้นนางจะต้องตายอย่างแน่นอน

แต่หากช่วยชีวิตตัวเอง ชายชราทั้งสามจะต้องตายอย่างแน่นอน

เพราะนางไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้วจริงๆ

เมื่อความตายใกล้เข้ามา นางยังคงเลือกที่จะช่วยชีวิตชายชราทั้งสามคนเอาไว้

เมื่อเห็นเส้นละมุนดรรชนีค่อยๆ คืบคลานใกล้เข้ามา กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างขมขื่นและน้ำตาก็ไหลออกมา

ในที่สุดก็……

ต้องทรยศหักหลังเผ่าหยกเสียแล้ว……

“ซู่ว……”

ทุกคนต่างพากันถอนหายใจ

บางคนไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

บางคนตกใจจนตะโกนกรีดร้องออกมา

บางคนร้องไห้และตะโกนโวยวาย

ทุกคนต่างก็รู้ว่ากู้ชูหน่วนตายแน่ๆ

นางกำลังอยู่ในช่วงวัยแห่งความเจริญรุ่งเรือง แต่กลับต้องมามีจุดจบอยู่ที่นี่

ไม่รู้ว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์โผล่เข้ามาตอนไหน เศียรขนาดใหญ่ทั้งเก้าพยายามพุ่งเข้าไปที่เส้นละมุนดรรชนีเผาอย่างไม่ลดละ แต่……ทำให้ค่ายกลเกิดความเคลื่อนไหวเล็กน้อยเท่านั้น และยังคงไม่สามารถเปิดออกได้ แต่กลับถูกดีดเด้งออกไป

สัตว์ร้ายก็มีจิตวิญญาณ เมื่อครั้งแรกไม่สำเร็จ ก็พุ่งกระแทกเข้าไปอีกครั้ง

และโชคดีที่มันพุ่งชนเข้าไป เส้นละมุนดรรชนีเผาเกิดการอ่อนตัวลงเล็กน้อย จึงทำให้ยื้อเวลาให้กับกู้ชูหน่วนได้อีกบ้าง

ก่อนที่จะเผชิญหน้ากับค่ายกลโบราณที่มีความดุร้ายและแข็งแกร่ง แม้ว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ได้รวบรวมพละกำลังทั้งหมด แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตอนจบได้

เส้นละมุนดรรชนีเผาราวกับมีดวงตามองเห็นได้ ทั้งหมดต่างจู่โจมไปยังกู้ชูหน่วนและทำการบดขยี้นางให้เป็นชิ้นเนื้อ

“ไม่……”

ท่านผู้เฒ่าฮวาแทบอยากกลั้นใจตาย

ไม่ง่ายเลยที่เขาจะได้รู้จักหลานสาวคนนี้ แต่ตอนนี้กลับต้องพลัดพรากจากเขาไปอีกแล้วหรือ?

หรือเป็นเพราะเขาถูกกำหนดให้เป็นคนโชคร้ายอย่างนั้นหรือ

ในขณะที่กู้ชูหน่วนกำลังจะตาย ทันใดนั้นก็มีพลังฝ่ามือที่น่าสะพรึงกลัวก็พุ่งเข้ามาและเสียงดังกึกก้องกังวานก็ดังตามมา

“อาหน่วน……”

“ท่านพี่หญิง……”

จ้าวแห่งเสียงที่ดังกึกก้องนี้เป็นผู้ทรงพลังมหาศาล ทั้งเย่อหยิ่งและน่าเกรงขาม เพียงแค่ได้ยินเสียงของเขาก็ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะก้มลงคลานด้วยความหวาดกลัว

เพียงแต่ท่ามกลางเสียงที่ดังขึ้นมานั้น มีทั้งความหวาดกลัว ความตื่นตระหนก ความกังวล ความหวาดระแวงที่ไม่อาจคาดเดาได้ บุคคลเช่นนี้ กลับมีมุมความหวาดกลัวขึ้นมาด้วย

“ตู้ม……”

เยี่ยจิ่งหานและจอมมารเปล่งพลังฝ่ามือเข้าหาอีกฝ่ายอย่างดุดัน

พวกเขาแทบไม่กล้าคาดคิดเลยว่าผู้หญิงที่พวกเขารักใคร่ทะนุถนอมนั้น ตอนนี้ได้มีบาดแผลสาหัสและมีเลือดไหลออกมากอง และล้มลงนอนแทบหมดลมหายใจต่อหน้าพวกเขา

เลือดที่อยู่บนร่างกายของนาง แทบจะละเลงนองไปทั่วพื้นดิน แม้แต่เส้นผมก็ไม่อาจรู้ว่าเปียกปอนไปเพราะหยาดเหงื่อหรือกองเลือดจึงทำให้หยดย้อยลงมาเช่นนั้น

พลังฝ่ามือทั้งสองนี้มีความแข็งแกร่งและดุร้ายอย่างมาก แม้แต่พื้นดินก็เกิดความสั่นสะเทือน ทั้งพระราชวังชิวเฟิงได้พังทลายลงมา ราวกับเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่

แต่ค่ายกลนั้น……ยังไม่สามารถเปิดออกมาได้

มันเพียงแค่เกิดรอยฉีกขาดเส้นเดียวเท่านั้น ยังไม่ทันที่พวกเขาจะพุ่งตัวเข้าไป รอยที่ฉีกขาดนั้นก็ประสานกลับเข้าหากันอีกครั้ง

สิ่งเดียวที่เป็นความโชคดีก็คือ เพราะพวกเขาลงมือได้ทันเวลา ทำให้กู้ชูหน่วนถูกกระแทกออกและรอดพ้นจากการรายล้อมของเส้นละมุนดรรชนีเผา

กู้ชูหน่วนกระอักเลือดออกมา นางกัดฟันกรอดและพยายามผลักเส้นละมุนดรรชนีเผาอีกครั้งและทำการต่อสู้อย่างสัตว์ร้ายที่ถูกกับดัก

“เป็นค่ายกลที่แข็งแกร่งอย่างมาก เยี่ยจิ่งหาน จิตใจของเจ้าช่างชั่วช้าอย่างมากที่กล้าใช้ค่ายกลต่ำช้านี้จัดการกับท่านพี่หญิง”

ดวงตาของเยี่ยจิ่งหานแดงก่ำและไม่สนใจอาการบาดเจ็บและบาดแผลบนร่างกายของเขา เขาได้รวบรวมกำลังภายในทั้งหมดของเขาเพื่อทำลายค่ายกลเส้นละมุนดรรชนีเผาให้เปิดออก เพื่อจะได้เข้าไปนำนางออกมา

เขาได้ทำการลงค่ายกลอย่างหนึ่งเอาไว้ที่นี่ก็จริง

แต่ค่ายกลที่เขาทำขึ้นมานั้นไม่มีความแข็งแกร่งและร้ายกาจมากเช่นนี้

นี่นับเป็นค่ายกลโบราณที่มีความดุร้ายอย่างมาก เกรงว่าจะเป็นคนรุ่นก่อนหลงเหลือเอาไว้ เพียงแค่เมื่อก่อนนั้นเขาโชคดีที่ขณะที่ลงมือทำค่ายกล และไม่ได้ไปโดนการทำงานของค่ายกลโบราณสังหารนี้ ไม่เช่นนั้นคนที่ถูกขังอยู่ข้างในก็คงเป็นเขา

แต่เขายอมให้คนที่ถูกกักขังข้างในเป็นเขามากกว่า

เยี่ยจิ่งหานกล่าวว่า “ค่ายกลมีความแข็งแกร่งอย่างมาก หากเพียงใช้พลังของเราคนใดคนหนึ่ง เกรงว่าจะไม่สามารถกำจัดค่ายกลอาคมลงได้ หากเจ้าต้องการช่วยชีวิตนาง เช่นนั้นเราต้องรวมพลังกันเพื่อลงมือไปยังจุดใดเพียงจุดหนึ่งพร้อมกัน”

จอมมารที่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการของเยี่ยจิ่งหานและดูถูกเหยียดหยามเยี่ยจิ่งหานมาตลอด

แต่สถานการณ์เร่งด่วนและคับขันเช่นนี้ เขาทำได้เพียงปล่อยวางความแค้นในอดีตและร่วมมือกับเขาเพื่อเปิดทางเส้นละมุนดรรชนีเผา

พลังที่แข็งแกร่งและดุร้ายทั้งสองประสานเข้าด้วยกันและยิงออกไป แม้แต่ค่ายกลโบราณพลังสังหารก็เกิดฉีกขาดและมีช่องเปิดออก

แต่ที่น่าตระหนักก็คือ หากเขาทั้งสองคนใดคนหนึ่งคิดอยากเข้าไปช่วยเหลือกู้ชูหน่วนและคนอื่นๆ ออกมา ช่องที่ฉีกขาดนั้นจะกลับมาประสานเข้ากันเหมือนเดิม

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท