กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ – บทที่ 629

บทที่ 629

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 629
ลั่วอิ่งหายใจเร็วเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ไม่นานก็กลับสู่ปกติ มันรวดเร็วจนทำให้คนไม่สามารถจับกุมได้เลย

“เยี่ยเฟิงเป็นคนที่น่าสงสาร และเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก เขาเป็นลูกชายแท้ๆของจักรพรรดินีรัฐฉู่ แต่ทว่าตอนที่เกิดกลับถูกแย่งชิงไป ทิ้งไว้ที่เผ่าปีศาจ พออายุห้าปีได้ถูกผู้นำกองธงกล้วยไม้กักขังไว้ ทุกข์ทรมานจากการถูกทารุณกรรม อดอยากและหนาวเหน็บ ตายไปยังจะดีเสียกว่า”

“ความปรารถนาสูงสุดในชีวิตของเขาคือการตามหาพ่อแม่แท้ๆ ของเขา และเขาก็สมหวังแล้ว แต่ทว่าพ่อแม่ของเขากลับเป็นจักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่ที่ครองอำนาจสูงสุดและอยู่สูงส่ง องค์ชายผู้หนึ่งแต่ทว่ากลับต่ำต้อยเป็นของเล่นที่ไร้เกียรติ เรื่องนี้แพร่ออกไป ราชวงศ์รัฐฉู่ยังจะต้องการรักษาหน้าหรือไม่”

“เขาไม่กล้ารับ สุดท้าย….จักรพรรดินีดูเขาออก และอยากจะรู้จักกับเขา น่าเสียดาย….เขาตายแล้ว ตายอยู่ที่หุบเขาโลหิตหูหลู แม้แต่เจอหน้ากันครั้งสุดท้ายกับองค์จักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่ยังไม่ได้เจอเลย จนกระทั่งไม่เคยเจอจักรพรรดิฉู่ด้วย”

“เขามีชีวิตอยู่อย่างต่ำต้อย ใช้ชีวิตอย่างไร้ฐานะที่มีเกียรติ ใช้ชีวิตเยี่ยงหมูหมา แต่เขาก็มีความอ่อนโยนอยู่ในใจเสมอ ไม่ว่าคนอื่นจะทรมานหรือดูหมิ่นเขาอย่างไร ก็ไม่สามารถดับความอ่อนโยนในจิตใจของเขาได้ ”

ลั่วอิ่งฟังอยู่เงียบๆ ใบหน้าของเขาเรียบเฉย ไม่มีความดีใจหรือเสียใจเลย คล้ายดั่งรูปปั้นที่คงอยู่ชั่วนิรันดร์

มีเพียงในใจของตัวเขาเองที่รู้ ใจที่เยือกเย็นดวงนั้นของเขามีระลอกคลื่นกระเพื่อมขึ้นเป็นชั้นๆ

เยี่ยเฟิง…..องค์ชายของรัฐฉู่ การคุมขังของผู้นำกองธงกล้วยไม้ ……

ผู้นำกองธงกล้วยไม้เป็นคนอย่างไร ใต้โลกหล้าต่างพากันรู้ ไม่มีใครที่ไม่รู้

กลายเป็นของเล่นของเขา ยอมตายเลยเสียดีกว่า

เพราะว่าเขามีลักษณะเหมือนเยี่ยเฟิง เพราะฉะนั้นองค์จักรพรรดิและอัครมเหสีของรัฐฉู่ถึงดีกับเขาอย่างนั้นใช่หรือไม่?

เสียงของกู้ชูหน่วนดังขึ้นอีกครั้ง

“จักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่รักใคร่กลมเกลียว จักรพรรดิแห่งรัฐฉู่ทำเพื่อจักรพรรดินีโดยละทิ้งพระสนมมากมายของพระตำหนักหลัง และมารักทะนุถนอมอัครมเหสีฉู่เพียงคนเดียวเท่านั้น อัครมเหสีคิดถึงมากจนป่วย สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ไม่มีมาโดยตลอด และไม่ยอมให้กำเนิดอีก จักรพรรดิฉู่ยินยอมให้เสนาบดีร่วมลงนามบนกระดาษ และก็ไม่ยอมที่จะรับพระสนมอีก ในใจของพวกเขาเชื่อมาโดยตลอด เชื่อว่าลูกชายของพวกเขายังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้อยู่ เพียงแค่พวกเขาใช้ใจหา ไม่ช้าก็เร็วจะมีวันหนึ่งที่ได้พบเจอ”

“การตายของเยี่ยเฟิงมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อพวกเขา พวกเขาล้างหน้าด้วยน้ำตาทุกวัน หลังจากเจ้าปรากฏตัว พวกเขาจึงยิ้มได้อีกครั้ง”

“เจ้าพูดสิ่งเหล่านี้กับข้าทำไมกัน?”ลั่วอิ่งกล่าวอย่างเยือกเย็น

“ข้าว่ามันยากสำหรับการที่จะเปลี่ยนความคิดที่หยั่งรากลึกของเจ้า แต่จักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่เป็นคนดี และพวกเขายังปฏิบัติต่อเจ้าเหมือนเป็นลูกชายของพวกเขาเอง ไม่ว่านายท่านของเจ้าจะให้เจ้าลอบสังหารใครในอนาคต เจ้าก็ไม่สามารถทำร้ายพวกเขา”

ลั่วอิ่งไม่ได้พูดอะไร อีกทั้งหันหน้ามองไปนอกหน้าต่าง

แต่ทว่ากู้ชูหน่วนกลับยิ้ม ยืดเอวอย่างเกียจคร้านแล้วจากไป

“สนุกกับชีวิตบนโลกใบนี้เถิด ไม่แน่เจ้าอาจจะเป็นลูกชายของพวกเขาจริงๆก็ได้”

ลั่วอิ่ง“…..”

“มีคนรักทะนุถนอม ดีกว่าตนเองพยายามทุ่มเทสุดชีวิต?”

ลั่วอิ่งเอียงศีรษะมองไป ร่างสีแดงเพลิงของกู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าหายไปที่แห่งใดแล้ว

เขาพิจารณาคำพูดของนางอยู่เงียบๆ เป็นเวลานาน แววตาของเขาเจ็บปวด กำดาบกระบี่ที่อยู่ในมือของตนเองแน่น

คนในยุทธจักรไม่อาจทำตามใจตนเองได้

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเขา….

หลังจากที่กู้ชูหน่วนไปแล้ว เลยถือโอกาสตอนที่ฮวาฉี่หลัวหลับ วิ่งไปที่จวนหานอ๋อง

เมื่อใกล้ถึง กู้ชูหน่วนเกรงว่าจะรบกวนเยี่ยจิ่งหาน นางเลยปีนกำแพงเข้ามา

สิ่งที่นางคิดไม่ถึงคือ นางเพิ่งจะกระโดดลงมา ในจวนเต็มไปด้วยผู้คน และเยี่ยจิ่งหานนั่งเป็นหัวหน้าอยู่

เยี่ยจิ่งหานนั่งอยู่บนเก้าอี้ ด้านหลังมีชิงเฟิงเจี้ยงเสวี่ย และชิวเอ๋อร์กับกลุ่มองครักษ์ยืนอยู่

ราวกับการจับการคบชู้ได้เสียกัน

ถุย

บ้าอะไรกัน

นางไม่ได้มั่วสุมกับใครสักหน่อย

กู้ชูหน่วนกล่าวทัก

ทายด้วยใบหน้าเหยเก “ดึกขนาดนี้ ทุกคนยังไม่นอนกันอีกนะ”

เยี่ยจิ่งหานสีหน้าอึมครึม กระตุกรอยยิ้มอันชั่วร้ายที่มุมปากขึ้นมา ดวงตาสีดำคู่นั้นระยิบระยับดั่งดวงดาว สุกสกาวแวววาวสดใสน่าดึงดูด แต่ทว่ากลับยากที่จะคาดเดามองออก

การที่เขาเหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้มมันชัดเจนเป็นพิเศษในค่ำคืนที่เงียบสงัด

“พระชายายังรู้จักที่จะกลับเรือน ข้านึกว่าในใจของพระชายา จวนหานอ๋องเป็นเพียงสถานที่พักรับรองแห่งหนึ่งเท่านั้น”

คำพูดนี้ กู้ชูหน่วนฟังแล้วมีความรู้สึกที่เศร้าโศกเล็กน้อย

ชิวเอ๋อร์ทำสายตาให้นางอยู่อีกด้าน แสดงออกให้นางเห็นว่าท่านอ๋องรออยู่ที่นี่เป็นเวลานานแล้ว และท่านอ๋องโกรธมาก

กู้ชูหน่วนยึดมั่นในท่าทางของคนที่ทำผิด กล่าวสำนึกผิดว่า“ท่านอ๋องกล่าวตลกแล้ว ในเมื่อข้าแต่งเข้ามาที่จวนหานอ๋อง จวนหานอ๋องก็คือเรือนคือครอบครัวของข้า ต่อไปข้ากลับมาเร็วหน่อยก็จบแล้วนี่”

“เหอะ….ข้าว่าเรือนของพระชายามีเยอะแยะมากมาย เช่นจวนแม่ทัพ นิกายเทพอสูร เรือนรับรองรัฐฉู่…..”

“สถานที่เหล่านี้จะสบายเยี่ยงจวนหานอ๋องได้อย่างไรกันล่ะ”

กู้ชูหน่วนวิ่งมารู้สึกเหนื่อย เห็นข้างกายของเยี่ยจิ่งหานมีที่นั่งที่ว่างอยู่กว้างใหญ่ นางแทบอยากจะลงไปนางข้างกายเขา

ทันใดนั้นมีสายตาคมกริบเพ่งเล็งมองมาทางกู้ชูหน่วน

ดึกขนาดนี้เป็นอะไรอีก?

ไม่ใช่ว่ากลับมาดึกเพียงไม่กี่ชั่วยามหรือ ควรที่จะโมโหขนาดนี้ไหม?

เยี่ยจิ่งหานกักกลั้นความโมโหไว้ กล่าวเก้อเขินทำอะไรไม่ถูก“พระชายาไม่ต้องอธิบายอะไรกับข้าเลยหรือ?”

“อธิบายอะไรหรือ?”

เขาไม่ใช่รู้ว่านางอยากจะได้ไข่มุกมังกรของจวนแม่ทัพหรือ?

ตำแหน่งที่ตั้งของไข่มุกเม็ดที่เจ็ดนั้นเยี่ยจิ่งหานเป็นคนบอกกับนางเอง

“ยกตัวอย่างเช่นเหวินเส่าอี๋ เซี่ยวอวี่เซวียน เซี่ยวอวี่โหลว ฝูกวง ลั่วอิ่ง ท่านอาจาร์ยซั่งกวน อี้เฉินเฟย ซือม่อเฟย”

เยี่ยจิ่งหานกล่าวชื่อออกมา เขากล่าวด้วยความเยือกเย็น กล่าวถึงตอนสุดท้าย ก็แทบจะไม่กัดฟันด้วยความแค้นแล้ว

ชิวเอ๋อร์ซวนเซ แทบจะล้มลง

นางรู้ว่าคุณหนูมีสหายที่ต่างเพศอยู่ด้านนอกมากมาย อีกทั้งความสัมพันธ์แต่ละคนยังไม่ชัดเจนด้วย

แต่อย่างไรนางก็คิดไม่ถึง คิดไม่ถึงว่าคุณหนูจะสวมหมวกสีเขียวสวมเขาให้ท่านอ๋องเยอะเพียงนี้

จบแล้ว วันนี้ท่านอ๋องสามารถอภัยให้คุณหนูนะสิแปลก

กู้ชูหน่วนลูบหน้าผาก

ความหึงหวงนี้

เป็นเรื่องของสามีภรรยาไม่สามารถที่จะปิดประตูคุยกันได้เลยหรือ?

ถึงจะต้องมาพูดต่อหน้าคนรับใช้มากมาย

นางแทบจะหัวเราะทั้งน้ำตา นางทั้งโมโหทั้งอบอุ่นใจ

“เหวินเส่าอี๋เป็นนายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้า ข้าไม่ยอมอยู่ร่วมโลกกับเขา แล้วจะยังมีความสัมพันธ์อะไรกับเขาได้?”

“แต่เขาเพื่อที่จะช่วยเจ้า แม้แต่ชีวิตยังไม่สนใจ”

“ใช่ เขาอยู่ที่ขั้วโลกเหนือไม่รู้ว่าเป็นหรือตายเลย”กู้ชูหน่วนกล่าวด้วยสีหน้าอึมครึม ภายในใจสับสนวุ่นวายเล็กน้อย

เรื่องที่เกิดขึ้นที่ขั้วโลกเหนือเยี่ยจิ่งหานอยู่ในสถานการณ์ เห็นเหวินเส่าอี๋ถูกฝังโดยหิมะถล่มเพื่อช่วยพวกเขา

สถานการณ์อย่างนั้น โดยพื้นฐานแล้วไม่มีโอกาสที่จะมีชีวิตรอดเลย

เยี่ยจิ่งหานก็ไม่พัวพันกับเหวินเส่าอี๋อีก ทำได้เพียงเหล่มองนาง

“เซี่ยวอวี่เซวียนเป็นพวกพ้องกับข้า นอกจากความสัมพันธ์พี่น้องของพวกข้าแล้ว ไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันท์คู่รักชายหญิง ฝูกวงเป็นอารักขาของข้า ท่านเพ้อเจ้อมากไปแล้ว?ข้าบ้าตัณหาขนาดนั้นหรือ?แม้แต่อารักขายังไม่ปล่อย?”

“ลั่วอิ่งอยากสังหารข้าหลายครั้ง ข้าไม่สงบเจียมตัวขนาดนั้นเลยหรือ ข้าชอบผู้ชายเย็นชาที่ตามสังหารข้า?”

“อี้เฉินเฟยคือพี่ชายของข้า หรือว่าแม้แต่พี่ชายของข้าก็ต้องมีส่วนพัวพัน?แล้วยังมีท่านอาจาร์ยซั่งกวน ที่ไม่ถูกชะตากันกับข้าตั้งแต่ไหนแต่ไร เขาจัดการข้าอย่างไร หรือว่าท่านไม่รู้?”

“ส่วนซือม่อเฟยที่มีความรู้สติปัญญาน้อยอย่างนั้น ท่านตีข้าให้เข้ากันกับเขา ท่านกำลังสงสัยสติปัญญาของข้าใช่หรือไม่?”

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท