กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 623
กู้ชูหน่วนสงสัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างแม่ทัพใหญ่เซี่ยว และยังสงสัยอีกว่าเหตุใดเขาจึงมีปฏิกิริยารุนแรงนักเมื่อพบหน้าผู้อาวุโสหก
มีเสียงดังปึง!
กู้ชูหน่วนเปิดประตูห้อง ทันใดนั้นฮวาฉี่หลัวก็โผล่หน้าออกมา ดวงตาของนางเป็นประกายเมื่อเห็นกู้ชูหน่วน นางขยี้ตาแล้วขยี้ตาอีกและเอ่ยอย่างไม่อยากเชื่อว่า “ท่านพี่… ท่านพี่หน่วน เป็นท่านจริงๆ หรือ ข้าไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่”
กู้ชูหน่วนซวนเซเมื่อฮวาฉี่หลัวโผเข้าใส่
สาวน้อยผู้นี้ยังเด็กทว่ามีเรี่ยวแรงมหาศาล การโผเข้าใส่ครั้งนี้แทบจะทำให้นางทรงตัวไม่อยู่
“ท่านพี่หน่วน ท่านไปอยู่ไหนมา ข้าคิดถึงท่านแทบตาย ข้าหาท่านอยู่เป็นนานแต่ว่าหาไม่เจอ ทั้งยังถูกผู้เฒ่าคนนี้ลักพาตัวมาที่นิกายเทพอสูรอีก”
กู้ชูหน่วนลูบผมที่นุ่มลื่นของนางและยิ้มให้ “เจ้าเรียกข้าว่าท่านพี่หน่วนเสียคุ้นเคยเชียว ข้าจำได้นะว่าครั้งแรกที่เจ้าเจอข้า เจ้าอยากจะฆ่าข้าให้ได้”
“ตอนนั้นข้าไม่รู้ตัวตนของท่านนี่นา แล้ววรยุทธของท่านก็แย่ลงมาก ข้าจะจำท่านได้อย่างไร”
ฮวาฉี่หลัวคลอเคลียอยู่ข้างกายอย่างไม่เกรงใจ ทำเหมือนที่เคยทำตอนยังเด็ก
“เด็กดี พี่มีเรื่องต้องคุยกับผู้อาวุโสหก เจ้ากับเสี่ยวลู่ออกไปก่อนนะ”
ฮวาฉี่หลัวยังอยากจะออดอ้อน แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่ตึงเครียดของกู้ชูหน่วน นางจึงแลบลิ้นอย่างอดไม่ได้และออกไปพร้อมกับเสี่ยวลู่
ผู้อาวุโสหกเมาจนสติเลอะเลือน เขายืนโงนเงนไปมาและแสยะยิ้ม
“อาหน่วน ท่านคืออาหน่วน ท่านมาเพื่อดื่มสุรากับข้าใช่หรือไม่ มาๆ เรามาดื่มกัน ดื่มสุราของนิกายเทพอสูรให้หมด ดูสิว่าพวกนั้นยังจะกล้าอีกหรือไม่”
แม่ทัพใหญ่เซี่ยวเอ่ยอย่างตื่นเต้น “ผู้อาวุโสหก ท่านจำข้าได้หรือไม่”
สายตาของผู้อาวุโสหกพร่าเลือน เขามองแม่ทัพใหญ่เซี่ยวไม่ชัดนัก มองอยู่นานก็ยังนึกไม่ออก
“ข้าเอง เสี่ยวเซี่ยว แม่ทัพน้อยแห่งรัฐเยี่ยผู้นั้นไง”
“อ้อ… ก็ว่าคุ้นๆ อยู่ เพื่อนของอวี้เอ๋อร์นี่เอง อวี้เอ๋อร์เคยสรรเสริญความดีของเจ้าให้ข้าฟังอยู่บ่อยๆ”
น้ำตาของแม่ทัพใหญ่เซี่ยวไหลรินราวกับไข่มุกที่ร่วงหล่น เขาร่ำไห้จนแผงอกกระเพื่อมเหมือนคนที่กำลังตื่นเต้นและสะเทือนใจมาก
แม่ทัพใหญ่เซี่ยวในตอนนี้ไร้ซึ่งความน่าเกรงขามและความเคร่งขรึมอย่างที่เคยมี เขาดูเหมือนเด็กแก่ๆ ที่กำลังรู้สึกผิดอย่างสุดหัวใจ
“ข้าขอโทษ เป็นเพราะข้าไม่ปกป้องพระสนมอวี้ให้ดี พระองค์จึง… ข้าขอโทษ…”
แม่ทัพใหญ่เซี่ยวคุกเข่าลงเสียงดังปึ้งและคุกเข่าอยู่อย่างนั้น
กู้ชูหน่วนรีบประคองเขาให้ลุกขึ้น “ท่านแม่ทัพใหญ่อย่าทำเช่นนี้เลย ท่านทำเช่นนี้มีแต่จะทำให้เขากับข้าลำบากใจ”
“ท่านไม่รู้ ตอนนั้น… ตอนนั้นเรื่องทุกอย่างเป็นเพราะข้า ถ้าไม่ใช่เพราะข้า พระสนมอวี้คงไม่ต้องตาย”
“พระสนมอวี้คือใครหรือ”
แม่ทัพใหญ่เซี่ยวชะงักไปนิดหนึ่งและเริ่มระงับน้ำตาไว้ได้
“ท่าน… ท่านไม่รู้เรื่องพระสนมอวี้หรือ ท่านไม่ใช่หัวหน้าเผ่าหยกหรอกหรือ”
แม่ทัพใหญ่เซี่ยวหันไปมองผู้อาวุโสหกเป็นเชิงถาม
ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสหกยังเมาหรือว่าได้สติแล้ว เขาพูดอย่างรำคาญว่า “นอกจากอาหน่วน จะมีใครอีกที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าเผ่าหยกของเรา เรื่องของอวี้เอ๋อร์ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ใครจะไปจำได้ ข้าบอกตาเฒ่าอย่างเจ้าแล้วไง ถ้าเจ้าจะมาดื่มกับข้า ข้ายินดี แต่ถ้ามาเพื่อร้องไห้ไว้ทุกข์ก็รีบๆ ไปให้พ้นหน้าข้าซะ ข้ายังไม่ตาย”
ว่าแล้วผู้อาวุโสหกก็ขับไล่แม่ทัพใหญ่เซี่ยวทันทีโดยที่ไม่รอให้เขาโต้ตอบ
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้วและตามออกไป
นางปลอบโยนว่า “ท่านผู้อาวุโสหกติดสุรามาก พูดอะไรแต่ละอย่างถือสาหาความไม่ได้หรอก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองพูดอะไร ไว้เขาสร่างเมาเมื่อไหร่ก็ดีเอง ท่านอย่าใส่ใจเลย”
แม่ทัพใหญ่เซี่ยวยิ้มอย่างขมขื่น
เขารู้ดีกว่าใครๆ
ผู้อาวุโสหกไม่ได้เมา
ตรงกันข้าม เขาแค่แสร้งทำเป็นเมาและมีสติสัมปชัญญะดีทุกอย่าง
เหตุผลที่ขับไล่เขาออกมาเป็นเพราะการตายของพระสนมอวี้ เขายังปล่อยวางไม่ได้
“อีกสามวันจะครบรอบวันเกิดหกสิบปีของข้า ข้ารู้ว่าอวี่เฉิง อวี่โหลว อวี่เซวียนรวมถึงหว่านเอ๋อร์กำลังวางแผนจะทำให้ข้าประหลาดใจ คิดว่าพวกเขาน่าจะอยากจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้ข้า”
“ท่านคิดว่าท่านจะรออีกสามวันได้หรือไม่ หลังจากสามวันผ่านไป ข้าจะควักหัวใจของข้าคืนให้ท่าน”
แม่ทัพใหญ่เซี่ยวต้องการคืนให้และมีท่าทีของการวิงวอน
ชั่วขณะหนึ่งกู้ชูหน่วนไม่รู้จะตอบเขาอย่างไร
“ท่านแม่ทัพ…”
“นี่คือสิ่งที่ข้าติดค้างพวกท่าน ข้าควรจะตายไปตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อน แต่เป็นพระสนมอวี้ที่ทนเห็นรัฐเยี่ยถูกทำลายไม่ได้ และพระองค์ก็ทนเห็นข้าตายไม่ได้ ดังนั้นพระองค์จึงกลั่นไข่มุกมังกรเข้ามาในหัวใจของข้า ทำให้หัวใจของข้าฟื้นตัวขึ้นมาได้ ข้ามีชีวิตอยู่มาได้ถึงสิบกว่าปีก็นับเป็นพรที่ประเสริฐมากแล้ว”
“หลายปีมานี้ข้าคอยตามหาชาวเผ่าหยกมาตลอด ข้าอยากจะควักหัวใจออกมาคืนให้พวกเขา แต่น่าเสียดายที่ตลอดสิบปีมานี้ข้าหาคนของเผ่าหยกไม่พบเลย ทั้งยังหาทางเข้าไปยังเผ่าหยกมิได้ด้วย”
แม่ทัพใหญ่เซี่ยวหันไปมองใบหน้าที่งดงามอย่างหาใดเปรียบมิได้ของกู้ชูหน่วน มองใบหน้าที่งดงามที่สุดในแผ่นดินรวมถึงดวงตาคมโตที่ดำขลับคู่นั้น จากนั้นจึงพึมพำกับตัวเอง
“เหตุใดข้าจึงไม่สังเกตแต่แรก ดวงตาของท่านเหมือนนางมาก… ข้าควรจะคิดได้ตั้งนานแล้ว”
“เหมือนใครรึ”
“อาหน่วน ข้าขอเรียกท่านแบบนั้นได้หรือไม่”
“ได้อยู่แล้ว”
“ท่านสัญญากับข้าได้หรือไม่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ท่านต้องรวบรวมไข่มุกมังกรทั้งเจ็ดลูกและแก้ไขคำสาปโลหิตของเผ่าหยกให้ได้ นั่นคือสิ่งที่พระสนมอวี้พยายามทำมาตลอดชีวิต”
“แน่นอนอยู่แล้ว เป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของข้าก็คือการแก้ไขคำสาปโลหิตของเผ่าหยกเช่นกัน ท่านแม่ทัพ ข้าขออภัยจริงๆ เพื่อชีวิตนับหมื่นนับพันของเผ่าหยก ข้าทำได้เพียง…”
“ท่านไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ที่ข้าประคองตัวเองให้อยู่มาจนถึงวันนี้ก็เพื่อใช้ร่างกายของตนเองหล่อเลี้ยงไข่มุกมังกร รอวันมอบคืนให้เผ่าหยก ต่อให้ท่านไม่เอ่ยปาก ข้าก็จะมอบให้เองอยู่ดี ท่านอย่าได้โทษตัวเองเลย…”
ดวงตาที่ชราของแม่ทัพใหญ่เซี่ยวเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา เขาอยากจะตบไหล่ปลอบโยนกู้ชูหน่วนแต่เขาไม่กล้า ทำได้เพียงจ้องมองดวงตาที่คุ้นเคยอย่างเหม่อลอย
ท่าทีที่แม่ทัพเซี่ยวมีต่อกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปมาก นั่นยิ่งทำให้กู้ชูหน่วนไม่สบายใจและโทษตัวเองหนักขึ้น
ความเห็นแก่ตัวของนางทำให้เซี่ยวอวี่เซวียนต้องสูญเสียผู้เป็นบิดาอย่างไม่มีทางหวนกลับ และมันจะเป็นความเจ็บปวดที่คงอยู่ตลอดไป
กู้ชูหน่วนพาแม่ทัพใหญ่เซี่ยวออกมาจากนิกายเทพอสูรโดยที่ฮวาฉี่หลัวเกาะติดนางไม่ยอมปล่อย
กู้ชูหน่วนต้องพาฮวาฉี่หลัวกลับไปด้วยอย่างจำใจ
ระหว่างทาง กู้ชูหน่วนเอ่ยขึ้นมาว่า “ท่านแม่ทัพ ท่านช่วยเล่าเรื่องพระสนมอวี้ให้ข้าฟังได้หรือไม่ หรือจะเล่าที่มาของความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับเผ่าหยกก็ได้ สมองของข้าได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยและทำให้ข้าจำเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่ค่อยได้”
ฮวาฉี่หลัวขัดขึ้นมาอย่างซื่อๆ ว่า “ท่านจำไม่ค่อยได้เสียที่ไหน ท่านจำไม่ได้เลยต่างหาก แม้แต่น้องสาวอย่างข้าท่านยังจำไม่ได้ ข้าเสียใจเหลือเกิน”
แม่ทัพเซี่ยวถอดถอนใจ เขามองไปยังท้องฟ้าสีครามราวกับกำลังจมดิ่งอยู่ในอดีต
“พระสนมอวี้… พระองค์เป็นสตรีที่งดงามและจิตใจดีมาก เป็นพระสนมที่จักรพรรดิพระองค์ก่อนทรงโปรดปราน ทั้งยังเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าหยก ตอนที่พระองค์ปรากฏตัว รัฐเยี่ยกำลังอยู่ในช่วงที่ระส่ำระสายที่สุด เป็นพลังของพระองค์เพียงผู้เดียวที่ช่วยให้รัฐเยี่ยรอดพ้นจากนรกแห่งความยากลำบาก ร้อนพ้นจากสภาพวะแห่งความอดอยาก ทำให้รัฐเยี่ยเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ ประชาชนอยู่กันอย่างผาสุก แม้แต่ศัตรูทั้งหมดของรัฐเยี่ยก็ถูกขับไล่ออกไป”
“บุรุษหลายคนในรัฐเยี่ยให้ความสนใจพระองค์ รวมถึงจักรพรรดิพระองค์ก่อน พระองค์เป็นเหมือนเทพธิดาจิ่วเทียนเซวียนที่จุติมายังโลก งดงามจนมิอาจทำให้มัวหมอง”
กู้ชูหน่วนมองตาของแม่ทัพใหญ่เซี่ยวและอดสงสัยไม่ได้
เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาเองก็ชอบพระสนมอวี้
“พระสนมอวี้คือเสด็จแม่ของเยี่ยจิ่งหานใช่หรือไม่”
แม่ทัพใหญ่เซี่ยวชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบสนองอย่างรวดเร็ว
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ทว่า… เรื่องนี้สลับซับซ้อนกว่าที่เห็น ความจริงไม่มันไม่ใช่อย่างที่ท่านเห็น…”
แม่ทัพใหญ่เซี่ยวยังพูดไม่จบ ฮวาฉี่หลัวก็ขัดจังหวะขึ้นมา “โธ่เอ๊ย พวกท่านเอาแต่คุยเรื่องพระสนมอวี้มาตลอดทาง น่าเบื่อไหมเนี่ย พวกท่านจะพูดอย่างไรนางก็ฟื้นขึ้นมาจากหลุมศพไม่ได้ เอาเวลามาคิดดีกว่าว่ามื้อต่อไปจะกินอะไรดี”