กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 658
กู้ชูหลานลังเลอยู่เป็นเวลานานก็ไม่ได้อ้าปากกล่าวสิ่งใดออกมา
กู้ชูหน่วนอาจรู้ว่าสาเหตุการตายของแม่ทัพใหญ่เซี่ยวอาจเกี่ยวข้องกับนาง กู้ชูหลานอาจเป็นผู้ที่ลอบวางยาพิษแม่ทัพใหญ่เซี่ยวเบื้องหลังผู้นั้น
“พูด”
นางตะคอกอย่างแรงพร้อมรัศมีแห่งการสังหารก็ได้หลั่งไหลออกมาในทันใด ในป่าอันมหึมานั้นเต็มไปด้วยกลิ่นไอสังหารอันเย็นนยะเยือก
กู้ชูหลานหดตัวเล็กน้อยและหายใจเข้าลึกแล้วบ่นพึมพำว่า “แม่ทัพใหญ่เซี่ยวเป็น……พรวด……”
คำพูดยังไม่ทันจบคอของกู้ชูหลานก็ถูกมีดสังหารอันไร้รูปร่างปาดเข้าที่คอ เลือดสีแดงสดก็ได้ไหลลงมาราวกับแม่น้ำที่ไหลล้นตลิ่งออกมา
กู้ชูหลานเบิกตากว้างโดยไม่อยากจะเชื่อราวกับคาดไม่ถึงว่าจะมีคนใช้ดาบปาดคอนาง
ในขณะเดียวกันจอมมารสะบัดแขนเสื้อร่างกายกวาดแนวขวางออกไปดังเช่นดาวตกโจมตีเข้าใส่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสังหารกู้ชูหลานเลยโดยตรง
“ปึงปึงปึง……”
ฝ่ามือทั้งสี่เผชิญกัน ป่าทั้งผืนก็ได้ปลิวไสวล่องลอยเต็มไปด้วยทรายและหินพร้อมกับใบไม้ร่วงหล่น
กู้ชูหน่วนเหลือบมองไปยังจอมมารและรองหัวหน้าเผ่าซือคงที่กำลังต่อสู้กันอยู่ในระยะไกล และสะบัดโบกแขนเสื้อด้วยความโกรธพร้อมกับรีบรุดก้าวไปด้านหน้ากดคอกู้ชูหลานที่เลือดยังพุ่งไหลไม่หยุดเอาไว้แน่น
คอของนางถูกปาดด้วยปราณดาบที่บังเกิดจากกำลังภาย ไม่ใช่พละกำลังเหนือกว่าขั้นสูงสุดระดับห้านั้นไม่สามารถกระทำได้เป็นแน่
“บอกข้ามาว่าผู้ใดสังหารแม่ทัพใหญ่เซี่ยว” กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างร้อนใจ
กู้ชูหลานนั้นต้องการกล่าวคำพูกเพียงแต่ว่านางกล่าวสิ่งใดไม่ออก จึงทำได้เพียงใช้สายตาหนึ่งร้องขอให้กู้ชูหน่วนช่วยชีวิตนาง
หลอดเลือดแดงทั้งเส้นถูกกรีดจนขาดเหลือเพียงชั้นผิวหนังชั้นหนึ่งเท่านั้น กู้ชูหน่วนต้องการช่วยชีวิตเพียงแต่ว่าเทพเซียนก็ไม่สามารถช่วยได้
“พรึ่บ……”
ร่างกู้ชูหลานล้มตรงลงไปพร้อมกับดวงตาคู่หนึ่งที่เบิกกว้างราวกับว่าตายตาไม่หลับ
“นายท่าน……” เสี่ยวลู่กล่าวอย่างเป็นกังวล
กู้ชูหน่วนคลายมืออย่างไร้ซึ่งเรี่ยวแรงพร้อมกวาดตามองไปยังเลือดสดๆของกู้ชูหลานที่ยังคงพุ่งออกมาอยู่แล้วกล่าวเสียงเบาว่า “หาโลงศพและฝังนางเสีย”
กู้ชูหน่วนเขย่งปลายเท้าไปในทิศทางของการต่อสู้
ในขณะเดียวกันลูกน้องที่มีความสามารถของกู้ชูหน่วนก็ได้ล้อมรองหัวหน้าเผ่าซือคงเอาไว้และใช้กำลังที่จะจับกุมตัวเขา
ในป่าอันลึกจอมมารและรองหัวหน้าเผ่าซือคงต่อสู้กันอย่างแยกออกจากกันได้ยากลำบาก ความสามารถของพวกเขานั้นสูสีเท่าเทียมกัน
การต่อสู่กันของยอดฝีมือระดับนี้คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถเข้าไปยุ่งด้วยได้ เพียงแต่ว่าหากจอมมารแสดงถึงความพ่ายแพ้เพียงเล็กน้อย ลูกน้องของกู้ชูหน่วนก็จะยิงธนูนับหมื่นลูกพร้อมเพรียงกันหรือว่าสร้างค่ายกลเพื่อลากเขาเข้าไปสู่ความอ่อนล้าโรยแรง
“ซือม่อเฟยเพื่อผู้หญิงคนเดียวเจ้าถึงกับเป็นศัตรูกับเผ่าเพลิงฟ้าของเราจริงๆหรือ?”
รองหัวหน้าเผ่าซือคงเดินเข้าไปด้วยขาซึ่งเป็นลมหมุนเวียนจนโจมตีจอมมารให้ถอยออกไปได้โดยที่ต้องการหนีจากไปแต่จอมมารไม่ยอม ไม่ว่าเขาจะเป็นสิ่งหลอกลวงหรือของจริง จอมมารก็ขวางทางเขาไว้ได้เสมอส่งผลให้การต่อสู้ถึงทางตันในโดยที่เขาจากไปไม่ได้แต่ก็กระทำสิ่งใดต่อเขาไม่ได้
“เผ่าเพลิงฟ้า เก่งกาจมากหรือ?” จอมมารหัวเราะเยาะเย้ย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เผ่าเพลิงฟ้าได้ข่มขู่เขา
เขาซือม่อเฟยนั้นถูกข่มขู่จนเติบใหญ่หรือ?
“หากว่าวันนี้ข้าไม่ตายเผ่าเพลิงฟ้าและเผ่าปีศาจไม่ตายก็ไม่ยอมเลิกรา”
“รแให้เจ้ามีความสามารถรอดชีวิตได้แล้วค่อยมาว่ากันเถอะ”
พวกเขาเคลื่อนไหวได้รวดเร็วนักกู้ชูหน่วนมองดูจนสายตาพร่ามัวและทำได้เพียงร้องตะโกนว่า “อาม่อ ไม่ต้องเกรงใจจับตัวเขาให้ได้”
“ตกลง”
คำสั่งของหญิงในดวงใจจอมมารจะไม่ฟังได้อย่างไร เขายกมือขวาขึ้นดอกลำโพงแต่ละดอกก็ร่ายรำอยู่บนท้องฟ้า ร่ายรำรวมกันก่อตัวกันเป็นพิภพดอกไม้อันงดงาม กลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วทั้งผืนป่าราวกับเป็นดินแดนสวรรค์
นี่เป็นม้วนภาพอันงดงามจนผู้คนที่อยู่โดยรอบการทำลายล้างก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองอย่างเหม่อลอย
จากนั้นสีหน้าของรองหัวหน้าเผ่าซือคงช่างดูไม่ได้ยิ่งนัก
รองหัวหน้าเผ่าซือคงรวมพลังลมปราณ ฟองอากาศแล่ละฟองได้ขวางอยู่ตรงหน้าเขาต่อกรกับบุปผาเครื่องจักรสังหารของจอมมาร
ไม่รู้ว่าเนื่องจากเหตุใดกู้ชูหน่วนรู้สึกว่าการกระทำของรองหัวหน้าเผ่าซือคงนั้นช้ากว่าเมื่อก่อนมากนัก แม้แต่กำลังภายในก็อ่อนแอลงไม่น้อย
นางสูดดมอย่างละเอียดทันใดนั้นก็ตระหนักขึ้นมาว่าบุปผาเต็มท้องนภานี้ราวกับว่าจะมีกลิ่นไร้รูปมองไม่เห็นชนิดหนึ่งสามารถสร้างความสับสนให้กับผู้คนในวงล้อมการต่อสู้ และยังทำให้ผู้คนสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวด้วย
เจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมตัวนี้ได้เก็บรักษากระบวนท่าอันไร้เทียมทานไว้ไม่น้อย
แม้ว่าในเวลานี่จอมมารจะได้เปรียบอยู่บ้างกู้ชูหน่วนก็ไม่กล้าผ่อนคลาย ท่านผู้เฒ่าผู้นี้ไม่เพียงแต่ฉลลาดหลักแหลมยังมีเวทมนตร์ด้วยเพียงไม่ทันระวังเขาก็ได้หลบหนีไปเสียแล้ว
“ตูม……”
ฟองสบู่กระทบกับดอกลำโพงจนพื้นดินบนยอดเขาทั้งลูกสั่นสะท้านราวกับแผ่นดินไหวระดับแปด
กระบวนท่าไม้ตายของจอมมารยังคงดำเนินต่อ ซึ่งดูออกว่ามุ่งมั่นที่จะเอาชนะและจะต้องจับตัวรองหัวหน้าเผ่าซือคงให้จงได้ ดังนั้นลูกน้องของเขาจึงไร้ความปรานีใดๆ ทุกกระบวนท่าล้วนแล้วแต่เป็นกระบวนท่าสยบท้องฟ้าทลายพื้นแผ่นดิน ผู้คนเหล่านั้นที่อยู่ในระยะอันใกล้ก็ได้ถูกกระเทือนระเบิดเป็นหมอกโลหิตอยู่ตรงนั้น จึงทำได้เพียงถอยกลับครั้งแล้วครั้งเล่า
ในขณะที่การต่อสู้หนักหน่วงที่สุดจู่ๆรองหัวหน้าเผ่าซือคงก็หยิบสิ่งของโถขวดหนึ่งออกจากอกเทเข้าใส่จอมมาร
จอมมารคิดว่าเป็นอาวุธลับจึงไม่ได้สนใจแต่กลับโจมตีในแนวราบทำให้โถขวดนั้นระเบิดเลยโดยตรง
อย่างไรก็ตาม……
สิ่งที่ทำให้จอมมารล้มพับลงในโถไม่มีอาวุธลับใดอยู่แต่เป็นก้อนสิ่งปฏิกูลก่อนหนึ่ง
สิ่งปฏิกูลก้อนหนึ่งที่มีกลิ่นเหม็นและน่าขยะแขยง
สีหน้าของจอมมารเปลี่ยนไปอย่างมาก เก็บกระบวนท่าพร้อมกับขยับตัวออกถอยกลับออกไม่หยุดและรีบมองดูว่าถูกสิ่งปฏิกูลสาดใส่หรือไม่จากนั้นก็กล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “ผู้เฒ่าซือคงเช่นไรเจ้าก็เป็นยอดฝีมือระดับหกผู้หนึ่ง ถึงกับใช้วิธีขว้างสิ่งปฏิกูลเช่นนี้เจ้าน่าขายหน้าหรือไม่ แหวะ เหม็นจะตายแล้ว”
รองหัวหน้าเผ่าซือคงกลับไม่ได้สนใจเลย อาศัยขณะที่จอมมารวอกแวกแปลงกายเป็นประกายแสงอันงดงามทางหนึ่งและลอยจากไป
ลูกน้องของกู้ชูหน่วนจะปล่อยให้เขาจากไปได้อย่างไร เสียงชิ่วๆๆๆของลูกศรพุ่งขึ้นไปในอากาศทีละดอกๆ
ผู้ที่ถูกโยกย้ายมาต่อกรกับรองหัวหน้าเผ่าซือคงล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือที่คัดเลือกมาเป็นหมื่นลี้
ยอดฝีมือมากมายยิงธนูพร้อมเพรียงกัน ฝีเท้าของรองหัวหน้าเผ่าซือคงได้ถูกขัดขวางเอาไว้ซะแล้ว
เขาทำได้เพียงรวมพลังชี่แท้แปรเปลี่ยนเป็นประกายแสงใหญ่มหึมากระแทกไปทางนักธนูเหล่านั้น
“ปึงปึงปึง……”
“พรึ่บ……”
นักธนูไม่น้อยได้รับบาดเจ็บและร้องคร่ำครวญออกมา
นักธนูล้มลงก็ยังมีนักอาวุธลับ
รองหัวหน้าเผ่าซือคงเร่งรีบจากไปโดยไม่เต็มใจที่จะต่อสู้ แต่อาวุธลับเหล่านี้กลับยิงเข้ามาใส่อย่างไม่รู้จักจบจักสิ้นเสียจนบีบบังคับให้เขาต้องโบกสะบัดแขนเสื้อสกัดกั้น
กู้ชูหน่วนทำท่าดีดนิ้วหนึ่ง
จู่ๆป่านั้นก็ได้กลายเป็นทุ่งหิมะที่ล้วนมองเห็นเป็นภูเขาหิมะขาวโพลนที่ไร้ซึ่งร่องรอยใดๆ
รองหัวหน้าเผ่าซือคงกล่าวด้วยอย่างเย้ยหยันว่า “เพื่อที่จะจัดการกับข้าเจ้าก็ใช้ความพยายามเป็นอย่างมากเสียจริงๆถึงกับวางค่ายกลอันทรงพลานุภาพเช่นนี้ไว้”
“เพียงแค่สามารถจับตัวเจ้าได้ทุกสิ่งทุกอย่างช่างคุ้มค่าแล้ว”
ค่ายกลเกือบจะอยู่ภายใต้การควบคุมของกู้ชูหน่วนเหลือเพียงแค่ผู้ที่มีวรยุทธ์อันสูงส่งเข้าไปในค่ายกลจับกุมตัวเขาเอาไว้
กู้ชูหน่วนเหลือบมองไปยังจอมมารที่ยังคงสะบัดแขนเสื้อไม่หยุดจากนั้นก็กล่าวว่า “อาม่อค่ายกล นี้เป็นค่ายกลคุ้มกันประตูใหญ่ของนิกายเทพอสูร คนทั่วไปทำลายได้ยากเจ้าเข้าไปในค่ายกลจับกุมตัวเขาเอาไว้”
“ไม่ได้ วิธีการของเขาช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก หากว่าในตัวเขายังมีอุจจาระปัสสาวะก้อนหนึ่งจะทำเช่นไร?”
“ก็แค่อุจจาระสิ่งปฏิกูลมีสิ่งใดที่น่าหวาดกลัว ด้วยความสามารถของเจ้ายังจะถูกสาดเข้าใส่ได้หรือ?”
“ข้าไม่กลัวเขาในที่แจ้งและก็ไม่กลัวเขาในที่ลับแต่ข้ากลัวเขาใช้กลยุทธ์นี้”
“ถึงแม้ว่าจะถูกสาดเข้าใส่จริงๆก็ไปล้างก็พอแล้ว ข้าก็ไม่รังเกียจเจ้าสักหน่อย”
“ก็ไม่ได้ พี่หญิงความช่วยเหลือนี้ข้าอาจจะช่วยท่านไม่ได้เสียแล้ว เว้นแต่ท่านจะมั่นใจว่าในตัวเขาไม่มีอุจจาระปัสสาวะแล้ว”
กู้ชูหน่วนกลอกตาใส่
นางไม่ได้ตรวจค้นร่างกายแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าในตัวของรองหัวหน้าเผ่าซือคงยังมีอุจจาระปัสสาวะอยู่หรือเปล่า
แต่กลยุทธ์อันน่ารังเกียจไร้ยางอายนี้ก็ไม่ได้เป็นกลยุทธ์ที่นางได้ใช้กับชายชราชุดดำเมื่อครู่นี้หรอกหรือ?
เหตุใดรองหัวหน้าเผ่าซือคงถึงได้ใช้กลยุทธ์นี้มาต่อกรกับเขาได้?
เป็นไปได้หรือไม่ว่าชายชราชุดดำก็คือรองหัวหน้าเผ่าซือคง?
แม้ว่าจะไม่มีหลักฐาน ฝแต่กู้ชูหน่วนก็ยังสงสัยอย่างจริงจังว่าทั้งสองคนเป็นคนๆเดียวกัน
เขาไม่ได้ใช้กระบวนท่าของยอดฝีมือกลับใช้กลยุทธ์นี้กับนางก็เป็นการใช้วิธีหนามยอกต้องเอาหนามบ่ง?
เห็นรองหัวหน้าเผ่าซือคงโจมตีค่ายกลอย่างต่อเนื่อง ทุกหนทุกแห่งที่โจมตีก็ยังคงเป็นตำแหน่งของค่ายกลทั้งสิ้น