กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ – บทที่ 717

บทที่ 717

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 717
เขารู้สึกกระวนกระวายอยู่บ้าง

“อาหน่วน……ขอโทษด้วย ข้าไม่ได้คิดเลยว่าจะเป็นเช่นนี้……หากเจ้าจะด่าก็ด่าซึ่งข้าสมควรถูกด่า”

กู้ชูหน่วนประคองเหวินเส่าอี๋แลเวแบกเขาไว้บนหลังและเรียกเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มานำตัวพวกเขาขึ้นไป

ใบหน้าของนางเย็นเฉียบโดยไร้ซึ่งความอบอุ่นแม้แต่น้อย

และก็ไม่ได้ด่าทอผู้อาวุโสหก

เนื่องจากด่าไปก็ไร้ประโยชน์ กระดูกซี่โครงของเหวินเส่าอี๋ก็ไม่สามารถงอกออกมาได้

หากต้องการด่าจริงๆก็ทำได้เพียงด่าทอตนเองเท่านั้น

เช่นไรนางก็เป็นผู้ที่ออกคำสั่ง

นางคือผู้กระทำผิด

ผู้อาวุโสหกลังเลอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็เดินตามหลังเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์และปีนขึ้นไปบนสุดของขุมนรกผ่าน เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ด่าทออย่างไม่พอใจ

“นายท่าน ท่านยิ่งอยู่ยิ่งเลวทรามแล้ว ไม่ให้ข้ากินของดีก็ช่างเถอะแต่ว่ามีอันตรายอันใดก็ให้ข้ามาขวางไว้และตอนนี้ก็ทำราวกับข้าเป็นที่นั่งเดินทาง”

“ที่สำคัญที่สุดคือท่านไม่ได้ถามจ้่เลนว่าเมื่อครู่นี้ข้าต่อกรกับเจ้างูร้อยตัวนั้นแล้วได้รับบาดเจ็บหรือไม่ เสียเปรียบหรือเปล่า และท้ายที่สุดผู้ใดเป็นผู้ชนะ”

แม้ว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ตะจู้จี้จุกจิกแต่ก็ยังรวดเร็วมากนัก ชั่วพริบตาก็ไปถึงจุดสูงสุดของขุมนรกแล้ว

มันยังต้องการจู้จี้ต่อไป

ประโยคต่อไปของกู้ชูหน่วนทำให้มันตกตะลึง

“ตั้งแต่วันนี้ไปเจ้าไม่ใช่สัตว์เลี้ยงตัวโปรดขอข้าอีก และข้าก็ไม่ใช่นายท่านของเจ้าอีกต่อไป”

“นาย……นายท่าน……เมื่อครู่ท่านพูดว่าอะไรนะ?”

“ต่อไปอย่าได้ตามข้าอีกเลย เจ้าเป็นอิสระแล้ว”

“นายท่าน ท่านล้อข้าเล่นหรือเปล่า?”

“เจ้าดูท่าทางของข้าเหมือนล้อเจ้าเล่นหรือ?”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ส่ายหัวอันมหึมาของมันพร้อมมองไปทางซ้ายและขวา สีหน้าของกู้ชูหน่วนเรียยเฉย ดวงตาของไร้ความปรารถนาและไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกแม้เพียงเล็กน้อย และก็ไม่ได้ดูเหมือนว่ากำลังล้อเล่นอยู่

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที

“นายท่าน ข้าผิดๆปแล้วต่อไปข้าจะไม่จู้จี้หรือพร่ำบ่นอีก ท่านอย่าขับไล่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไปเลยได้หรือไม่”

“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ตั้งแต่เล็กก็ถูกท่านเลี้ยงเติบโตมา ไปจากท่านแล้วเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ใดแล้ว

“ใชต้หล้านี้กว้างใหญ่ไพศาล เจ้าไปตามใจต้องการได้”

กู้ชูหน่วนแบกหวินเส่าอี๋เดินออกไปด้านนอก

ที่ขานางถูกนางฟันให้เลือดไหลออกด้วยตนเองมากมายหลายแผลเช่นนั้น ทุกย่างก้าวเจ็บปวดแสนสาหัสและบาดแผลบางส่วนก็แยกออกจากกัน เลือดสีแดงสดยังคงไหลลงมาที่ขาของนางตลอดทางจนท้ายที่สุดก็ตกลงบนพื้น

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะจากไปได้อย่างไร มันย่อตัวเล็กลงราวกับไม่ยอมและพันรอบข้อมือของนางไว้ด้วย

แต่ไม่คาดคิดว่ามันแค่พันเข้ากู้ชูหน่วนก็โยนมันทิ้งไปจนเกือบจะถูกโยนตาย

มันพันเข้าไปอีกกู้ชูหน่วนก็โยนมันทิ้งกลับไปกลับมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“นายท่าน เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์สำนึกผิดแล้ว ต่อไปจะไม่ทำให้ท่านโกรธอีก ท่านอย่าได้เพิกเฉยข้าเลยได้ไหม”

“อย่างมาก……ต่อไปข้าจะไม่ขอให้ท่านย่างเนื้อให้อีกแล้วและจะไม่ห่วงแต่นอนอีก ข้าจะเป็นลูกงูที่ผ่านการทดสอบตัวหนึ่ง เพียงแค่ท่านเรียกหาข้าก็จะออกมาทันที”

“นายท่าน ขอร้องท่านหล่ะได้โปรดอย่าทอดทิ้งข้า หากท่านไม่ต้องการเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะเสียใจยิ่งนัก”

ผู้อาวุโสหกไม่เข้าใจสิ่งที่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์พูด เพียงแต่เห็นว่ามันเอาอกเอาใจรู้สึกเสียใจเสียงฟ่อๆๆๆอยู่ตลอด……

กู้ชูหน่วนกลับฟังเข้าใจ

นางก็ต้องการเก็บเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไว้

แค่ว่านางต้องหลอมรวมไข่มุกมังกร นางไม่สามารถปล่อยให้คนจำนวนมากมายเช่นนั้นตายไปเปล่าๆ ได้

ดังนั้น……

นางไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ได้อีก

“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เป็นเด็กดี เจ้าไปหานายท่านใหม่เถอะนะ ข้าไม่ได้รังเกียจเจ้าเพียงแต่ว่าข้าไม่ต้องการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงตัวโปรดอีกต่อไปแล้ว”

“นอกจากนายท่านข้าไม่ต้องการผู้ใด หากว่านายท่านไม่ต้องการเห็นข้าต่อไปข้าจะตามท่านอยู่ห่างๆก็พอและจะไม่ส่งผลกระทบต่อท่านเป็นแน่”

กู้ชูหน่วนอารมณ์เปลี่ยนไปในทันใดและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ไป ไปได้ไกลเท่าใดก็ไปให้ไกลเท่านั้น หากตามข้ามาอีกระวังข้าจะย่างเจ้ากินซะ”

ผู้อาวุโสหกกล่าวว่า “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็ดีนักและยังเป็นราชางูหลามเก้าเศียรหยก มันฝึกฝนจนถึงขั้นสุดและความสามารถก็ทะยานขึ้นสู่ระดับเจ็ด ทั้งใต้หล้านี้มีผู้คนมากเพียงใดที่ทำทุกอย่างทำเพื่อให้ได้ครอบครองงูหลามเก้าเศียรยังหาไม่พบ เหตุใดเจ้าถึงยอมทิ้งไปหล่ะ”

“ท่านต้องการก็เก็บไว้เอง”

“ข้านั้นอยากได้แต่ว่าเจ้านี่ดูแล้วจำเจ้านายฝังใจนัก ข้าว่านอกจากท่านแล้วผู้ใดก็ไม่เข้าตามันเลย”

กู้ชูหน่วนกรอกตาใส่ผู้อาวุโสหกและแบกเหวินเส่าอี๋เดินหน้าต่อไป

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กลัวว่าหากนางพันข้อมือของกู้ชูหน่วนอีกก็จะทำให้กู้ชูหน่วนยิ่งอยู่ยิ่งรู้สึกรังเกียจมากขึ้นเรื่อยๆ จึงทำได้เพียงติดตามอยู่ด้านหลังนางอย่างระมัดระวังและสาบานว่าภายหน้าจะไม่โลภและไม่ห่วงแต่นอนอีกแล้วอย่างแน่นอน

ผู้อาวุโสหกรู้สึกปวดใจแทนเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์

และรู้สึกปวดใจแทนกู้ชูหน่วน

ตั้งแต่อี้เฉินเฟยและผู้คนของเผ่าน้ำแข็งตายไปอาหน่วนดูเหมือนจะเปลี่ยนไปมาก

เปลี่ยนเป็นเงียบขรึมและยิ่งไม่เห็นอกเห็นใจผู้คนรอบข้างมากขึ้นเรื่อยๆ

ไม่……

นางไม่ได้เฉยชา

หากนางไร้หัวใจเหตุใดนางถึงพยายามช่วยเหวินเส่าอี๋อย่างสุดชีวิต

ผู้อาวุโสหกเตือนว่า “อาหน่วน หากกระดูกซี่โครงของเจ้าสุนัขสารเลวไม่หักพวกเรายังสามารถช่วยเขาได้ แต่ตอนนี้……ข้าเกรงว่าภายหน้าเขาจะเอาคืนเจ้า หรือไม่เราควรจะสังหารเขาเลยโดยตรง เขาบาดเจ็บสาหัสเช่นนั้นก็ไม่แน่ว่าจะช่วยชีวิตเอาไว้ได้”

คำพูดนี้กล่าวเหมือนเยี่ยจิ่งหานไม่ผิดเพี้ยน

กู้ชูหน่วนเพียงแค่ฟังแต่ไม่ได้ตอบ

ผ่านไปครู่หนึ่งนางก็ถามว่า “นอกจากเส้นทางที่เราไปบ่อยๆแล้ว เผ่าหยกยังมีเส้นทางใดที่สามารถออกไปด้านนอกได้อีก”

“ยังมีเส้นทางที่พวกท่านเข้ามา แต่ว่าเส้นทางนั้นยังมีพวกอมตะของเผ่าเพลิงฟ้าขัดขวางอยู่ เกรงว่าจะผ่านไปไม่ได้ สำหรับเส้นทางที่สาม……อาจจะมีเพียงผู้อาวุโสสูงและผู้อาวุโสไท่ซั่งทั้งหลายเท่านั้นที่รู้”

แน่นอนว่าอาหน่วนก็อาจจะรู้

แต่ว่านางสูญเสียความทรงจำและแม้แต่นางก็ไม่รู้ว่าเส้นทางที่สามอยู่ที่ใด

“ไปทางเส้นทางที่สอง”

“เส้นทางที่สอง? เส้นทางที่สองออกไปไม่ได้นี่นา……ด้านนอกเต็มไปด้วยผู้อมตะจองเผ่าเพลิงฟ้า……”

“เนื่องด้วยเหตุนี้ดังนั้นจึงต้องใช้เส้นทางที่สอง แม้ว่าผู้อาวุโสทั้งหลายของเผ่าเพลิงฟ้าจะโหดร้ายแต่พวกเขาก็ยังรู้สึกถึงความจงรักภักดีต่อเหวินเส่าอี๋และ……พวกเขารู้สึกสงสารเขา หลังจากที่พวกเขาพบเหวินเส่าอี๋พวกเขาอาจจะรักษาอาการบาดเจ็บของเขาในทันที หรือบางทีอาจจะสามารถออกจากเผ่าหยกได้”

“แล้วเราจะส่งไปเช่นไร? พวกเขาเห็นพวกเราจะไม่กำจัดเราออกสิแปลก เผ่าหยกของเราประสบความสูญเสียอย่างหนักในครั้งนี้และเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลย และหากว่าเขตอาคมเปิดออกแล้วพวกเขาถือโอกาสเข้ามาจะทำอย่างไร?”

“เส้นทาเขตอาคมที่สองยังไม่ถูกทำลายไม่ใช่หรือ? พวกเราให้เหวินเส่าอี๋อยู่ในเขตอาคมเส้นทางที่สองเถอะนะ”

“แล้วหากว่าพวกเขาไม่สามารถทำลาย..ที่สองได้หล่ะ?”

“พวกเขาสามารถทำลายได้แน่ เพียงแค่ว่าช้าหรือเร็วก็เท่านั้น”

ผู้อาวุโสหกคิดไปเวียนมาก็ยังรู้สึกว่าเสี่ยงเกินไป

นางไม่เพียงแต่เดิมพันด้วยชีวิตของเหวินเส่าอี๋เท่านั้น แต่ยังเดิมพันชีวิตของทุกคนในเผ่าหยกด้วย

หากว่าบังเอิญพวกเขาเปิดเขตอาคมได้และวางเหวินเส่าอี๋ไว้ในเขตอาคมเส้นที่สอง พวกผู้เฒ่าเหล่านั้นของเผ่าเพลิงฟ้านั้นสามารถทำลายเขตอาคมที่สองได้พอดี ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้าต่อสู้กันแล้วจะทำเช่นไรดี?

เพื่อเจ้าสุนัขตัวหนึ่งของเผ่าเพลิงฟ้า ทำเช่นนี้จะคุ้มค่าที่จะทำสิ่งนี้เพื่อประโยชน์หรือ?

เมื่อเจ้าสุนัขตื่นขึ้นมายังจะจำความดีของเขาได้หรือ จะจำได้เพียงว่านางส่งคนไปหักกระดูกซี่โครงของเขาหักหน่ะสิ

ความคิดของกู้ชูหน่วนแน่วแน่ ไม่ได้อยู่ที่ผู้อาวุโสหกที่จะไม่เห็นด้วย

ผู้อาวุโสหกไม่สามารถเอาชนะกู้ชูหน่วนได้ จึงทำได้เพียงเห็นด้วยอย่างไม่เต็มใจ

หลังจากออกจากเหวอันไร้สิ้นสุดแล้ว พวกเขาก็เห็นสาวกหลายคนวิ่งออกจากประตูมา ทุกๆคนสีหน้าวิตกกังวลกัน

กู้ชูหน่วนแบกเหวินเส่าอี๋ซ่อนตัวอยู่หลังหินก้อนใหญ่

ผู้อาวุโสหกดึงสาวกคนหนึ่งและถามว่า

“เกิดอะไรขึ้นในเผ่า? เหตุใดทุกคนถึงตื่นตระหนกกัน?”

“ผู้อาวุโสหกเกิดเรื่องใหญ่แล้วกำลังมีปัญหา เหล่าผู้เฒ่าของเผ่าเพลิงฟ้าทำลายเขตอาคมและบุกเข้ามาแล้ว ผู้อาวุโสไท่ซั่ง ผู้อาวุโสสูงและคนอื่นๆไปที่นั่นแล้ว ผู้อาวุโสรองขอให้พวกเรารวมตัวกัน ใช่แล้ว ผู้อาวุโสหกท่านเห็นท่านหัวหน้าเผ่าหรือไม่? ผู้อาวุโสทั้งหลายนั้นตามหาท่านหัวหน้าเผ่ากันอยู่”

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท