“หลีกไป รีบหลีกไป …..พวกเจ้าอย่าเข้ามา…..อา….”
ท่ามกลางความโกลาหลของการต่อสู้ กู้ชูหน่วนได้ยินเสียงของอินเอ๋อร์อย่างคลุมเครือ
พอเห็นสถานการณ์ทางนี้แน่นิ่งแล้ว กู้ชูหน่วนจึงกล่าวกับผู้อาวุโสรองว่า“ท่านอยู่ควบคุมสถานการณ์ทางนี้ไว้ ข้าจะไปดูทางด้านนั้น”
กู้ชูหน่วนชี้ไปทางที่เหวินเส่าอี๋ถูกขังไว้
เดิมที่ผู้อาวุโสรองโมโหก็ระเบิดขึ้น เพราะเห็นกู้ชูหน่วนไม่ได้สนใจความเป็นความตายของเหล่าคนในเผ่า แต่กลับไปใส่ใจนายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้า เลยโมโหขึ้นทันที
“หัวหน้าเผ่า ความเป็นจริงแล้วคือเผ่าหยกของพวกเราสำคัญ หรือหมาเผ่าเพลิงฟ้านั่นสำคัญ”
“เขาไม่ใช่หมา ปากของท่านพูดให้ดีด้วย”
“ท่านดูเผ่าหยกอันโอ่อ่า ทั่วสารทิศล้วนเป็นเลือด ล้วนเป็นซากศพ ทุกอย่างเป็นเผ่าเพลิงฟ้าทำให้เกิดขึ้น ….เหวินเส่าอี๋นั่นมันสมควรตาย”
“เป็นองค์หญิงรัฐเยี่ยที่สาปแช่ง ไม่ใช่เหวินเส่าอี๋”
“หัวหน้าเผ่า ท่านเปลี่ยนไปแล้ว ท่านถูกชายผู้นั้นมอมเมาแล้วหรือไร ข้าจะไปสังหารเขาเสีย”
“ผู้อาวุโสรอง ในสายตาของท่านมีข้าที่เป็นหัวหน้าเผ่าหรือไม่”
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างเฉียบขาด สำหรับผู้อาวุโสสูงกับผู้อาวุโสรอง นางไม่พอใจนานละ
“แน่นอนว่าข้ามี แต่หัวหน้าเผ่า ครั้งนี้ท่านออกไปจากเผ่าล้วนจะลืมภารกิจอันหนักอึ้งของตนเองแล้วไหม หากท่านให้อี้เฉินเฟยกับไป๋จิ่นกระโดดลงเตากลั่นยาเร็วสักหน่อย หลอมรวมไข่มุกมังกร เผ่าหยกจะตายเยอะเยี่ยงนี้ไหม?เดิมอี้เฉินเฟยก็เป็นคนที่ใกล้ตายอยู่แล้ว หากยังยืดเยื้อ รอเขาตาย ผู้ที่มีร่างกายเป็นหยางบริสุทธิ์ก็หาไม่ได้อีกแล้วนะ”
“เพี๊ยะ….”
กู้ชูหน่วนสะบัดฝ่ามือใส่ผู้อาวุโสรองอย่างเหี้ยมโหด กล่าวตักเตือนขึ้นว่า“ท่านพูดอะไรระวังปากด้วย”
หากไม่ใช่ว่าเผ่าหยกกำลังเผชิญสถานการณ์ความเป็นความตายในวันนี้ นางจะรีบจัดการปู้อาวุโสรองทันที
เหล่าชาวบ้านคนในเผ่าที่อยู่บริเวณใกล้เคียงต่างได้ยินคำกล่าวพูดของผู้อาวุโสรอง แต่ละคนพากันแสดงสีหน้าท่าทางที่ตื่นตะลึงออกมา
กู้ชูหน่วนมองไป๋จิ่นที่อยู่ไม่ไกล นางกำลังพยายามแยกชายหญิง และก็ไม่รู้ว่าได้ยินที่พวกเขาคุยกันหรือไม่
ผู้อาวุโสรองไม่พอใจอย่างมาก แต่เนื่องจากนางเป็นหัวหน้าเผ่า บวกกับความเคารพต่อนาง และช่วงเวลาวิกฤติเมื่อคำสาปโลหิตสำแดงฤทธิ์ เขาจึงอดทนอดกลั้นไว้
กู้ชูหน่วนวิ่งไปทางห้องเล็ก
ระยะไกลนางสามารถมองเห็นกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยที่คำสาปโลหิตสำแดงฤทธิ์กำลังโจมตีเหวินเส่าอี๋อยู่
คนเผ่าเหล่านี้ล้วนมีวรยุทธ์เก่งกล้า หนึ่งในนั้นยังมีผู้อาวุโสสามที่ไร้ซึ่งสติด้วย เหวินเส่าอี๋ได้รับบาดเจ็บหนัก วรยุทธ์ลดลงถึงระดับหนึ่ง แถมยังถูกโซ่เหล็กพันธการ การเคลื่อนไหวไม่สะดวก ทุกบริเวณถูกกักกัน
คำสาปโลหิตอินเอ๋อร์สำแดงฤทธิ์ กระดูกทั้งตัวแตกกร่อนทีละนิดหนึ่ง แต่ยังคงอดทนปกป้องเหวินเส่าอี๋ ไม่หยุดหย่อนในการผลักเหล่าคนพวกนั้นออก
อย่างไรก็ตามไม่รู้ว่ากลุ่มคนเหล่านั้นเป็นอะไร ต่างพากันรุมล้อมและโจมตีพวกเขาทั้งสองคนอย่างบ้าคลั่ง
คนของเผ่าหยกล้วนเกลียดชังเหวินเส่าอี๋
เผ่าหยกที่โอ่อ่าอลังการ มีเพียงห้องเล็กนี้ที่ไม่มีคนมาปกป้อง
“ปัง…”
กู้ชูหน่วนคนยังมาไม่ถึง แต่พลังฝ่ามือมาถึงก่อนแล้ว
ฝ่ามือของนางผลักคนเหล่านั้นออกไปได้ไม่น้อย แม้แต่ผู้อาวุโสสามเองยังถูกนางผลักถอยหลังไปหลายก้าว และนางได้ช่วยเหวินเส่าอี๋ไว้จากอันตราย
ไม่อย่างนั้นเหวินเส่าอี๋จะต้องตายอย่างอนาถอยู่ที่นี่แน่
แต่…..
เรื่องเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
อินเอ๋อร์ถูกแทงเข้าที่หน้าอกจากคนที่ไม่ธรรมดา เลือดทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง
อิรเอ๋อร์เจ็บปวด ทั้งตัวราวกับเป็นลูกบอลที่ปล่อยอากาศออกมา ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
“อินเอ๋อร์…..”
กู้ชูหน่วนจ้องมองด้วยความโกรธ ใจแหลกสลาย ประคองร่างนางที่ล้มลงไว้
เหวินเส่าอี๋ขมวดคิ้วมอง และก็คิดไม่ถึงว่าเด็กผู้หญิงที่ไร้เดียงสาอ่อนโยนนี้จะช่วยเขา และตายในมือของคนเผ่าตนเอง
เวลาเดียวกัน ฮวาฉี่หลัวพาคนเผ่าน้ำแข็งมาถึง
เห็นกริชที่ปักอินเอ๋อร์ นางเลยกล่าวด้วยความเดือดดาลขึ้นว่า“สารเลว คิดไม่ถึงว่าพวกท่านจะสังหารน้องอินเอ๋อร์ พวกท่านเหี้ยมโหดเกินไปแล้ว”
“อินเอ๋อร์ …..เหตุใดถึงโง่เยี่ยงนี้….ข้าให้เจ้าปกป้องเหวินเส่าอี๋ ไม่ได้ให้เจ้าเป็นผู้รับกริชแทนเขา”
กู้ชูหน่วนพยายามห้ามเลือดให้นาง เลือดไหลอาบบนร่างกายของนางไม่หยุด
กริชเล่มนี้ปักที่กลางอก ไม่สามารถรักษาได้ วันนี้เป็นวันที่อินเอ๋อร์อ่อนแอที่สุด เพียงแค่มองกู้ชูหน่วนแวบหนึ่ง ก็รู้ไร้พลังอันที่พลิกสถานการณ์ให้ดีขึ้นแล้ว
อินเอ๋อร์มองเหล่าฮวาฉี่หลัวมาถึง แต่ละคนขับไล่ผู้อาวุโสสามกับคนอื่นๆออกจากห้องเล็ก ริมฝีปากหยักยิ้มที่เป็นความผ่อนคลายวางใจขึ้น
นางสั่นสะท้านและหยิบจี้หยกออกมาจากอ้อมแขน มีกระต่ายตัวหนึ่งสลักอยู่ในสร้อยจี้หยก กระต่ายตัวนั้นเหมือนจริง และพื้นผิวได้รับการขัดเงา เจ้าของสร้อยจี้หยกต้องการสัมผัสบ่อยๆเป็นแน่
“หน่วน…ท่านพี่หน่วน นี่เป็นวันเกิดสิบขวบของข้า ท่านแกะสลักมันมอบแก่ข้า ท่านดูสิ ข้าเก็บไว้ข้างกายตลอดมา”
“หากเจ้าชอบ พี่หน่วนจะแกะสลักมอบแก่เจ้าในทุกปี วันหนึ่งต่อหนึ่งชิ้นยังได้เลยนะ”
“ไม่ต้องหรอก…ชิ้นเดียวก็เพียงพอแล้ว….ท่านพี่ ท่านอย่าเศร้า หากท่านเศร้าโศก อินเอ๋อร์ก็จะเศร้าด้วย อินเอ๋อร์รู้ว่าท่านไม่อยากให้ชายผู้นั้นตาย อินเอ๋อร์มีความสุข ที่สามารถปกป้องเขาแทนท่านพี่ได้”
บนร่างกายของเหวินเส่าอี๋ได้รับบาดเจ็บจากกริชจำนวนมาก เขาปิดบาดแผลไว้แน่น คำพูดของอินเอ๋อร์ นอกจากเขาจะเจ็บปวดทรมานแล้วก็ยังทรมานมากขึ้นด้วย
เด็กสาววัยแรกแย้มมสิบขวบ เพิ่งจะเริ่มใช้ชีวิต แต่ทว่าถูกคำสาปโลหิตที่ทรมานเผ่าเพลิงฟ้า สุดท้ายยังช่วยชีวิตเขา และยังถูกคนของเผ่าตนเองสังหาร….
เขา….เป็นหนี้ชีวิตนาง….
มองขึ้นไปเล็กน้อย นอกเหนือจากไฟที่โหมกระหน่ำอยู่บริเวณเปลือกตาของเขาแล้ว ก็เป็นเผ่าหยกที่เข่นฆ่ากันเอง
ชายเหล่านั้นดวงตาแดงก่ำ ไร้ซึ่งสติ หากไม่ยกกริชใส่ลูกเมียของตนเอง ไม่ก็กอดร่างกายของตนเองด้วยความเจ็บปวด และไม่หยุดที่จะร้องโหยหวน
ร่างกายของพวกเขาผุกร่อนจากในมานอก ไม่หยุดที่จะเน่าเปื่อย มันเจ็บปวดทรมานจนพวกเขากลิ้งบนพื้น ยิ่งไปกว่านั้น น้ำเหนียวข้นที่มาจากการกัดกร่อนยังคงไหลล้นออกจากปากและจมูกของพวกเขาด้วย และในที่สุดก็เสียชีวิตด้วยความเจ็บปวดทรมาน
มองไปทางหญิงเหล่านั้น จากระยะไกล ก็ได้ยินเสียงกระดูกของพวกนางหักแตกทีละชุ่น ทำให้เกิดเสียงกรอบแกรบของกระดูกหักดังขึ้น
ผู้ใหญ่ทนไม่ไหว เด็กยิ่งทนไม่ไหว เสียงร้องไห้ของเด็กดังระงม เสียงดังระงมก้องกังวานอยู่ข้างหูเขาเป็นเวลานาน
“เอื้อก….”
เหวินเส่าอี๋อาเจียนออกมาเป็นเลือด จับที่บริเวณหน้าอกของตนเองแน่น เขาเจ็บจนมีเหงื่อเย็นยะเยือกไหลออกมา
ไม่ใช่เพราะเขาบาดเจ็บหนัก ถูกฟันหลายกริชจนปวดร้าวใจ
แต่เขาปวดร้าวใจสงสารเหล่าชนเผ่าที่ไม่มีความผิดเหล่านั้นต่างหาก
เมื่อก่อนเขาคิดว่าตอนที่คำสาปโลหิตสำแดงฤทธิ์ขึ้นมา จะทำให้เผ่าหยกเจ็บปวดทรมานมาก แต่ทว่ากลับไม่เคยคิดว่าจะเป็นแดนอเวจีบนโลกมนุษย์อย่างนี้
แม้เขาจะเป็นนายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้า ก็รู้สึกโกรธแค้นเจ็บปวดแทนเผ่าหยกด้วย
ยิ่งรู้สึกอับอายแทนบรรพบุรุษของตนเอง
มีความโกรธแค้นชิงชังอะไรกัน ถึงได้นำความหายนะมาสู่คนหลายทศวรรษอย่างนี้
”อินเอ๋อร์…..อินเอ๋อร์….หลานสาวของข้า เจ้าเป็นอะไร ผู้ใดแทงเจ้า ใช่สารเลวนั่นของเผ่าเพลิงฟ้าหรือไม่?”
ผู้อาวุโสไป๋เฉ่ารีบมาอย่างร้อนใจ เห็นหลานสาวของตนเองนองเลือดอยู่บนพื้น เขาแทบจะเป็นลมล้มพับทีเดียว
ญาติของเขาตายหมดแล้ว เหลือหลานสาวเพียงคนเดียว หากเกิดอะไรขึ้นกับหลานสาวเขา เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าอนาคตวันข้างหน้านั้นจะดำเนินต่อไปได้อย่างไร
“ท่านปู่….ขอ….ขอโทษ อินเอ๋อร์ไม่สามารถเลี้ยงดูท่านจนแก่ได้”
“สารเลว ข้าจะสังหารเจ้า….”
ไป๋เฉ่าตะคอกเสียงดัง ท่าทางอำมหิตมองไปทางเหวินเส่าอี๋
อินเอ๋อร์ดึงแขนเสื้อเขาไว้ ไอออกม่ด้วยความตื่นตระหนก กล่าวว่า“ไม่…ไม่ใช่เขาที่สังหารข้า เป็นข้า…เป็นข้าที่เต็มใจช่วยเขา…”
“อะ….อะไรนะ….”
“ท่านปู่ ท่านอย่าตำหนิท่านพี่หน่วน และอย่าตำหนิเขา ทุกอย่างเป็นความเต็มใจของอินเอ๋อร์ ….ท่านพี่หน่วน ท่านสัญญากับข้านะ ว่าจะช่วยดูแลท่านปู่ของข้าอย่างดี ได้หรือไม่….”
“ท่านปู่อายุมากแล้ว เขา….เขาโดดเดี่ยวลำพังอย่างมาก….อินเอ๋อร์ปล่อยวางไม่ลงก็คือท่านพี่หน่วนกับท่านปู่….”
“ได้….”กู้ชูหน่วนฝืนกล่าวตอบ