Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1699

ตอนที่ 1699

แหล่งสถานคุนหลุน

ฟ้าดินกว้างใหญ่ไพศาล ไอขุ่นมัวหนาแน่นคละคลุ้งในอากาศ ระหว่างภูเขาทุ่งหญ้าเต็มไปด้วยพลังชีวิตที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่

ที่นี่คล้ายจำศีลมาหมื่นกาล ร่องรอยคนยากหาพบ แผ่กลิ่นอายดุจดั้งเดิมรกร้างออกมา

ยืนอยู่ในนี้ ช่างเหมือนกลับไปในยุคจักรวาลแรกกำเนิด!

ท้องฟ้าที่นี่รางเลือนสูงส่ง เผยสีเขียวหม่นลึกล้ำ มีดวงดาวเคลื่อน้ายอยู่ภายใน ไอขุ่นมัวเป็นสายๆ ไหลร่วงลงมา

บนพื้นดินภูเขาเรียงราย กว้างใหญ่ไร้สิ้นสุด ยืนนิ่งอยู่ในนี้แล้วรู้สึกเล็กจ้อยเป็นพิเศษ

ฮูวๆๆ…

สายลมไพศาลโบกพัดอยู่ระหว่างฟ้าดิน ราวกับเสียงเป่าเขาสัตว์ที่มาจากสมัยดึกดำบรรพ์

พร้อมๆ กับการสั่นของคลื่นอากาศระลอกหนึ่ง เงาร่างหลินสวินและอาหูปรากฏกลางอากาศ

พริบตาเดียวร่างหลินสวินพลันดิ่งลงกะทันหัน แทบร่วงหล่นจากห้วงอากาศ ต้องโคจรพลังรอบตัวจึงจะทรงตัวไว้ได้

‘พลังกฎระเบียบน่าทึ่งมาก!’

และตอนนี้เอง เขาสังเกตเห็นความแตกต่างของฟ้าดินแห่งนี้

ที่นี่ราวกับที่พำนักของเทพดึกดำบรรพ์ พลังระเบียบฟ้าดินหนาแน่นและมั่นคงผิดปกติ มีพลังกดข่มมหามรรคที่ปะทะเข้ามา

จากการคาดการณ์ของหลินสวิน ผู้แข็งแกร่งที่ต่ำกว่าระดับอริยะ หากอยู่ที่นี่จะถูกกดดันจนจิตมรรคสลาย ร่างและจิตดับสิ้น!

‘มิน่าคนที่มุ่งหน้ามาแหล่งสถานคุนหลุน ส่วนใหญ่ล้วนเป็นระดับมหาอริยะ อริยะทั่วไปมาอยู่ที่นี่ ย่อมเลี่ยงความรู้สึกที่เหมือน ‘ถูกมัดมือเท้า ก้าวย่างหนักอึ้ง’ ไม่ได้ พลังต่อสู้ของตนจะถูกพันธนาการอย่างมาก…’

หลินสวินใคร่ครวญพลางสังเกตโดยรอบ ก็เห็นว่าตำแหน่งที่ยืนอยู่นี้เป็นพื้นที่รกร้างเปล่าเปลี่ยวแห่งหนึ่ง

ฟุ่บ!

ทันใดนั้นเปลวเพลิงสีน้ำเงินกลุ่มหนึ่งโฉบออกมา ทะลวงสังหารเข้ามาราวกับสายฟ้า ทุกที่ที่ผ่านห้วงอากาศล้วนถูกดเผาทลาล

กลิ่นอายน่ากลัวนั่นทำให้หลินสวินนัยน์ตาหดรัด พลันโคจรคัมภีร์กลืนกินไร้สิ้นสุด หุบเหวใหญ่ปรากฏรอบตัว กลืนกินเปลวเพลิงสีน้ำเงินกลุ่มนั้น

เฮือก!

ทว่าเพียงพริบตาเดียวหลินสวินก็สูดเข้าใจหนาวเยือก

เปลวเพลิงสีน้ำเงินนี้เผด็จการอย่างที่สุด ภายในสั่งสมพลังกฎเกณฑ์ที่คลุมเครือ พุ่งชนราวกับคมดาบดุร้าย กลิ่นอายเผาผลาญทำลายล้างที่แผ่ออกมา ทำเอาร่างกายหลินสวินเกิดความเจ็บแสบ

ทว่าไม่นานภายใต้การกำราบของเขา เปลวเพลิงสีน้ำเงินนี้ก็ถูกบดขยี้และสลายหายไป

ส่วนสีหน้าของหลินสวินเคร่งขรึมขึ้นไม่น้อยแล้ว

เปลวเพลิงกลุ่มเดียวเท่านั้น ทว่าพลังที่อันตรายนั่นสามารถสังหารระดับอริยะแท้ได้อย่างง่ายดาย นี่จะไม่ให้หลินสวินระมัดระวังได้อย่างไร

 นี่ก็คือแดนหลอมสมบัติ ราวกับโลกเล็กๆ สิ่งที่อันตรายที่สุดก็คือเปลวเพลิงประหลาดต่างๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ในนี้ ถูกเรียกว่า ‘เพลิงเทพคุนหลุน’ พบเห็นได้เพียงในแหล่งสถานคุนหลุนเท่านั้น 

อาหูที่อยู่อีกด้านอธิบาย  เพลิงเทพคุนหลุนที่เจ้าสลายไปเมื่อครู่นี้นับว่าธรรมดาที่สุด ไม่ถึงกับอันตรายนัก เพลิงเทพคุนหลุนที่ร้ายกาจจริงๆ จะมีสีทองและม่วงสองสี 

 เพลิงเทพสีทองจะเปลี่ยนเป็นสมบัติรูปแบบต่างๆ อย่างดาบทวนกระบี่ มกุฎมหาอริยะมาเจอเข้า จะต้องทุ่มสุดกำลังทลายออกไป 

 เพลิงเทพสีม่วงจะเปลี่ยนเป็นต้นไม้ใบหญ้า ธารน้ำ เมฆหมอก สัตว์ปีกและสัตว์ปีศาจ ถึงขั้นเป็นร่างวิญญาณที่หายากชนิดต่างๆ เพลิงเทพประเภทนี้น่ากลัวที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย หากเจอเข้ารีบหนีจะดีที่สุด 

 เพลิงเทพทองม่วงสองประเภท ก็คือเพลิงวายุดับวิญญาณที่ถูกคนทั้งโลกยกย่อง เมื่อยามปรากฏ ราวกับลมพายุโหมกระหน่ำพัดผ่าน กลิ่นอายทำลายล้างน่ากลัว 

 นอกจากนี้ยังเล่าลือกันว่าแดนหลอมสมบัตินี้ยังมีเปลวเพลิงลึกลับที่ผสานใสขุ่น หยินหยางร่วมดำรง ขาวดำร่วมกำเนิด ในระดับอริยะเมื่อสัมผัสจะต้องตายสถานเดียว 

หยุดไปครู่นี้อาหูก็เตือนว่า  นี่ไม่ใช่เพลิงมรรคต้นกำเนิด ไม่สามารถถูกกำราบได้ หนำซ้ำยังไม่สามารถถูกดูดซับและกักขังได้ 

หลินสวินพยักหน้าพูด  ไอมรรคหลอมสมบัติล่ะ มีอะไรที่เน้นหนักหรือไม่ 

อาหูเอ่ย  แน่นอน ไอมรรคหลอมสมบัติที่คุณลักษณะยิ่งสูง ยิ่งส่งผลต่อการซ่อมแซมและยกระดับสมบัติมากขึ้น 

นางทะยานไปข้างหน้า  ไป พวกเราก็เริ่มเคลื่อนไหวเถอะ รอหาไอมรรคหลอมสมบัติเจอ เจ้าเห็นแล้วก็จะเข้าใจเอง 

เงาร่างของหลินสวินพริบวาบตามไป

ระหว่างทางภูเขาแม่น้ำกว้างใหญ่ เก่าแก่และดั้งเดิม พลังชีวิตเข้มข้นไหลรินอยู่ในไอขุ่นมัว คละคลุ้งอยู่ในอากาศ ทำให้พลังขับเคลื่อนรอบตัวหลินสวินเปลี่ยนเป็นมีชีวิตชีวาขึ้นมา

ที่นี่เป็นโลกที่เหมาะกับการฝึกปราณระดับมกุฎมหาอริยะที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

หากอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณ ถ้าไม่มีถ้ำสวรรค์แดนมงคลและโอสถเทพที่คุณภาพดีที่สุดสนับสนุน ด้วยระดับในตอนนี้ของหลินสวินย่อมไม่สามารถฝึกปราณได้

เหตุผลง่ายมาก ไอวิญญาณกลางฟ้าดินของดินแดนรกร้างโบราณ ไม่สามารถตอบสนองความต้องการในการฝึกปราณของหลินสวินได้แล้ว เหมือนกับน้ำแก้วหนึ่งเจอกับรถขนฟืนที่ไฟไหม้

อีกทั้งกลิ่นอายมหามรรคแดนหลอมสมบัตินี่หนาแน่น อริยะทั่วไปอาจจะถูกกดดัน รู้สึกเหมือนโดนมัดมือเท้า

ทว่าสำหรับหลินสวิน ที่นี่ประหนึ่งแดนมงคลของการหยั่งรู้แก่นอัศจรรย์มหามรรค!

เขาเคยเด็ดต้นไม้ใบหญ้าจำนวนหนึ่ง ล้วนปกติมาก ทว่ากลับสั่งสมพลังชีวิตพลุ่งพล่านหนาแน่นราวกับจับต้องได้ หากอยู่โลกภายนอกเรียกได้ว่าเป็นวัตถุดิบวิญญาณที่หายากยิ่ง

ทว่าในแดนหลอมสมบัติกลับเหมือนต้นหญ้า สามารถมองเห็นได้ทุกที่

 เหตุใดจึงไม่เห็นสิ่งมีชีวิต 

จู่ๆ หลินสวินก็ส่งเสียง

ระหว่างทางภูเขาแม่น้ำกว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตา เขียวชอุ่มงอกงาม พลังชีวิตอุดมสมบูรณ์ ทว่ากลับไม่มีเงาร่างของสิ่งมีชีวิตเลย

แม้แต่มดที่ยังมีชีวิตอยู่สักตัวก็ไม่มี!

อาหูรีบพูด  นี่ก็คือแดนหลอมสมบัติ เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่โบราณกาล ที่ผ่านมาก็เคยมีผู้บำเพ็ญมรรคอยากอยู่ฝึกปราณที่นี่ ไม่คิดจากไป แต่หลังจากนั้น… 

 หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น 

 ตายทั้งหมดไม่มีข้อยกเว้น 

หลินสวินนัยน์ตาหดรัดเล็กน้อย

เวลาหนึ่งถ้วยชาหลังจากนั้น

จู่ๆ อาหูก็ชะงักเท้า มุมปากเผยรอยยิ้มแล้วพูดว่า  เจ้าดู 

นี่เป็นภูเขาใหญ่ที่สูงชันอันตรายลูกหนึ่ง แม้หญ้าก็ยังไม่ขึ้น ทว่าบนหน้าผากลางเขาที่อยู่ข้างๆ กลับมีกระแสอากาศคล้ายสายรุ้งล่องลอย ละอองแสงงดงาม

เหมือนน้ำพุแห่งหนึ่ง เพียงแต่สิ่งที่ปรากฏกลับเป็นกระแสไอมหามรรคที่งดงามหลากสี

หลินสวินตาเป็นประกาย  ไอมรรคหลอมสมบัติหรือ 

 ไม่เลว ดูจากลักษณะของมันก็นับว่าไม่ธรรมดา 

อาหูพูด เงาร่างกระฉับกระเฉง ล่องลอยมาถึงห้วงอากาศตรงหน้าผาภูเขา ทว่าไม่ได้เข้าใกล้

นางชี้นิ้วเอ่ยว่า  พี่หลิน ขอเพียงหลอมไอมรรคนี้เข้าไปในสมบัติ ก็จะทำให้สมบัติได้รับการซ่อมแซมและยกระดับขึ้น มหัศจรรย์อย่างที่สุด 

หลินสวินตามไป ก็เห็นว่าบนหน้าผาไอมรรคหลอมสมบัติราวกับรุ้งเทพพรั่งพรู แผ่กลิ่นอายลึกลับบริสุทธิ์ออกมา

 แต่ก่อนจะเก็บจะต้องระวัง 

ว่าแล้วอาหูพลันยื่นมือคว้า พลังที่ไร้รูปสายหนึ่งแผ่กระจาย ทว่ายังไม่ทันเข้าใกล้ไอมรรคหลอมสมบัตินั่น จู่ๆ เปลวเพลิงบาดตาแถบหนึ่งก็โฉบพุ่งออกจากหน้าผา!

เพลิงมีถึงสิบกว่าสาย ทุกสายล้วนปรากฏสีเขียวอ่อน ราวกับฝูงฉลามที่ได้กลิ่นคาวเลือด เสียงโครมคราดังขึ้นคราหนึ่ง พลันโจมตีพลังนี้ของอาหูจนย่อยยับ

อาหูไม่ตกใจไม่เร่งรีบ ในฝ่ามือปรากฏพัดใบกล้วยเขียวมรกตเล่มหนึ่ง โบกพัดลวกๆ

ฮูม…

ลมพายุกึกก้อง กวาดห้วงอากาศจนถล่ม เปลวเพลิงเหล่านั้นพลันทลาย เปลี่ยนเป็นฝนเพลิงมากมายสลายหายไป

อาหูเก็บใบพัดกล้วยแล้วจึงพูดว่า  ต่อไปหากเจอไอมรรคหลอมสมบัติจะต้องระวังไว้ก่อน แหล่งกำเนิดของไอมรรคหลอมสมบัติทุกสาย จะมีเพลิงเทพคุนหลุนกำเนิดมาด้วย 

นางยื่นมือไปคว้า ไอมรรคหลอมสมบัติที่ราวกับรุ้งเทพสายนั้นถูกรับเข้ามา จากนั้นนางก็โยนให้หลินสวิน

 เจ้าลองดู  ไอรีนโนเวล

หลินสวินหัวใจกระเพื่อมไหว ไม่ได้ปฏิเสธ พลันหยิบดาบหักออกมา

วู้ม…

พอไอมรรคหลอมสมบัติไหลเข้าไป ดาบหักพลันสั่นเล็กน้อยราวกับดีใจ สัญลักษณ์ลายมรรคที่คลุมเครือมากมายปรากฏขึ้น

เพียงแต่ไม่นานไอมรรคหลอมสมบัติก็ถูกใช้จนหมด ทำให้การเปลี่ยนแปลงของดาบหักเงียบไปอีกครั้ง

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้หลินสวินก็สังเกตเห็นว่า คุณลักษณะของดาบหันมีการยกระดับขึ้นเสี้ยวหนึ่งอย่างชัดเจน แม้เพียงแค่เสี้ยวหนึ่งก็เรียกได้ว่าน่าทึ่ง!

ควรรู้ว่าดาบหักในตอนนี้เป็นศาสตราอริยะบริสุทธิ์ของหลินสวิน ถูกฟูมฟักไว้ในร่างแทบจะตลอดเวลา ทว่าคิดอยากจะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเสี้ยวนี้ ไม่มีเวลาสามเดือนห้าเดือนย่อมทำไม่ได้

ทว่าตอนนี้มีไอมรรคหลอมสมบัติ การเปลี่ยนแปลงเสี้ยวนี้ใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น

เมื่อเทียบกันแล้วแน่นอนว่าย่อมน่าทึ่ง

 ถึงว่าทุกคนต่างแย่งกันเข้าสู่แหล่งสถานคุนหลุน ในโลกภายนอกนี้ไม่มี ‘ไอมรรค’ ที่พิเศษลึกลับขนาดนี้ 

หลินสวินชื่นชม

อาหูเม้มปากยิ้ม  นี่ยังเป็นแค่ไอมรรคหลอมสมบัติทั่วไป ในอดีตที่ผ่านมาเคยมีคนเก็บไอมรรคหลอมสมบัติที่ ‘รูปร่างคล้ายเต่าดำ อานุภาพปานมังกรใหญ่’ ได้ ยกระดับศาสตราอริยะชิ้นหนึ่งในมือสู่ระดับศาสตรากึ่งจักรพรรดิในคราเดียว ตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาครั้งใหญ่เชียว 

หลินสวินใจเต้นขึ้นมาทันที เขานึกขึ้นได้ว่าในบรรดาสมบัติของตน ดาบหัก ธนูวิญญาณไร้แก่นสาร รวมถึงเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดล้วนมีความบกพร่องอยู่

หากสามารถรวบรวมไอมรรคหลอมสมบัติได้เพียงพอ จะสามารถซ่อมพวกมันได้หรือไม่

จากนั้นทั้งสองก็เดินทางกันต่อ

แดนหลอมสมบัติราวกับโลกเล็กโลกใบหนึ่งที่ไพศาลไร้สิ้นสุด ตั้งแต่เข้ามาจนถึงตอนนี้ พวกหลินสวินยังไม่เจอคนอื่นๆ เลย นับว่าโชคดี

ฮูม…

ไม่นานแม่น้ำที่ยิ่งใหญ่สายหนึ่งปรากฏในสายตาของทั้งสอง คลื่นน้ำพลิกกลิ้ง ม้วนหิมะพันชั้นขึ้นมา

 เดี๋ยวก่อน 

ทันใดนั้นภายใต้การปกคลุมของจิตรับรู้ของหลินสวิน จู่ๆ ก็สังเกตเห็นความผิดปกติเสี้ยวหนึ่ง พลันหยุดฝีเท้าบนฝั่งแม่น้ำ

น้ำในแม่น้ำเกลือกกลิ้ง หมอกน้ำเดือดพล่าน ตรงกลางแม่น้ำกลับมีดอกบัวสีขาวหิมะดอกหนึ่งปรากฏในคลื่นอย่างรางๆ

หากไม่สังเกตอย่างละเอียดยากจะค้นพบ

 นี่คือไอมรรคหลอมสมบัติสายหนึ่ง! 

ดวงตาดำของหลินสวินวาววาบ จำแนกได้แล้ว

อาหูเองก็อดประหลาดใจไม่ได้  ไม่ผิด ดูเหมือนคุณลักษณะจะไม่ธรรมดาด้วย วิวัฒน์เป็นดอกบัวหิมะน้ำแข็งดอกหนึ่งแล้ว 

ทันใดนั้นนางพลันเผยสีหน้าระมัดระวัง  พี่หลิน เดี๋ยวตอนเก็บมันต้องระวังหน่อย มันไม่ธรรมดาเช่นนี้ เพลิงเทพคุนหลุนที่ถือกำเนิดขึ้นพร้อมกันก็ต้องไม่ธรรมดาแน่ 

หลินสวินพยักหน้า

เพียงแต่ตอนที่เขาจะลงมือ เสียงกระบี่ครวญสายหนึ่งพลันดังก้องขึ้น…

ชิ้ง!

ปราณกระบี่สีเงินสายหนึ่งมาเยือนจากฟากฟ้าไกลออกไป ยาวถึงพันจั้ง หนาใหญ่สว่างไสว เป้าหมายไม่ใช่หลินสวินและอาหู

แต่เป็นไอมรรคหลอมสมบัติที่อยู่กลางแม่น้ำใหญ่!

ตูมโครม…

ปราณกระบี่ยังไม่ทันเข้าใกล้ ผิวแม่น้ำก็ราวกับระเบิดออก เพลิงเทพที่แน่นขนัดแถบหนึ่งพุ่งออกมา เพลิงเทพทุกสายล้วนขนาดประมาณกำปั้น โปร่งใสราวกับหิมะน้ำแข็ง เผยแสงน่าหวาดหวั่น

ปราณกระบี่นั่นแข็งแกร่งเพียงใด ทว่าชั่วพริบตาเดียวก็ถูกเพลิงเทพหิมะน้ำแข็งที่ราวกับปกคลุมฟ้าดินนั่นแช่แข็งอยู่กลางอากาศ จากนั้นระเบิดออกทุกกระเบียด!

 ถอย! 

หลินสวินนัยน์ตาหดรัดทันใด หลบหนีไปพร้อมกับอาหู เพราะพลังจากเพลิงเทพหิมะน้ำแข็งกลุ่มนั้นโจมตีปราณกระบี่จนแหลก อานุภาพมหาศาลก็พุ่งเข้ามาหาพวกเขา

เห็นได้ชัดว่ามองพวกเขาเป็นต้นตอแห่งภัยพิบัติ!

——

 

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท