กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ – บทที่ 562

บทที่ 562

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 562
ผู้อาวุโสทั้งหลายจ้องไปยังรองหัวหน้าเผ่าซือคงที่กำลังกอดพระมเหสีฉู่เอาไว้อย่างตระหนกตกใจ เป็นเวลานานก็กล่าวสิ่งใดไม่ออก

รองหัวหน้าเผ่าซือคงรีบปล่อยตัวพระมเหสีฉู่ออกและสกัดจุดของพระมเหสีฉู่ในที่ที่ไม่มีผู้ใดมองเห็นจากนั้นแสร้งกล่าวอย่างสงบนิ่งว่า “นางเป็นข้ารับใช้ในเรือนหย่อนใจของข้า ช่วงไม่นานมานี้ในครอบครัวเกิดเรื่องแปรเปลี่ยนขึ้นทำให้นางสภาพจิตใจของนางไม่ค่อยจะดี สักครู่ข้าจะหาหมอตรวจชีพจรให้นางก็พอแล้ว”

เขากล่าวอย่างใจเย็นแต่ผู้อาวุโสทั้งหลายไม่เชื่อเลยแม้แต่คำเดียว

ไม่ต้องกล่าวถึงว่าหญิงผู้นี้ไม่คุ้นหน้า เรือนหย่อนใจก็ไม่ใช่ผู้ใดจะสามารถเข้าได้ตามอำเภอใจ ยิ่งกว่านั้นสมองของหญิงผู้นี้ก็ยังไม่ปกติอีกด้วย

ผู้อาวุโสผู้หนึ่งกล่าวเตือนว่า “รองหัวหน้าเผ่า เผ่าเพลิงฟ้ามีกฎระเบียบว่ารองหัวหน้าเผ่าไม่ได้รับอนุญาตให้แต่งงานและมีบุตรได้”

ในตอนนั้นก็เนื่องจากภรรยาและลูกสาวของเขาได้เสียชีวิตไปหมดแล้วจึงมีคุณสมบัติที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าเผ่า

“เหตุใด พวกท่านไม่เชื่อข้าหรือ?” รองหัวหน้าเผ่าซือคงสีหน้าหมองลงและอาจจะแตกหักกับพวกเขาได้ทุกเมื่อ

“พวกข้าไม่กล้า เพียงแต่ว่า……”

“เหตุใดจู่ๆถึงได้มาอยู่ที่นี่หล่ะ?”

เมื่อได้ยินเข้าผู้อาวุโสหลายคนถึงได้รู้สึกตัวกลับมา “เมื่อครู่พวกข้าเห็นร่างสองร่างแว๊บผ่านจึงได้ไล่ตามมาถึงที่นี่”

“เสียงระฆังดังกังวาลทำให้ผู้คนทั้งหลายในเผ่าระวังตัวกัน หากว่าข้าเดาไม่ผิดเผ่าเพลิงฟ้าของเรานอกจากหุบเขาตันหุยแล้วน่าจะมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมากมายด้วย”

“ใช่”

เยี่ยจิ่งหานต้องการพากู้ชูหน่วนหายวับไป แต่ว่าผู้คนทั้งหลายของเผ่าเพลิงฟ้าก็ได้ปิดกั้นหนทางเอาไว้หมดแล้ว

สิ่งที่แย่ที่สุดคือยังมียอดฝีมือหลายคนที่มีความสามารถไม่ต่ำกว่าระดับห้าที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้เร่งมากันทีละคนๆ

ทันใดนั้นสายตาอันแหลมคมก็จับจ้องมายังตัวพวกเขา

พวกเขารู้อยู่แก่ใจว่าตนเองถูกสังเกตเห็นเข้าแล้ว

เยี่ยจิ่งหานกำลังคิดที่จะออกมาแต่กู้ชูหน่วนได้ก้าวออกไปก่อนหน้าเขาก้าวหนึ่งแล้ว

นางยิ้มแล้วกล่าวว่า “รองหัวหน้าเผ่าซือคง คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้าหาญถึงเพียงนี้ แม้แต่จักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่ก็กล้าลักพาตัวมา”

ทุกคนต่างตกใจ

อะไรนะ……

หญิงผู้นี้ที่แท้เป็นจักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่หรอกหรือ?

“รองหัวหน้าเผ่า เหตุใดท่านถึงได้ลักพาตัวจักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่มา?”

“นางกล่าวสิ่งใดพวกท่านก็เชื่อหรือ? นางไม่ใช่จักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่”

กู้ชูหน่วนทำเสียงพร้อมกับปรบมือและหัวเราะพร้อมๆกัน “รองหัวหน้าเผ่าซือคง เจ้าคงไม่ได้ต้องการจะกล่าวอีกว่านางเป็นคนรับใช้ของเผ่าเพลิงฟ้าของเจ้าหรอกนะ? พวกท่านเคยเห็นคนรับใช้คนใดที่สามารถสวมแหวนหยกสีขาวหยกได้? และยังมีปิ่นปักผมหงส์ฟ้าประดับมุกของพระองค์ซึ่งแต่ละเม็ดกลมเต็มเม็ดเต็มหน่วยด้วย เกรงว่าจะมีแต่ทะเลตะวันออกเท่านั้นที่สามารถผลิตออกมาได้? ยังมีหยกแขวนที่เอวของพระองค์ด้วย ไม่ต้องให้ข้าบอกพวกท่านก็น่าจะรู้ว่าหยกชิ้นนั้นมีค่ามากเท่าใดนะ”

เครื่องประดับบนพระวรกายของจักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่นั้นช่างชัดแจ้งยิ่งนักและก็ช่างมีค่านัก พวกเขาคิดที่จะละเลยก็ยังละเลยไม่ได้เลย

เครื่องประดับหรูหราเช่นนี้ ไม่ต้องกล่าวถึงคนรับใช้แม้แต่เจ้านายก็ไม่มีปัญญาที่จะสวมใส่

ยิ่งไปกว่านั้นปิ่นปักผมหงส์ฟ้าประดับมุกมีเพียงฮองเฮาเท่านั้นที่มีคุณสมบัติที่จะสวมใส่ได้

เป็นไปได้หรือว่ารองหัวหน้าเผ่าจะจับตัวจักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่มาจริงๆ ?

สีหน้าของรองหัวหน้าเผ่าซือคงดูไม่ได้เป็นพักๆจนอยากจะฉีกปากของกู้ชูหน่วนให้ขาดเสีย

พระมเหสีฉู่ทั้งตื่นตระหนกและรู้สึกยินดี ที่ตื่นตระหนกคือกู้ชูหน่วนตกอยู่ในเผ่าเพลิงฟ้าเกรงว่าจะหลบหนีไปได้ยาก

ที่น่ายินดีคือยังสามารถพบกับนางได้อีกครั้ง

กู้ชูหน่วนกล่าวต่อว่า “พวกท่านว่าหากว่าจักรพรรดิฉู่รู้ว่าพวกท่านลักพาตัวฮองเฮาที่ทรงโปรดปรานที่สุด พระองค์จะทรงส่งทัพทหารมาจัดการกับพวกท่านดังเช่นที่จัดการกับเผ่าปีศาจหรือไม่?”

“พวกท่านเผ่าเพลิงฟ้ามียอดฝีมือมากมายก็จริง แต่รัฐฉู่อันใหญ่โตรัฐหนึ่งเพียงแค่จักรพรรดิฉู่ทรงยกพระหัตถ์ขึ้นก็จะมียอดฝีมือนับไม่ถ้วนล้อมกันเข้ามาสินะ รัฐฉู่ยังมีทหารเป็นล้านนายถึงแม้ว่าจะไม่สามารถเอาชนะเผ่าเพลิงฟ้าของพวกท่านได้ ก็คงจะทำลายกำลังของเผ่าเพลิงฟ้าให้เสียหายอย่างหนักได้หรือแม้แต่สิ้นเผ่าไปเลย”

สีหน้าผู้อาวุโสทั้งหลายดูไม่ได้เป็นพักๆ

พวกเขาไม่ได้เป็นศัตรูคู่แค้นกับรัฐฉู่และก็ไม่ต้องการทำสงครามกับรัฐฉู่

รองหัวหน้าเผ่าซือคงหัวเราะเยาะ “ข้านับว่าเข้าใจแล้ว พวกเจ้าจงใจลักพาตัวพระมเหสีฉู่มายังเผ่าเพลิงฟ้าและต้องการให้เผ่าเพลิงฟ้าของพวกเราทำสงครามกับรัฐฉู่ใช่หรือไม่?

กู้ชูหน่วนโมโหจนหัวเราะออกมา มีผู้คนทุกประเภทอยู่จริงๆ

“มีข่าวลือว่ารองหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้าวรยุทธ์สูงส่ง ไม่คิดว่าวิทยายุทธที่ปากยิ่งร้ายกาจนัก วันนี้ข้าได้เรียนรู้แล้วว่าสิ่งใดที่เรียกว่าผู้ที่อยู่อย่างเจียมตัวอ่อนน้อมถ่อมตนจะไร้ซึ่งศัตรู”

“บังอาจ เจ้าเป็นหญิงมาจากที่ใดกันถึงได้กล้าไร้มารยาทกับรองหัวหน้าเผ่าของพวกเรา”

“รองหัวหน้าเผ่าซือคง หึ……ช่างเก่งกาจนักหรือ? เป็นข้าที่ลักพาตัวจักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่มาหรือไม่พวกท่านถามพระองค์ก็กระจ่างชัดแล้ว”

รองหัวหน้าเผ่าซือคงกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “หญิงผู้นี้คือพระชายาหาน ส่วนชายผู้นั้นคือเทพแห่งสงครามเยี่ยจิ่งหาน”

“อะไรนะ ที่แท้ก็คือเยี่ยจิ่งหาน”

ผู้อาวุโสหลายคนไม่เชื่อว่ามีผู้ที่สามารถเล็ดลอดสายตาของพวกเขาและแทรกซึมเข้าเผ่าเพลิงฟ้าแล้วยังลักพาตัวจักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่มาด้วยได้

แต่เมื่อได้ยินคำพูดของรองหัวหน้าเผ่า พวกเขาเป็นเอกฉันท์ที่จะต่อต้านคนนอกก็จึงได้ล้อมกู้ชูหน่วนและคนอื่นๆเอาไว้

กู้ชูหน่วนเลียมุมปากด้วยใบหน้าดื้อรั้นเกรี้ยวกราด นางยิ้มแล้วกล่าวอย่างใจเย็นว่า “ท่านอ๋อง เกรงว่าวันนี้พวกเราจะก่อเรื่องใหญ่โตที่เผ่าเพลิงฟ้าเสียแล้ว”

“ก่อเรื่องก็ก่อเรื่องเถอะไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อย”

“โอ้……ฟังคำพูดนี้ของท่านหรือว่าท่านเคยก่อเรื่องใหญ่โตที่เผ่าเพลิงฟ้ามาก่อน?”

“ยังคงต้องพึ่งพาอาศัยเจ้าข้าถึงได้มีโอกาสมายังสำนักใหญ่ของเผ่าเพลิงฟ้า”

“ที่แท้ก็เป็นสาขาทำให้ข้ามีความสุขเก้อเสียแล้ว”

รอยยิ้มที่ไร้เดียงสาเช่นนี้ยังอยู่ต่อหน้าผู้คนระดับสูงมากมายของเผ่าเพลิงฟ้า ทำให้ผู้คนในเผ่าเพลิงฟ้ารู้สึกไม่พอใจกันไปทั่ว

“หยิ่งจองหอง เผ่าเพลิงฟ้าเป็นสถานที่ที่พวกเจ้าจะมาก่อกวนได้หรือ ก่อนหน้านี้ไม่สามารถทำให้พวกเจ้าตายได้ คราวนี้พวกเจ้าอย่าได้คิดจากไปโดยที่ยังมีชีวิต”

“เหตุใด จะรุมกันหรือ? ในเมื่อพวกเราสามารถบุกเข้ามาในเผ่าเพลิงฟ้าได้พวกท่านก็ไม่ถามว่าพวกเรานำคนเข้ามาจำนวนเท่าใด?”

ทุกคนต่างตกใจกันและรอประโยคต่อไปของกู้ชูหน่วน แต่นางกลับยิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจโดยที่ไม่ยอมกล่าวสิ่งใดมากขึ้นสักประโยค

รองหัวหน้าเผ่าซือคงกล่าวว่า “อย่าไปได้ฟังแม่สาวผู้นี้พูดจาไร้สาระ พวกเราล้วนมาจากเขตหวงห้ามของหุบเขาตันหุยและเข้าสู่ค่ายกลเคลื่อนย้ายโดยบังเอิญจึงได้ถูกเคลื่อนย้ายมายังเผ่าเพลิงฟ้า นอกจากพวกเขาสองคนแล้วพวกเขาไม่ได้มีผู้ช่วยใดอื่น”

คำโกหกถูกเปิดโปงกู้ชูหน่วนไม่เพียงแต่ไม่ร้อนรนแต่กลับยิ้มแย้มมีความสุข

“ผู้เฒ่าเลวร้ายเจ้าก็ยังมีความรอบรู้อยู่บ้าง แต่ว่าเจ้าไม่ลองคิดดูว่าเหตุใดพวกเราถึงได้ยืนกรานที่จะเข้าไปในเขตหวงห้ามของหุบเขาตันหุย?”

คำพูดนี้ทำให้รองหัวหน้าเผ่าซือคงตกตะลึง

นางพยายามสุดชีวิตเพื่อให้ได้อันดับหนึ่งมา ฉากที่นางเข้าไปในเขตต้องห้ามอย่างร้อนใจทนรอไม่ไหวยังคงวนเวียนไปมาอยู่ในใจของเขา

จนถึงทุกวันนี้เขาก็ยังคาดเดาอยู่ว่านางไปทำอะไรในเขตหวงห้าม?

“ไม่ว่าจุดประสงค์ของการเข้าไปในเขตหวงห้ามของเจ้าจะเป็นสิ่งใด ชีวิตของพวกเจ้าก็จะต้องจบลงที่นี่แล้ว”

แววตาโหดเหี้ยมของรองหัวหน้าเผ่าพร้อมท่าทีโบกมือก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งล้อมรอบกู้ชูหน่วนและคนอื่นๆเอาไว้

คนของเผ่าเพลิงฟ้านั้นตกตะลึงกันทั้งสิ้น ผู้คนมากมายต่างรีบเร่งมาที่นี่กันโดยด้านในสามชั้นและด้านนอกอีกสามชั้นล้อมรอบที่นี่เอาไว้จนหมด

เยี่ยจิ่งหานขยับฝีเท้าพร้อมยกมือขึ้นและต้องการลงมือ

กู้ชูหน่วนกุมมือใหญ่ของเขาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ที่จริงบอกเจ้าก็ไม่เป็นไร ข้าเข้าไปในเขตหวงห้ามจุดประสงค์นั้นง่ายดายนัก ก็เพียงแค่ต้องการดูว่าเจ้าและเหวินเส่าอี๋ถูกทารุณเช่นไร”

กู้ชูหน่วนไม่กล่าวสิ่งใดก็ยังดี เมื่อกล่าวขึ้นมาทุกๆคนก็ต้องพิจารณาต่อพวกเขากันใหม่อีกครั้ง

นางเข้าไปในเขตหวงห้ามเพียงเพื่อจุดประสงค์เช่นนี้ทำไมกัน?

นางเป็นแค่คนนอกแล้วรู้ได้อย่างไรว่ามีกิเลนเขาเดียวแห่งความเวิ้วว้างระดับเจ็ดอยู่ในเขตหวงห้าม?

หญิงผู้นี้ต้องการทำสิ่งใดกันแน่?

“รองหัวหน้าเผ่า หญิงผู้นี้เล่ห์เหลี่ยมกลอุบายมากมาย ข้าน้อยแนะนำให้นำตัวนางไปในทันที”

“อนุญาต” รองหัวหน้าเผ่ากล่าว

กู้ชูหน่วนแย่งก่อนที่เยี่ยจิ่งหานจะลงมือโดยกุมมืออันมีกำลังเพิ่มพูนขึ้นในมือของเขา

“ทุกครั้งเป็นท่านที่ปกป้องข้าช่างน่าเบื่อนัก คราวนี้มีข้าเป็นวีรบุรุษผู้ช่วยเหลือสาวงาม ท่านก็เป็นสาวงามผู้เชื่อฟังผู้หนึ่งเถอะนะ”

กล่าวแล้วนิ้วชี้อันเรียวยาวของนางก็เกี่ยวเบาๆไปที่ขากรรไกรล่างของเยี่ยจิ่งหานด้วยความเคลื่อนไหวอันมีเสน่ห์

ทั้งร่างของเยี่ยจิ่งหานรู้สึกชาราวกับว่าถูกไฟดูด

เขาทั้งประทับใจและเศร้าสร้อย

หญิงผู้นี้ไม่ยอมให้เขาลงมือเนื่องจากเกรงว่าอาการบาดเจ็บสาหัสในกายเขาจะส่งผลต่อการฟื้นตัว ถึงได้เลือกปะทะกับยอดฝีมือแต่ละคนของเผ่าเพลิงฟ้าเองเพียงลำพัง?

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท