กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 671
ฝ่ามือนี้รุนแรงมากจนท้องฟ้าที่ครอบพื้นปฐพีเปลี่ยนสี และแม้แต่อากาศธาตุที่อยู่ในธรรมชาติก็ยังลุกโชนเป็นวงกว้าง
ผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเย่ไม่กล้าดูถูก เพียงแค่ฝ่ามือเดียว เขาก็รู้แล้วว่าฝีมือของคนผู้นี้พอ ๆ กันกับเขา และเป็นยอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับหก
เถาวัลย์สีเขียวหมุนวนและแบ่งออกเป็นแปดเส้น จากนั้นก็ปะทะกับฝ่ามือนั้นโดยตรง จนเกิดเสียงดังสนั่น
แผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่นราวกับว่าจะถล่ม พื้นดินแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
เมื่อไม่มีตรวนของผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเย่ ในที่สุดกู้ชูหน่วนก็สามารถที่จะเคลื่อนไหวได้ นางสั่นสะเทือนจนเกือบจะทรงตัวไม่อยู่
ในทันทีที่เงยหน้าขึ้น นางก็พบว่าผู้ที่ช่วยนางคือผู้อาวุโสสูงของเผ่าหยก
ผู้อาวุโสสูงและผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเย่ฝีมือพอ ๆ กัน ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด นี่เป็นสุดยอดการต่อสู้ นางจ้องมองอย่างไม่อาจละลายตาได้
แผ่นดินสั่นสะเทือนจนเกิดหลุมขนาดใหญ่ที่ลึกมาก และทุกการสั่นสะเทือนก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดแอ่งน้ำ
“เป็นเจ้า ที่แท้เจ้าก็ยังมีชีวิตอยู่ เจ้าไม่ได้ตายจากการต่อสู้เมื่อหลายสิบปีก่อน?”
“ข้าอายุน้อยกว่าเจ้าเป็นสิบปี เจ้ายังไม่ตาย แล้วข้าจะกล้าตายได้อย่างไร การต่อสู้เมื่อหลายสิบปีก่อน เจ้าทำร้ายข้าจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและเกือบตาย คราวนี้เจ้ากล้าทำร้ายอาหน่วน เจ้าก็เตรียมรอรับความตายได้เลย”
“ฮึ เมื่อหลายสิบปีก่อนเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า สิบปีให้หลังข้าจำเป็นต้องกลัวเจ้าด้วยหรือ?”
“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเล่นไม่ซื่อ แล้วหาคนมาช่วยลอบโจมตีข้า ข้าจะแพ้ให้เจ้าได้อย่างไร แต่คนสองคนร่วมมือกันก็ยังถูกข้าทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน อาการบาดเจ็บของเจ้าก็ทำให้เจ้าทุกข์ทรมานไม่น้อยใช่หรือไม่?”
ทั้งสองเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนกู้ชูหน่วนมองไม่ทัน แต่นางได้ยินที่พวกเขาพูดคุยกันอย่างชัดเจน
หลายปีที่ผ่านมาผู้อาวุโสสูงอยู่ในเผ่าหยกอย่างสันโดษ และไม่เคยออกไปข้างนอก เป็นเพราะเมื่อหลายสิบปีก่อน เขาถูกตาแก่ตายยากผู้นี้ทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและเกือบตายอย่างนั้นหรือ?
หลังจากที่ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยพาเหวินเส่าอี๋ไปยังที่ปลอดภัยแล้ว เขาก็ส่งเสียงฮึอย่างเย็นชาและเข้ามาร่วมการต่อสู้
เดิมทีผู้อาวุโสสูงและผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยฝีมือพอ ๆ กัน ไม่มีใครสามารถทำอะไรใครได้ แต่ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยเปลี่ยนตำแหน่ง ผู้อาวุโสสูงจึงถูกโจมตีขนาบทั้งซ้ายและขวา และอาจแพ้ได้ทุกเมื่อ
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างโกรธเคือง “ตนสองคนโจมตีคนคนเดียว พวกท่านยังมียางอายอยู่หรือไม่?”
“ฮึ ทุกคนในเผ่าหยกสมควรตาย โดยเฉพาะเขา”
ยอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับหก ในโลกนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เป็นคู่ต่อสู้ พวกเขาอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ และอาจจะไปสู่สุคติได้ทุกเมื่อ
หากสามารถกำจัดหนึ่งในยอดฝีมือของเผ่าหยกได้ก่อนที่พวกเขาจะตาย ก็จะเป็นประโยชน์ต่อเผ่าเพลิงฟ้า
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาต้องเอาไข่มุกมังกรมาให้ได้
“ตูมตาม……”
ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสองใช้กระบวนท่าที่มีพลังรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ล้วนแต่เป็นท่าไม้ตาย และไร้ความปรานี
ผู้อาวุโสสูงต้องรับมือกับการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามอย่างหนักหน่วง และกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “อาหน่วน ข้าจะถ่วงเวลาพวกเขาไว้ เจ้ารีบกลับไปที่เผ่าหยก”
“ท่านผู้อาวุโสสูง……”
กู้ชูหน่วนรีบร้อนจนสับสนมึนงง และคิดหาวิธีว่าจะช่วยผู้อาวุโสสูงฝ่าวงล้อมออกไปได้อย่างไร
ทันใดนั้นนางก็จ้องไปที่เหวินเส่าอี๋ที่อยู่ไม่ไกล
เหวินเส่าอี๋เตือนอย่างอ่อนโยน
“อย่าหาเรื่องให้ข้า ผู้อาวุโสสูงของเผ่าหยกมีตำแหน่งสูงส่ง ฝีมือของเขาเป็นไม่เป็นสองรองใคร โอกาสที่ดีเช่นนี้หาได้ยาก เป็นไปไม่ได้ที่ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสองจะปล่อยเขาไป ต่อให้ท่านจะใช้ข้าเพื่อข่มขู่ก็ไร้ประโยชน์ อีกอย่างหากท่านใช้ข้าเพื่อข่มขู่ ก็จะยิ่งทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดโกรธ และการต่อสู้ครั้งนี้ก็จะจบลงอย่างรวดเร็ว”
ในยามคับขัน เงาสีแดงเพลิงก็สว่างวาบขึ้นมาราวกับผี และตะโกนว่า “พี่หญิง ในที่สุดข้าก็หาท่านพบแล้ว”
“อาม่อ”
“โอ้โฮ สามยอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับหก วันนี้มันวันอะไร ทำไมถึงมียอดฝีมือมากันมากมายเช่นนี้?พี่หญิง คนสองคนนั้นของเผ่าเพลิงฟ้าคงไม่ได้พาท่านมาที่นี่ใช่หรือไม่?”
“ใช่”
“ต่อให้เป็นยอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับหกแล้วอย่างไร ไม่ว่าใครก็ห้ามให้ทำร้ายพี่หญิงของข้า”
“เฮ้……”
กู้ชูหน่วนต้องการเตือนเขาให้ระวัง ทั้งสองคนนี้แข็งแกร่งมากเกินไป แต่จอมมารก็เข้าไปร่วมต่อสู้ด้วยแล้ว
มีจอมมารเข้าไปร่วมต่อสู้ด้วย แรงกดดันของผู้อาวุโสสูงก็ลดลงไม่น้อย
เป็นการต่อสู้กันอย่างชุลมุน
และยิ่งชุลมุนมากขึ้น เมื่อมีผู้อาวุโสสูงสุดคนหนึ่งเข้าไปร่วมต่อสู้ด้วย
ในตอนนี้กลายเป็นสามต่อสอง
สำหรับพวกนางแล้ว สถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก กองกำลังหลักของเผ่าเพลิงฟ้ามาแล้ว และพวกเขาก็ล้อมกู้ชู้ไว้ในทันที
“ตูมตาม……”
“กรับ ๆ ๆ ……”
มีเสียงม้าวิ่งอยู่มาไม่ไกล ต้นไม้และน้ำในแอ่งน้ำสั่นสะเทือน
ยิ่งใหญ่เช่นนี้ น่าเกรงขามเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องมีคนมาจำนวนมาก
หัวใจของกู้ชูหน่วนแข็งทื่อไปชั่วขณะหนึ่ง
ดูเหมือนว่าวันนี้ยากที่จะผ่านไปได้ด้วยดี
“คุ้มกันผู้นำนิกาย คุ้มกันเจ้าหอ คุ้มกันหัวหน้าเผ่า…..”
เสียงตะโกนที่คุ้นเคยดังมาจากไกล ๆ ตามมาไอสังหาร
นัยน์ตาที่เฉียบคมของกู้ชูหน่วนพบว่าผู้คนที่มาไม่ใช่คนของเผ่าเพลิงฟ้า แต่เป็นคนของนาง
นำโดยสวีชิ่น เสี่ยวลู่ ไป๋จิ่น รวมทั้งผู้อาวุโสหกที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและคนอื่น ๆ
เมื่อพวกเขามาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง และเริ่มฆ่าในทันที เสี่ยวลู่และไป๋จิ่นสละม้าและใช้วิชาตัวเบากระโดดลงมา จากนั้นก็คอยคุ้มกันนางทั้งซ้ายและขวา
“นายท่าน ผู้น้อยมาช่วยช้าแล้ว นายท่านได้โปรดอภัยให้ผู้น้อยด้วย”
“ไม่ช้าเกินไป มาได้ทันเวลาพอดี”
นี่เป็นการต่อสู้ครั้งแรกระหว่างทั้งสองฝ่าย หลังจากที่กู้ชูหน่วนข้ามกาลเวลามา และฉากการต่อสู้ก็ลบล้างขอบเขตของนาง
มีผู้คนอย่างน้อยหลายพันคน และพวกเขาแต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือที่ได้รับการคัดเลือกจากหนึ่งในร้อย การต่อสู้ระหว่างพวกเขาเทียบได้กับกองทัพนับพันที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือดในสนามรบ
เสี่ยวลู่กล่าวว่า “นายท่าน ผู้อาวุโสสูงมีคำสั่งให้ผู้น้อยพาท่านกลับไปที่เผ่าหยกก่อน”
กู้ชูหน่วนลังเล
การต่อสู้ครั้งนี้ดุเดือดมาก นางจะหนีเอาตัวรอดไปก่อนได้อย่างไร?
“นายท่าน ไข่มุกมังกรเป็นสิ่งสำคัญ ผู้คนนับหมื่นพันของเผ่าหยกกำลังให้ท่านนำไข่มุกมังกรกลับไป ขอเพียงแค่สามารถนำไข่มุกมังกรกลับไปยังเผ่าหยกได้อย่างปลอดภัย แม้ว่าทุกคนที่นี่จะต้องตาย พวกเขาก็เต็มใจ”
ไป๋จิ่นเกลี้ยกล่อม “หัวหน้าเผ่า ท่านกลับไปก่อนเถอะ เหล่าผู้อาวุโสสูงทั้งหลายของเผ่าหยกกำลังเดินทางมา คนของพวกเราจะไม่เสียเปรียบอย่างแน่นอน”
“ตูมตาม……”
ผู้คนอีกระลอกหนึ่งมาจากไกล ๆ
นำโดยรถม้าที่เรียบง่ายและโอ่อ่า กู้ชูหน่วนจำได้ในทันทีว่าเป็นรถม้าของเยี่ยจิ่งหาน
และด้านหลังรถม้าก็มีกองทัพที่น่าเกรงขาม และไอสังหารที่หนาแน่นแผ่ซ่านออกมา มองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าจะได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
“อารักขาพระชายา และขุดรากถอนโคนเผ่าเพลิงฟ้า”
ชิงเฟิงขี่ม้านำมาก่อน และใช้ดาบฆ่าสาวกของเผ่าเพลิงฟ้าคนหนึ่ง
“ย่ะ……”
เจี้ยงเสวี่ยฉวยโอกาสจากความโกลาหลขับรถม้ามาตรงหน้ากู้ชูหน่วน และรีบกล่าวว่า “พระชายา เชิญเสด็จขึ้นมาบนรถม้าก่อนพ่ะย่ะค่ะ นายท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส ผู้น้อยเกรงว่าพระองค์จะทรงทนไม่ไหว”
คนของเยี่ยจิ่งหานเข้ามาช่วยสนับสนุนแล้ว และคนของนางก็มาจำนวนมาก สงครามครั้งนี้ พวกเขามีโอกาสมากที่จะชนะ เพียงแต่…..สามารถยับยั้งผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสามคนได้ชั่วคราวเท่านั้น
เมื่อนึกถึงความสำคัญของไข่มุกมังกร และเยี่ยจิ่งหานที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส กู้ชูหน่วนก็กระโดดขึ้นไปบนรถม้า และทิ้งท้ายไว้ว่า “อาม่อ ข้าจะกลับไปที่เผ่าหยกก่อน เจ้าระวังตัวด้วย หากสถานการณ์ไม่ดีก็ให้รีบหนีไป อย่าเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงอย่างเด็ดขาด”
“พี่หญิงอย่าต้องกังวลไปเลย ตราบใดที่ข้ายังอยู่ จะไม่มีใครทำอันตรายท่านได้”
“ไป๋จิ่น จับตัวเหวินเส่าอี๋ไว้ ข้าต้องการจับเป็นเขา”
รถม้าแล่นออกไปแล้ว แต่คำพูดของกู้ชูหน่วนก็ยังลอยออกมาจากหน้าต่างรถอย่างชัดเจน
ไป๋จิ่นเข้าใจและโบกมือ จากนั้นผู้คนจำนวนมากของเผ่าน้ำแข็งก็ล้อมเหวินเส่าอี๋ไว้ในทันที
เหวินเส่าอี๋เป็นนายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้า เขาเป็นเหมือนสิ่งสำคัญที่เผ่าเพลิงฟ้าจะต้องปกป้อง
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งสงครามที่มีการนองเลือด