กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ – บทที่ 568

บทที่ 568

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 568
เยี่ยจิ่งหานเข้าไปรับร่างของกู้ชูหน่วนที่ปลิวออกไปได้ทันควัน จากนั้นจึงถ่ายเทกำลังภายในให้นางอย่างต่อเนื่อง เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่สู้ดีนักว่า “ต้องดื้อรั้นขนาดนี้ด้วยหรือ”

กู้ชูหน่วนยิ้มเหมือนดอกสุ่ยเซียน*ที่หวิวไหวอยู่ในสายลม

มีเสน่ห์และแพรวพราว

ความเงียบสงัดเข้าปกคลุมพื้นที่

ไม่มีใครคิดว่าดาบของซ่งอวี้จะหลุดออกจากฝักหลังจากกระบวนท่าที่รุนแรงนี้ นอกจากนี้เขายังถูกระดับสองโจมตีจนได้รับบาดเจ็บอีกด้วย

ในหมู่ของพวกเขา ผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเยี่ยกับรองหัวหน้าเผ่าซือคงมีสีหน้าย่ำแย่ที่สุด

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไร จอมมารจึงกวาดสายตาเย็นเยียบไปทางผู้ตัดสิน “การต่อสู้จบลงแล้ว เหตุใดจึงยังไม่ตัดสินแพ้ชนะ”

“กะ… การประลองรอบที่สอง กะ… กู้ชูหน่วนชนะ” ผู้ตัดสินกลืนน้ำลายและกลืนประโยคนั้นลงคอ

จอมมารสะบัดแขนเสื้อของตนทันทีที่สิ้นเสียงนั้น ทันใดนั้นพลังที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายมรณะก็พุ่งเข้าไปหาซ่งอวี้

ซ่งอวี้รีบต้านทานทันทีที่เห็นมัน แต่ถึงอย่างนั้นอวัยวะภายในก็ยังได้รับบาดเจ็บจากแรงปะทะ ถ้าผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเยี่ยมาช่วยเขาแบ่งรับพลังที่น่าสะพรึงกลัวนั้นไม่ทัน เกรงว่าเขาคงต้องตายคาที่

ผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเยี่ยเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “จอมมาร ทั้งสองคนประลองกันอย่างยุติธรรม ในฐานะผู้นำ เจ้ากลับลอบทำร้ายคนของเรา ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไปเกรงว่า…”

“เฮอะ…ถ้าข้าจำไม่ผิด การประลองครั้งนี้น่าจะจบลงแล้ว ในเมื่อการประลองจบลง ข้าจะลงไม้ลงมือก็ไม่นับว่าเป็นการขัดขวางมิใช่รึ”

เขาไม่ได้ก่อความโกลาหลให้เผ่าเพลิงฟ้า นั่นนับว่าเขาให้เกียรติพวกนั้นมากพอแล้ว

ซ่งอวี้ผู้นี้กล้าแตะต้องพี่หญิงของเขา ต่อให้เป็นหมาที่มีร้อยชีวิต เขาจะฆ่าก็ไม่ผิดอะไร

กู้ชูหน่วนเอ่ยอย่างอ่อนแรงว่า “การประลองสามรอบ ข้าชนะไปสองรอบ พวกเจ้าควรทำตามที่รับปากไว้ให้เรียบร้อยมิใช่หรือ”

รองหัวหน้าเผ่าซือคงหัวเราะเยาะ “พวกข้าเคยบอกว่าต้องชนะสองในสามรึ เราต้องการให้ชนะสามในสามรอบ ตอนนี้ยังเหลืออีกหนึ่งรอบ”

ดวงตาที่เยียบเย็นหลายคู่จ้องมองไปยังรองหัวหน้าเผ่าซือคงทันทีที่เขาหลุดคำพูดประโยคนั้นออกมา

เฮอะ!

เคยเห็นคนหน้าด้านมาเยอะ แต่ไม่เคยเห็นใครหน้าด้านขนาดนี้

การแข่งขันสามรอบ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผู้ที่ชนะสองรอบคือผู้ชนะ

ถึงอย่างไรเผ่าเพลิงฟ้าก็เป็นเผ่าเก่าแก่อายุนับพันปี ทำตัวเป็นหมาหมู่ไร้ยางอาย รังแกแต่คนอ่อนแอ นึกไม่ถึงว่าตอนนี้พวกเขาจะหันมาใช้วิธีสกปรกเช่นนี้อีก

แม้แต่น่าหลานหลิงลั่วก็ยังทนไม่ไหว เขาเอ่ยอย่างขุ่นเคืองว่า “ข้าไม่รู้มาก่อนว่าเผ่าเพลิงฟ้าเป็นเผ่าโบราณที่ไม่รู้จักยอมรับความพ่ายแพ้ น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้ข้าเคยเลื่อมใส ที่แท้ก็ไม่มีค่าอะไรเลย”

สีชิ่นยิ้มและกล่าวว่า “เดิมทีเผ่าเพลิงฟ้าก็ไม่ค่อยเท่าไหร่อยู่แล้ว ต่อไปถ้าจะคบหากับพวกเขาก็ควรระวังตัวไว้ ไม่อย่างนั้นอาจถูกหลอกจนตายโดยไม่รู้ตัว”

ผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเยี่ยมองเหยียดราวกับคิดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรที่น่าละอาย จากนั้นจึงเอ่ยเรียบๆ ว่า

“รองหัวหน้าเผ่าพูดถูก เผ่าเพลิงฟ้าของเราไม่ได้รับปากว่าต้องชนะสองในสามรอบ ทั้งหมดนั้นกู้ชูหน่วนคิดไปเองคนเดียว ถ้านางไม่กล้ารับคำท้าในรอบสุดท้ายก็เท่ากับว่านางแพ้”

เยี่ยจิ่งหานค่อยๆ ฟื้นคืนกำลังภายในของตน

กู้ชูหน่วนได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่มีทางต่อสู้ได้แล้ว

นางตายแน่หากบังคับให้ต้องสู้กับผู้อาวุโสเฉิน

ตอนนี้เขาเองก็บาดเจ็บสาหัส ทั้งยังฝืนมอบพลังปราณของตัวเองให้กับนาง ดังนั้นพลังของเขาจึงเหลือเพียงแค่สองในสิบเท่านั้น

เยี่ยจิ่งหานระงับอาการบาดเจ็บเอาไว้ เขายืดหลังตรงและกวาดสายตามองเผ่าเพลิงฟ้าด้วยแววตาที่เยือกเย็นและคมกริบ ความน่าเกรงขามที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านอยู่รอบกายของเขา กดดันจนหลายๆ คนในเผ่าเพลิงฟ้าแทบจะอยากลงไปกองอยู่บนพื้น

“ดูเหมือนพวกเจ้าจะไม่ได้บอกว่าต้องชนะสามในสามรอบ”

“แต่เราก็ไม่ได้บอกว่าต้องชนะสองในสาม”

“ในเมื่อเผ่าเพลิงฟ้าของพวกเจ้าหน้าด้านขนาดนั้น ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะติดตามไปจนสุดทาง”

พูดจบ จิตสังหารของเขาก็ท่วมท้นขึ้นมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน ตอนนี้เยี่ยจิ่งหานดูเหมือนจะกลายเป็นเทพเจ้าแห่งการฆ่าล้างที่ไร้เทียมทาน

มือที่ค่อนข้างเย็นของกู้ชูหน่วนกุมมือหนาของเขาไว้

แม้ว่านางจะบาดเจ็บสาหัสจนใบหน้าซีดขาวและมีรอยเลือดเปื้อนอยู่ที่มุมปาก แต่แววตาของนางยังคงดื้อรั้นและไม่เห็นใครอยู่ในสายตา เย่อหยิ่งจนคนอื่นๆ คิดว่านั่นเป็นภาพลวงตา

เสียงของกู้ชูหน่วนไม่ดังนัก ทว่าทุกคนได้ยินสิ่งที่นางพูดอย่างชัดเจน

“ในเมื่อพวกเจ้าอยากจะสู้กันอีกรอบ เช่นนั้นพี่หญิงจะเป็นคู่มือให้เอง”

น่าหลานหลิงลั่วดุ “เจ้าบ้าไปแล้วรึ ไม่เห็นหรืออย่างไรว่าตอนนี้เจ้าบาดเจ็บสาหัสขนาดไหน เจ้าชนะการประลองในครั้งนี้ตั้งแต่แรกแล้ว ยังจะต้องแข่งอีกทำไม”

“ต่อให้ท่านชนะอีกรอบหนึ่ง เผ่าเพลิงฟ้าก็มีข้ออ้างมาเล่นงานท่านอยู่ดี”

จอมมารเอ่ยจี้จุดสำคัญและเปิดประเด็นตรงๆ เขายืนอยู่ข้างกู้ชูหน่วนและเอ่ยอย่างอาจหาญว่า “ใครที่คิดจะทำร้ายนาง คนผู้นั้นต้องผ่านศพข้าไปก่อน”

รองหัวหน้าเผ่าซือคงเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “พูดแบบนั้น หมายความว่าเผ่าปีศาจจะอยู่ข้างเยี่ยจิ่งหานและเป็นศัตรูกับพวกเราเผ่าเพลิงฟ้างั้นรึ”

“ผิด ข้าอยู่ข้างพี่หญิง” จอมมารแก้ให้ถูกต้อง

น้ำเสียงของผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเยี่ยแฝงไปด้วยการข่มขู่ “จอมมารควรไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน แม้ว่าเจ้าจะเป็นผู้นำแห่งเผ่าปีศาจ แต่ที่นี่คือเผ่าเพลิงฟ้า ถึงอย่างไรก็มีเพียงแค่คนเดียว ยังไงก็คงไม่ดีนัก”

คนที่มีสมองเพียงเล็กน้อยยังฟังออก

ผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเยี่ยกำลังขู่จอมมาร

ความหมายของเขาคือ ที่นี่คือเผ่าเพลิงฟ้า จอมมารบุกเข้ามาในเผ่าเพลิงฟ้าและเผชิญหน้ากับพวกเขาเพียงลำพัง ดังนั้นคนที่จะเสียเปรียบก็คือเขา

ไม่มีใครช่วยเก็บศพเขาได้ถ้าเขาตายที่นี่

ในเมื่อทุกคนยังฟังออก จอมมารจะฟังไม่ออกได้อย่างไร เขายิ้มอย่างมีเสน่ห์และกล่าวว่า “ก็จริงอย่างที่เจ้าพูด ข้าคือผู้นำแห่งเผ่าปีศาจ และเจ้าก็เป็นเพียงแค่ผู้อาวุโสตัวเล็กๆ ของเผ่าเพลิงฟ้า คนอย่างเจ้ามีสิทธิ์มาสั่งสอนข้าด้วยหรือว่าควรทำอย่างไร”

ทันทีที่จอมมารกล่าวเช่นนั้นก็เท่ากับว่าเขายืนยันที่จะอยู่ข้างกู้ชูหน่วน นับเป็นการฉีกหน้าเผ่าเพลิงฟ้าอย่างสมบูรณ์

ผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเยี่ยมีสีหน้ามืดมน รังสีอาฆาตฉายปราดในดวงตาที่ยับย่นของเขา

ฟึบ!

ไม่รู้ว่าเป็นรังสีอาฆาตของเขาหรือรังสีอาฆาตที่แผ่มาจากผู้คนของเผ่าเพลิงฟ้า สถานที่แปลกๆ นั้นจึงดูไม่น่ามองนัก

กลิ่นอายความมาคุค่อยๆ ลุกลาม

ผู้คนจำนวนมากจากเผ่าเพลิงฟ้าทยอยเข้ามาโอบล้อมกู้ชูหน่วน เยี่ยจิ่งหานและจอมมารเอาไว้

กู้ชูหน่วนกลอกตาใส่จอมมารและเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “เจ้านี่ก็ช่างหาเรื่องโดนทำร้ายเนอะ”

จอมมารยิ้มอย่างซุกซน ดูไม่เหมือนผู้ที่เป็นนายคนเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เขากลับดูเหมือนเด็กหนุ่มผู้บริสุทธิ์ผุดผ่อง “การได้อยู่กับพี่หญิง ต่อให้ต้องโดนทำร้ายก็ยังนับเป็นความสุขอย่างหนึ่ง”

กู้ชูหน่วน “…”

รองหัวหน้าเผ่าซือคงสะบัดมือเพียงหนึ่งครั้ง เสียงฝีเท้าของเหล่าสาวกระดับสูงก็ดังกรูเข้ามา มีทั้งนักธนู กองอาวุธลับและอื่นๆ พวกนั้นเข้ามาล้อมรอบพวกเขาไว้ด้วยกันอีกสามชั้น

แค่รอคำสั่งจากเขา พวกนั้นก็จะยิงพวกเขาเหมือนยิงรังแตน

รองหัวหน้าเผ่าซือคงกวาดตามองไป๋จิ่นและคนอื่นๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยคำเตือน

“ทุกท่าน นี่เป็นข้อพิพาทระหว่างพวกข้ากับพวกเขา ข้าคิดว่าทุกท่านคงไม่เข้ามายุ่ง”

น่าหลานหลิงลั่วหัวเราะเยาะและยืนอยู่ฝ่ายกู้ชูหน่วน เขาเอ่ยเสียงดังว่า “กู้ชูหน่วนเป็นผู้หญิงที่ข้าชอบและเป็นคู่หมั้นของข้า เรื่องของนางก็คือเรื่องของข้าเช่นกัน”

ฟุบๆๆ

จิตสังหารสองดวงพุ่งตรงไปที่น่าหลานหลิงลั่วทันที

น่าหลานหลิงลั่วอดสั่นสะท้านไม่ได้

เยือกเย็น…

เยี่ยจิ่งหานกับจอมมารป่วยงั้นรึ

พวกเขายังไล่ตามกู้ชูหน่วนได้ แล้วเขาจะไล่ตามนางบ้างไม่ได้เชียวหรือ

สายตานี่มันอะไรกัน คิดจะขู่ขวัญให้เขาถอนตัวออกไปหรืออย่างไร

ไม่มีทาง

หลังจากใช้ชีวิตมานาน ในที่สุดเขาก็ตกหลุมรักใครสักคนซึ่งก็คือผู้หญิงที่ชื่อกู้ชูหน่วน ตลอดชีวิตนี้เขาจะไม่ยอมปล่อยมือเด็ดขาด

ผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลานมาถึงช้า ทว่าเมื่อมาถึงกลับได้ยินคำพูดของลูกชายพอดีและตกใจจนแทบจะเป็นลม

## ดอกสุ่ยเซียนคือดอกแดฟโฟดิล

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท