กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 688
อายุเพียงแค่สามขวบก็ต้องเห็นแม่ของตัวเองถูกไฟคลอกตายต่อหน้าต่อตา ความเจ็บปวดนั้นเป็นอย่างไร
โดยเฉพาะประโยคนั้นที่เขาพูด ถูกบังคับให้จุดไฟเผาตัวเอง……
เห็นได้ชัดว่าแม่ของเขาไม่ได้อยากตาย
แต่แม่ก็ยอมทิ้งลูกของตัวเอง และเลือกที่เผาตัวเองตาย
“หลังจากที่ท่านแม่ตาย ข้าก็ถูกเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดพาฉันไปยังเขตต้องห้ามและฝึกสอนวรยุทธ แม้ว่าเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดเหล่านี้จะเข้มงวด แต่พวกเขาก็ใจดีกับข้ามาก เป็นแสงสว่างในวัยเด็กที่มืดมิดของข้า”
“แล้วท่านพ่อของเข้าล่ะ?”
“ท่านพ่อของข้า……ในสายตาของเขา ข้าเป็นเพียงนายน้อยของเผ่า จนลืมไปด้วยซ้ำว่าข้าเป็นบุตรชายของเขา อะแฮ่ม ๆ……”
เหวินเส่าอี๋ดื่มลงไปอีก แต่ก็สำลักเพราะเขาดื่มไม่เก่ง
“ดังนั้น…..ในตอนนี้แม้ว่าเจ้าจะกลับไปที่เผ่าเพลิงฟ้า สถานะของเจ้าก็ยังอึดอัดวางตัวไม่ถูก และท่านพ่อของเจ้าอาจจะไม่ต้องยอมรับเจ้าใช่หรือไม่?”
“ไม่รู้เลย”
เขาไม่เคยต้องการที่จะเป็นนายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้า
หากเป็นไปได้ เขาอยากเป็นเหมือนเด็กจากครอบครัวธรรมดา ๆ ที่มีพ่อแม่คอยรักและเป็นห่วง
แม้ว่าจะยากจนข้นแค้น
เขาเบื่อหน่ายกับการต่อสู้และฆ่าฟันไปวัน ๆ
“ท่านล่ะ……ท่านมีคนคอยปกป้องมากมายขนาดนี้ ทำได้อย่างไร?”
“ข้า…..เหอะ…..ข้าเองก็ไม่เข้าใจ เจ้าถามข้า แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไร อาจจะเป็นไปได้ว่า……พวกเขาอาจจะตัวแทน ถึงอย่างไรเผ่าหยกก็แข็งแกร่งและมีความสามารถมาก และไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้”
กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะเย้ยชีวิตของตัวเอง
ยิ่งดื่มสุราก็ยิ่งกลัดกลุ้มมากยิ่งขึ้น
นางรู้สึกกลัดกลุ้มเรื่องการสังเวยชีวิตของผู้ที่มีร่างกายเป็นหยินและบริสุทธิ์
เหวินเส่าอี๋วิเคราะห์จากคำพูดแต่ละคำ
“การล้างคำสาปโลหิตของเผ่าหยก เป็นความฝันของทุกคนในเผ่าหยก และเป็นเรื่องที่ท่านตั้งใจและพยายามอย่างมาก สามารถทำให้ท่านก้าวไปได้ ความสัมพันธ์ของท่านกับสองคนนั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ ”
“และคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดกับท่านคือเยี่ยจิ่งหาน ซือม่อเฟย เซี่ยวอวี่เซวียน ไ๋จิ่น ฮวาฉี่หลัว สีชิ่น และคนอื่น ๆ ”
“เยี่ยจิ่งหานเป็นคนแรกที่ขจัดอุปสรรคต่าง ๆ หากเป็นเขา เป็นไปไม่ได้ที่เผ่าหยกจะพยายามฆ่าเขาหลายครั้งหลายครา”
“เซวียนอวี่เซวียนและสีชิ่นก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน หากเป็นพวกเขา หลังจากรวบรวมไข่มุกมังกรได้แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เผ่าหยกจะไม่เชิญพวกเขามาที่เผ่าหยก และยิ่งไม่มีทางที่จะเอาหินมังกรทลายออก”
“ตามการคาดเดาของข้า ผู้ที่มีร่างกายเป็นหยางบริสุทธิ์น่าจะเป็นอี้เฉินเฟย เขากับท่านมีความสัมพันธ์ที่แน่นหนา เพื่อท่านแล้ว เขาต้องผมหงอกในชั่วข้ามคืน สูญเสียการฝึกยุทธ์ จนเหมือนตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง เรียกได้ว่าอี้เฉินเฟยเป็นญาติที่มีความสำคัญที่สุดคนหนึ่งในชีวิตของท่าน ความสนิทสนมที่แทรกซึมเข้าไปในไขกระดูกนั้น ไม่มีใครสามารถพรากไปได้”
“กล่าวได้ว่าอี้เฉินเฟยเป็นเสมือนเกล็ดใต้คอมังกรของเจ้า หากใครกล้าแตะต้องเขาแม้แต่ปลายเส้นผมเดียว ท่านจะต้องทำให้คนผู้นั้นต้องชดใช้คืนมาเป็นพันเท่า ดังนั้นนี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมครั้งนี้ ท่านถึงได้มีท่าทีโต้ตอบมากขนาดนี้ และท่านก็รู้สึกทุกข์ใจมาก”
“และผู้ที่มีร่างกายเป็นหยินบริสุทธิ์ ผู้ที่เป็นไปได้มากที่สุดไม่ใช่จอมมาร แต่เป็นไป๋จิ่นของเผ่าน้ำแข็งและคนอื่น ๆ เป็นไปได้มากว่าจะเป็นสี่ผู้ส่งสารศักดิ์สิทธิ์”
กู้ชูหน่วนประหลาดใจ และอดไม่ได้ที่จะชื่นชมความสามารถในการวิเคราะห์ของเหวินเส่าอี๋
สิ่งที่นางคิดไม่ถึง คือเขาเดาได้ทั้งหมด
อีกทั้ง……ยังเดาได้ถูกต้องทั้งหมด
“เผ่าหยกไม่มีทางยอมให้ใครเข้ามาง่าย ๆ แต่ผู้อาวุโสสูงของเผ่าหยกกลับเชิญสี่ผู้ส่งสารศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าน้ำแข็งเข้ามา จึงไม่ยากที่จะคาดเดาได้ และผู้ที่มีร่างกายเป็นหยินบริสุทธิ์คือหนึ่งในสี่ของผู้ส่งสารศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าน้ำแข็ง”
กู้ชูหน่วนกล่าวว่า “เจ้าสูญเสียวรยุทธ แต่ก็ยังน่ากลัวเช่นนี้ หากวรยุทธของเจ้ากลับคืนมา ในโลกนั้จะมีสักกี่คนที่สามารถจัดการกับเจ้าได้?”
“ท่านเคยคิดหรือไม่ว่า ผู้ที่มีร่างกายเป็นหยินบริสุทธิ์อาจจะไม่ได้มีเพียงคนเดียว?”
“เจ้าหมายถึงอะไร?”
“ไม่มีอะไร ข้าเพียงแค่คิดว่ามันน่าแปลก หากผู้ที่มีร่างกายเป็นหยินบริสุทธิ์เป็นหนึ่งในคนของเผ่าน้ำแข็ง แล้วทำไมผู้อาวุโสสูงถึงเชิญพวกนางมาทั้งสี่คน หรือว่าเพื่อเป็นการข่มขู่?”
แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเผ่าหยก จำเป็นต้องข่มขู่ด้วยหรือ?
อีกอย่าง……
ในวันนั้นก่อนที่เขาจะสลบ เขาเห็นว่ามีสาวกของเผ่าน้ำแข็งมากมายเข้ามาในเผ่าหยก
จำนวนคนเหล่านั้น อย่างน้อยก็ต้องหลายร้อยคน
แต่เขาไม่รู้ว่าตัวเองตาฝาดไปหรือไม่ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าพูด
เขาเกรงว่าเขาจะเข้าใจผิด และทำให้กู้ชูหน่วนขัดแย้งกับผู้อาวุโสของเผ่าหยก
กู้ชูหน่วนลูบคาง และครุ่นคิดเกี่ยวกับคำพูดของเหวินเส่าอี๋อย่างละเอียดรอบคอบ และรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
แต่หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน นางก็คิดไม่ออกว่าไม่ถูกต้องตรงไหน
“ท่านพี่หน่วน ข้ายืมเสื้อผ้ามาให้ประมุขชิงแล้ว เป็นชุดสีขาว ประมุขชิงกล่าวสีขาวเหมาะกับเขา”
ความจริงสีขาวก็เหมาะกับเขามาก
เพียงแต่เขาบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ หากใส่ชุดขาวเกรงว่าอาจจะเปื้อนเลือด
ช่างเถอะ มีชุดใส่ก็พอแล้ว ยังดีกว่าต้องแก้ผ้า
กู้ชูหน่วนโยนเสื้อผ้าให้เหวินเส่าอี๋ จากนั้นก็ดื่มสุราในไหหนึ่งอึก และกล่าวอย่างเมินเฉย “เจ้าทนใส่ไปก่อน ช่วงนี้เจ้าก็อยู่ที่นี่ จะไม่มีใครมาทำร้ายเจ้า”
“ท่านพี่หน่วน ท่านจะไปไหน?”
“ต่อไปเจ้ามีหน้าที่นำอาหารมาให้เหวินเส่าอี๋ และควรทำอย่างไรนั้น เจ้าก็น่าจะรู้”
เพื่อเห็นแก่ที่เขาช่วยชีวิตท่าน ข้าจะดูแลเขาเป็นอย่างดี จริงสิ ท่านพี่หน่วน
“เรื่องอะไร ทำไมถึงดูลึกลับเช่นนี้”
อินเอ๋อร์โบกมือให้กู้ชูหน่วน และพูดเบา ๆ “อาการป่วยของประมุขชิงหายแล้ว”
“อะไรนะ?ท่านพี่เฉินเฟยหายแล้ว?” กู้ชูหน่วยพลั้งปากออกมา
เป็นไปได้อย่างไร……
นางเพิ่งออกมาจากห้องของเขาได้ไม่นาน เห็นได้ชัดว่าเขาป่วยหนัก
หรือว่าเป็นอาการที่ดีขึ้นก่อนที่จะตาย?
เมื่อคิดเช่นนี้ หัวใจของกู้ชูหน่วนก็เต้นเร็วขึ้น
ๆ ประมุขชิงไม่เพียงแต่จะสามารถลงไปที่พื้นได้ แต่ยังทำอาหารได้ด้วย ข้าเห็นกับตาว่าประมุขชิงทำขนมเปี๊ยะดอกไม้มากมาย และข้ายังได้ยินเขาพูดด้วยว่าอาหน่วนชอบกินขนมเปี๊ยะดอกไม้ จึงอยากจะทำให้นางกินเยอะ
“ในตอนแรกข้าคิดว่าตัวเองตาฝาด แต่เพื่อนของท่าน จอมมารผู้นั้นก็อยู่กับประมุขชิงด้วย อีกทั้งประมุขชิงยังสอนให้เขาทำขนมเปี๊ยะดอกไม้ และบอกว่าวันหลังเขาอยากจะทำให้ท่านพี่หน่วนกิน”
“ท่านพี่หน่วน ท่านบอกว่าประมุขชิงป่วยหนักมาก ท่านปู่ไป๋เฉ่าก็บอกว่าไม่สามารถรักษาได้ แล้วทำไมถึงหายได้ในระยะเวลาสั้น ๆ หรือว่าในเผ่าหยกของเรามีหมอที่มีวิชาแพทย์สูงส่งมารักษาให้เขา?แต่หมอที่มีวิชาแพทย์สูงส่งในเผ่าหยกคือท่านกับท่านปู่ไป๋เฉ่าไม่ใช่หรือไม่?แล้วจะยังมีใครสามารถรักษาเขาได้อีก?”
อินเอ๋อร์ยังคงพึมพำ
กู้ชูหน่วนนยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง
เดิมทีนางต้องการจะไปหาเยี่ยจิ่งหาน แต่เมื่อได้ฟังเช่นนี้แล้ว นางก็ไม่มีอารมณ์จะไปหาหาเยี่ยจิ่งหาน นางจึงตรงไปที่เรือนไม้ไผ่ของอี้เฉินเฟย และกลัวว่าผู้อาวุโสสูงและคนอื่น ๆ จะทำอะไรบางอย่าง
แม้ว่าอินเอ๋อร์จะพูดเบา ๆ แต่ เหวินเส่าอี๋ก็ได้ยินทุกอย่าง
คิ้วอันดกดำของเขาขมวดแน่น และคำพูดสองสามคำก็แวบเข้ามาในหัวของเขา วิชาคืนชีพบุปผาผลิบาน……
เคล็ดลับวิชาของจอมมาร……
เป็นหนึ่งในเคล็ดลับวิชาที่สุดยอดอย่างหนึ่งของเขา……
อินเอ๋อร์มองด้วยความงุนงง
ท่านพี่หน่วนจะรีบวิ่งไปทำไม?
เป็นเพราะดีใจที่ประมุขชิงหายแล้วงั้นหรือ?
เมื่อนึกถึงอาการป่วยที่หายแล้วของประมุขชิง นางก็รู้สึกดีใจกับเขาด้วย
เมื่อหันไป นางก็เห็นใบหน้าที่ไม่น่ามองของเหวินเส่าอี๋ และเขาก็ตัวไม่สั่นหยุด
อินเอ๋อร์นั่งลงและถามว่า “เจ้าเป็นอะไร?ไม่สบายหรือ?แม้จะดูเหมือนว่าเจ้าไม่ใช่คนเลว แต่เหล่าผู้อาวุโสบอกว่าเจ้าไม่ใช่คนดี เมื่อครู่เจ้ายังดี ๆ อยู่ แต่ในตอนนี้กลับตัวสั่น ท่านคงไม่ได้อยากให้ข้าเห็นอกเห็นใจ แล้วปล่อยเจ้าไปใช่หรือไม่?”
“ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ว่าข้าไม่หลงกลเจ้าหรอก และไม่มีทางที่จะปล่อยเจ้าไป เจ้าเลิกคิดเสียเถอะ”
เสียงของเหวินเส่าอี๋แหบแห้ง นัยน์ตาอันอบอุ่นของเขาดูเป็นกังวลเล็กน้อย
“เยี่ยจิ่งหานล่ะ?”
“ยังสลบอยู่ เขาอยู่ไม่ไกลจากที่พักของเจ้ามากนะ”