กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ – บทที่ 508

บทที่ 508

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ ตอนที่ 508
ท่านผู้เฒ่าฮวามิรู้ว่านางปวดท้องจริงหรือแกล้งปวดท้องกันแน่

แต่ทว่าเขามิอาจกล้าเสี่ยง เพราะว่านางเป็นพระชายาของเทพแห่งสงครามและเด็กในท้องก็เป็นเลือดเนื้อของเทพแห่งสงครามอีกด้วย

“ทหาร ไปเชิญหมอหลวงมาเร็วแล้วพยุงพระชายากลับไปพักในห้องก่อน”

“พ่ะย่ะค่ะ”

บริเวณไม่ไกลนักก็มีคนใช้คนหนึ่งไปเชิญหมอหลวงอย่างเร็วไว ที่เหลืออีกสองคนก็เข้ามาพยุงพระชายากลับห้อง

กู้ชูหน่วนกวาดสายตามองพวกเขารอบหนึ่ง

มิใช่หนึ่งในเจ็ดยอดฝีมือพวกนั้น

ดูท่าแล้วในที่นี้ นอกเสียจากยอดฝีมือทั้งเจ็ดคนนั้นแล้วก็ยังมีคนอีกไม่น้อย

“พระชายา ข้าน้อยจักพยุงท่านลุกขึ้นนะพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ็บ ๆ ๆ …พวกเจ้าทำข้าเจ็บนะ ท้องข้า…โอ๊ย…ข้าจักแท้งลูกใช่หรือไม่ พวกเจ้าสองคนไม่ระมัดระวังกันเสียจริง”

“อะไรนะ…แท้งลูกอย่างนั้นหรือ?”

คนใช้ทั้งสองคนตกใจ

พวกเขาเพียงแค่พยุงพระชายาอย่างเบามือเท่านั้น มิได้ทำอันใดต่อพระชายาเสียหน่อย?

แล้วจักแท้งลูกได้อย่างไรกัน?

ท่านผู้เฒ่าฮวาเองก็ตกใจเช่นกัน

หากเกิดอันใดขึ้นกับเด็กในท้องพระชายาละก็ นายท่านคงได้พิโรธน่าดู

“ช้า ๆ หน่อยแล้วพยุงพระชายาหานกลับห้องเร็ว”

“รอเดี๋ยว ตรงขาของข้ารู้สึกเปียก ๆ นี่มันคืออะไรกัน…คือเลือดใช่หรือไม่…”

ผู้คนเลื่อนสายตาไปตามจุดที่นางชี้ บริเวณนั้นมีเลือดสีแดงสดไหลอยู่

เมื่อเห็นเลือดบนขาของนางแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในพระราชวังชิวเฟิงหรือนอกพระราชวังชิวเฟิงก็ตาม ต่างก็มิสามารถควบคุมสติได้อีก

ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่างโดยจิตใต้สำนึก

ไม่รอให้พวกเขาได้สติ กู้ชูหน่วนก็ตะโกนอย่างเจ็บปวด “ลูกของข้า ลูกของเป็นอะไรไป พวกเจ้ารีบช่วยลูกของข้าที นี่เป็นลูกคนเดียวของข้ากับท่านอ๋องนะ”

ท่านผู้เฒ่าฮวาโกรธ มิอาจควบคุมสติของตนได้อีกต่อไปและออกจากพื้นที่อารักขาเข้าไปพยุงกู้ชูหน่วนด้วยตนเอง “หมอหลวงล่ะ ยังไม่ถึงอีกงั้นรึ ไปเชิญหมอในพระราชวังมาให้หมดเร็ว”

กู้ชูหน่วนยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย รอโอกาสตอนที่ท่านผู้เฒ่าฮวามิรู้ตัวแล้วจึงกดเข้าที่จุดเลือดลมของเขาโดยไว ร่างกายของเขากระตุกขึ้นราวกับควัน และทำลายค่ายกลจากนั้นก็วิ่งไปตามทางเขตหวงห้ามไป

การเคลื่อนไหวของนางเร็ว แม่น โหด เมื่อผู้คนได้สตินางก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว

“เลือดปลอม…แย่แล้ว ติดกับดักแล้วสิ พระชายาหลอกพวกเรา รีบตามไปเร็วเข้า อย่าปล่อยให้พระชายาเข้าไปยังเขตหวงห้ามเป็นอันขาด”

ในพระราชวังชิงเฟิงเต็มไปด้วยเงาผู้คนกำลังไล่ตามกู้ชูหน่วนอย่างพร้อมเพรียงกัน

กู้ชูหน่วนวิ่งสุดฤทธิ์ตลอดทาง ในที่สุดก็มาถึงหน้าประตูเขตหวงห้าม

มองดูคำว่าเขตหวงห้ามที่ติดอยู่บนป่าหินแล้วนางก็โล่งใจไป ในขณะที่นางกำลังจักพุ่งเข้าไปนั้นก็ไปกระตุ้นค่ายกลอย่างไม่คาดคิด

ก็เกิดค่ายกลสังหารไร้เทียมทานขึ้น

มีเส้นละมุนดรรชนีเผาที่มีพิษร้ายแรงอยู่ทั้งสองฝั่ง

เส้นละมุนดรรชนีเผามีลักษณะเป็นเส้นทแยง โปร่งแสงและแยกออกได้ยาก หากมองด้วยตาเปล่าคงมิอาจมองออกได้

แต่ก็เพราะเส้นบาง ๆ เส้นหนึ่ง กลับคมเสียยิ่งกว่าดาบทุกเล่มบนโลกนี้เป็นร้อยเท่า

มิว่าจักเป็นหินใหญ่ก้อนหนึ่งก็ตาม เมื่อต้องโดนเส้นละมุนดรรชนีเผาเข้าก็จักถูกแยกออกเป็นสองทันทีเช่นกัน

ยิ่งไปกว่านั้น เส้นละมุนดรรชนีเผายังมีพิษร้ายแรง เมื่อได้รับพิษเข้าไปก็ต้องตายสถานเดียว

หัวใจของกู้ชูหน่วนสั่น ร่างกายหลบซ้ายหลบขวา พยายามหลีกหนีเส้นละมุนดรรชนีเผานี้อย่างไม่หยุดหย่อน

แต่ทว่าเส้นละมุนดรรชนีเผานี้เปลี่ยนแปลงไวนัก ไม่มีวิธีโจมตีมันเลย แม้นวิชาตัวเบาของนางจะสูงมากเพียงใดก็ตาม ก็ย่อมมีบ้างที่ต่อกรไม่อยู่ และถูกเส้นละมุนดรรชนีเผานี้โจมตีจนบาดเจ็บไปหลายครั้ง

ทหารอารักขาที่ตามมาไม่ไกลนักตะโกน น้ำเสียงดูรีบร้อนนัก

“ค่ายกลเส้นละมุน ให้ตายเถิด พระชายาเปิดค่ายเส้นละมุนอย่างนั้นหรือ นี่มันเป็นค่ายกลสังหารไร้เทียมทานที่โบราณทิ้งไว้เชียวนะ เร็วเข้า รีบไปปิดค่ายกลให้ไว ห้ามให้พระชายาบาดเจ็บเป็นอันขาด”

“ท่านผู้เฒ่าฮวา มิสามารถปิดค่ายกลได้พ่ะย่ะค่ะ ค่ายกลเส้นละมุนเมื่อถูกเปิดแล้วก็มิอาจปิดมันได้อีกเลย นอกเสียจากจะปิดเองโดยทันทีเมื่อผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืน”

อะไรนะ…

หนึ่งวันหนึ่งคืนอย่างนั้นหรือ?

ค่ายกลนี้รวดเร็วเพียงนี้ ทั้งยังเหี้ยมโหดปานนี้อีกด้วย

พระชายาจักทนเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนได้อย่างไรกัน?

อย่าว่าแต่หนึ่งวันหนึ่งคืนเลย เพียงแค่หนึ่งชั่วยามก็คงทนมิได้หรอก

กู้ชูหน่วนเหงื่อท่วม นางเป็นกังวลในใจแต่ก็มิอาจหยุดกระบวนท่าต่าง ๆ ได้

หัวใจที่ชอบดุด่าผู้อื่นเกิดขึ้นแล้ว

เยี่ยจิ่งหานสร้างค่ายกลสังหารไร้เทียมทานที่โหดเหี้ยมเพียงนี้ไว้ในพระราชวังเช่นนี้ คิดอยากจะฆ่าคนตายอย่างนั้นหรือ?

สารภาพว่านางชำนาญค่ายกล แต่ทว่าอยากทำลายค่ายกลสังหารนี้ละก็ ยากเสียยิ่งกว่าใด ๆ เพราะว่าทักษะความสามารถของนางในตอนนี้ยังมิเพียงพอ

หากต้องการรอดจากค่ายกล มีวิธีเดียวคือทนรอเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนเท่านั้น

ท่านผู้เฒ่าฮวาตะโกน “มัวช้าอยู่ไย รีบไปทูลท่านอ๋องเสียสิ”

“พ่ะย่ะค่ะ ๆ ๆ …”

“เหล่าน้องชายทั้งเจ็ดในสถานลับ พระชายาเข้าไปในค่ายกลเส้นละมุนอย่างมิได้ตั้งใจ หากไม่มีการช่วยเหลือจากพวกเรา เกรงว่าพระชายาจักกลายเป็นหนึ่งร่างสองวิญญาณแล้ว ท่านอ๋องช่วยเราไว้มาก มิว่าวันนี้จักต้องตายอยู่ในค่ายกล เราก็ต้องปกป้องสายเชื้อของท่านอ๋องไว้ให้ได้

“เพื่อท่านอ๋อง ข้ายอมเสียสละ”

น้ำเสียงของหงเลี่ยงถึงหูเยี่ยจิ่งหานและคนอื่นผ่านเขตหวงห้ามและพระราชวังโดยตรง

ดวงตากู้ชูหน่วนเปลี่ยนและตะโกนเพื่อห้าม “อย่าเข้ามาเป็นอันขาด ค่ายกลนี้โหดเหี้ยมมาก”

แต่ทว่าทั้งท่านผู้เฒ่าฮวาและยอดฝีมือทั้งเจ็ดก็มิอาจเชื่อฟังคำของนาง และเข้าไปในค่ายกลพร้อมกัน ช่วงแบ่งเบาภาระให้กับกู้ชูหน่วน

มีการช่วยเหลือจากพวกเขา กู้ชูหน่วนก็รู้สึกโล่งใจไปมิน้อยเช่นกัน แต่ทว่าความกดดันในใจนางก็ยิ่งมากขึ้นอีก

หากเกิดเรื่องขึ้นกับผู้เฒ่าเหล่านี้ เช่นนั้นนางก็ต้องติดหนี้ชีวิตคนหนึ่งชีวิตน่ะสิ

พวกเขาทั้งเก้าคนร่วมมือร่วมใจกัน เปิดทางออกเล็ก ๆ ได้หนึ่งทาง แต่ในขณะที่พวกเขากำลังจะออกจากค่ายกลผ่านทางออกเส้นนั้นนั้น ค่ายกลละมุนก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง จิตสังหารแรงมากขึ้นในทุก ๆ รอบ เส้นละมุนดรรชนีเผาก็เพิ่มมากขึ้นกว่าตอนแรกสิบเท่าเช่นกัน

ยิ่งพวกเขาต่อต้านมันมากเพียงใด ค่ายกลสังหารก็ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น และเส้นละมุนดรรชนีเผาก็ยิ่งซับซ้อนขึ้นอีกด้วย

กู้ชูหน่วนเข้าใจบางอย่างกะทันหัน

เส้นละมุนดรรชนีเผานี้หากเจอคนอ่อนแอก็จักอ่อนแอตาม หากเจอคนแข็งแกร่งก็จักแข็งแกร่งใช่หรือไม่ ใช้วิธีโหดชนโหดต่อพวกมันมิได้ ต้องใช้วิธีอ่อนข้อเท่านั้น

“เอื๊อก…”

มีผู้เฒ่าคนหนึ่งหลบมิทัน จึงถูกเส้นละมุนดรรชนีเผาตัดขาดเป็นสองท่อน แล้วถูกสับราวกับเป็นเศษกระจก เลือดไหลเป็นสาย ไม่มีชิ้นส่วนของเนื้อที่สมบูรณ์เลยแม้แต่ชิ้นเดียวในร่างกาย

“น้องเจ็ด…”

ผู้คนเห็นก็ตะโกนอย่างเจ็บปวด ยิ่งลงมือหนักมากยิ่งขึ้น และปกป้องกู้ชูหน่วนอย่างพร้อมเพรียงกัน ใช้ร่างของตนรับเส้นละมุนดรรชนีเผาแทนนาง

กู้ชูหน่วนแยกตัวออกมาจากพวกเขา แล้วหยุดการต่อสู้ มองเส้นละมุนดรรชนีเผาที่กำลังพุ่งมาอย่างเย็นชา

ท่านผู้เฒ่าฮวาและคนอื่น ๆ ตกใจ “พระชายา ท่านทำอันใดน่ะหลบออกไปบัดเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”

เหล่าผู้เฒ่าต่างก็พุ่งไปยังกู้ชูหน่วนอย่างพร้อมเพรียงกัน กลัวว่ากู้ชูหน่วนจักได้รับบาดเจ็บจากเส้นละมุนดรรชนีเผานี้

ฝีเท้าพวกเขาไวมาก แต่เส้นละมุนดรรชนีเผาไวเสียยิ่งกว่า

พวกเขาคิดว่ากู้ชูหน่วนจักถูกตัดขาดเป็นท่อน แต่มิอาจคาดคิดว่าเส้นละมุนดรรชนีเผากลับหยุดลงต่อหน้านาง ไม่มีความต้องการทำร้ายนางเลยแม้แต่น้อย

ทั้งท่านผู้เฒ่าฮวาและคนอื่น ๆ ต่างก็ตกใจจนเปียกโชกไปทั่วแผ่นหลัง

“แม่หญิงน้อยคนนี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเมื่อครู่เจ้าเกือบตายแล้วนะ”ภายใต้ความโกรธ พระชายาท่านผู้เฒ่าฮวาก็มิเรียกแล้ว

หัวใจที่เกรงแน่นค่อย ๆ คลายลง มีเพียงนางคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าฝ่ามือของนางก็เต็มไปด้วยเหงื่อเช่นเดียวกัน

นางกำลังเสี่ยงดวง และโชคดีที่นางเสี่ยงถูก

“ท่านปู่วางใจเถิด เส้นละมุนดรรชนีเผาพวกนี้จักทำร้ายคนตามจิตสังหารและความกลัวของคนนั้น กล่าวคือ ยิ่งท่านต่อต้านมันเท่าใด พวกมันก็จักยิ่งโหดร้ายมากขึ้น แต่หากท่านยิ่งอ่อนแอและอบอุ่นมากเพียงใด พวกมันก็จักยิ่งใจดีและมิทำร้ายพวกเราแม้แต่น้อย”

คนอื่นเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

มีอาวุธลับที่มหัศจรรย์เช่นนั้นจริง ๆ หรือ?

ท่านผู้เฒ่าฮวาจักไปฟังคำพูดตอนหลังของกู้ชูหน่วนได้อย่างไร เขาเพียงแค่มองกู้ชูหน่วนอย่างตื้นตัน และชี้ตนเองอย่างตัวสั่นแล้วถามว่า “เจ้า…เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?”

“ท่านปู่ไงเล่า ท่านอายุมากกว่าข้าหรือจักให้ข้าเรียกท่านว่าหลานอย่างนั้นหรืv”

“ตั้งแต่หลานสาวข้าตายไป ก็ไม่มีผู้ใดเรียกข้าว่าท่านปู่อีกเลย เจ้าเป็นคนแรกที่เรียกข้าเช่นนั้น และท่าทางตอนที่เจ้าเรียกข้าว่าท่านปู่นั้น คล้ายกับหลานสาวของข้ายิ่งนัก”

กู้ชูหน่วนมึนงง

เรียกท่านปู่มิได้เป็นการเรียกตามมารยาทอย่างนั้นหรือ?

มิได้มองว่าเขาเป็นท่านปู่จริง ๆ เสียหน่อย

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท