“ฉวยโอกาสตอนที่กองกำลังหลักของเผ่าเพลิงฟ้าและตาเฒ่าเหล่านั้นถูกกักขัง เจ้า เจ้าแล้วก็เจ้า พวกเจ้าไปโยกย้ายทหารม้าทมิฬมาเดี๋ยวนี้ และรีบนำผู้คนในเผ่าออกไปจากทางเข้าเส้นทางลับ”
“ทหารม้าทมิฬ?”
ทหารม้าทมิฬจะถูกเรียกออกมาก็ต่อเมื่อเผ่าหยกต้องเผชิญกับความเป็นความตายเท่านั้น มิเช่นนั้นจะไม่ถูกเรียกออกมาง่าย ๆ
ในตอนนี้พวกเขาได้เปรียบอย่างชัดเจน เหตุใดต้องเรียกทหารม้าทมิฬออกมาด้วย?
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างใจเย็น “สนามรบเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในชั่วพริบตาเดียว จะไม่คิดหาทางหนีทีไล่ได้”
ผู้ที่ถูกเอ่ยชื่อต่างก็เข้าใจและไปจัดการในทันที
หลังจากที่พวกเขาจากไปไม่นาน ข้ารับใช้คนหนึ่งก็รีบมารายงาน
“รายงาน…..มียอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับหกคนหนึ่งแฝงตัวอยู่ในกองกำลังหลักของเผ่าเพลิงฟ้า เขาทำลายข้อห้ามของหุบเขาผีเสื้อสังหารและหนีออกไป ผู้อาวุโสสูงและผู้อาวุโสรองกำลังไล่ตามเขาอยู่”
ยอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับหกอีกคน?
แท้จริงแล้วเผ่าเพลิงฟ้ามียอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับหกกี่คนกันแน่?
“ใช่ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าเพลิงฟ้าหรือไม่?”
“น่าจะไม่ใช่ขอรับ ดูอายุยังไม่มาก”
ไม่ใช่ผู้อาวุโสสูงสุด?
หรือว่าจะเป็นเพียงผู้อาวุโสธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งของเผ่าเพลิงฟ้า?
ฝีมือของผู้อาวุโสธรรมดาทั่วไปที่สามารถไปถึงขั้นสูงสุดระดับหกได้ ช่างน่าหวาดกลัวเสียจริง?
“รายงาน……ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยของเผ่าเพลิงฟ้าทำลายพันธนาการและออกมาจากหุบเขารกร้างได้แล้ว ในตอนนี้เขากำลังมุ่งหน้าไปยังเส้นทางลับ ผู้อาวุโสแปดและคนอื่น ๆ ได้นำกำลังคนไปถ่วงเวลาเขาไว้แล้ว แต่เกรงว่าจะไม่สามารถยับยั้งพวกเขาไว้ได้”
ไป๋เฉ่าตื่นตระหนก
นี่เท่ากับมียอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับหกสองคนที่ลอยไปลอยมาอยู่ในเผ่าของพวกเขา
แม้ว่าผู้อาวุโสสูงสุดและคนอื่น ๆ ถ่วงเวลาคนหนึ่งไว้ แต่อีกคนหนึ่งยังไม่มีใครไปถ่วงเวลาไว้
ไม่ใช่เรื่องยากที่ผู้ที่มีวรยุทธขั้นสูงสุดระดับหกจะทำลายล้างเผ่าหยกในทันที
“ไป๋เฉ่า ท่านรีบพาคนอื่น ๆ ไปที่เส้นทางลับ และรีบอพยพคนในเผ่าให้เร็วที่สุด”
“เช่นนั้นผู้อาวุโสสูงอั้นเฮยจะทำอย่างไร?”
“ข้าจะไปจัดการกับเขา”
“จัดการ?จัดการอย่างไร อาหน่วน ตอนนี้ท่านมีเพียงวรยุทธขั้นต้นระดับสี่ ซึ่งวรยุทธขั้นต้นระดับสี่ห่างไกลกับวรยุทธขั้นสูงสุดระดับหกมากเกินไป ข้าว่าท่านไปอพยพผู้คนในเผ่าจะดีกว่า ข้าจะไปจัดการกับตาเฒ่านั่นเอง”
“นี่เป็นคำสั่ง รีบไปจัดการเดี๋ยวนี้”
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างเฉียบขาด ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและไม่ลังเล
ไป๋เฉ่าทำได้เพียงรีบไปยังเส้นทางลับอย่างไม่พอใจ
ในชั่วพริบตาเดียวห้องปรึกษากิจก็เหลือเพียงแค่กู้ชูหน่วน และข้ารับใช้ระดับล่างเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
กู้ชูหน่วนถอนหายใจ
นางรู้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ง่ายนัก
กองกำลังหลักของเผ่าเพลิงฟ้าไม่ได้น่ากลัว แต่ที่น่ากลัวคือยอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับหกเหล่านั้น
“ท่านหัวหน้าเผ่า พวกเราสาบานว่าจะร่วมเป็นร่วมตายไปกับเผ่าหยก”
“สาบานว่าจะร่วมเป็นร่วมตายไปกับเผ่าหยก”
“อย่างไรก็ตาม เผ่าหยกมีสายสนกลในมานับพันปี หากคิดจะทำลายล้างเผ่าหยกให้สิ้นซาก พวกเขาก็ฝันไปเถอะ พวกท่านทำตามที่ข้าบอก ข้าจะไปจัดการตาเฒ่าอั้นเฮยเอง”
“ท่านเพียงคนเดียว?”
“ข้าคนเดียวก็พอแล้ว”
กู้ชูหน่วนเดินออกไปจากห้องปรึกษากิจ นางมองดูท้องฟ้าที่มืดมน และรีบเดินไปอย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสสูงอั้นเฮยเชี่ยวชาญวิชาสั่งฝน นางต้องไปหยุดอั้นเฮยก่อนที่ฝนจะตก มิเช่นนั้น หากฝนกรดตกลงมา ไม่รู้ว่าเผ่าหยกจะมีคนตายมากน้อยแค่ไหน
นางไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับผู้อาวุโสสูงสุดคนอื่น ๆ ของเผ่าเพลิงฟ้ามากนัก แต่เมื่อเปรียบเทียบอั้นเฮยกับเสวี่ยเย่แล้ว นางรู้สึกว่าวิชาสั่งฝนของอั้นเฮยน่ากลัวกว่ามาก
กู้ชูหน่วนรีบเดินไปยังทิศทางที่มีเมฆดำปกคลุมอย่างแน่นหนา และในที่สุดก็เห็นผู้อาวุโสสูงอั้นเฮยอยู่ไม่ไกล
เขากำลังรวบรวมพลังเพื่อให้เมฆดำมารวมตัวกัน และตั้งใจจะทำให้เกิดพายุฝนขนาดใหญ่ในเผ่าหยก
มีผู้อาวุโสหลายคนของเผ่าหยกอยู่ข้าง ๆ เขา
หัวใจของกู้ชูหน่วนบีบแน่น และเสียงก็มาถึงก่อนที่คนจะมา
“ตาเฒ่า ท่านหาข้าอยู่หรือ?ข้าอยู่นี่……”
เมื่อเสียงของกู้ชูหน่วนดังขึ้น ก็มีเสียงลมพัดผ่าน
ผู้อาวุโสสูงอั้นเฮยเงยหน้าขึ้นมามอง เขาเห็นกู้ชูหน่วนมาจากไกล ๆ และใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากนางบุกเข้ามาอย่างกะทันหัน การรวบรวมพายุฝนของผู้อาวุโสสูงอั้นเฮยจึงถูกขัดจังหวะ
ในป่าที่รกร้างว่างเปล่า ชายชราหนึ่งหญิงสาวหนึ่ง และยืนตรงข้ามกัน
ชายผู้นั้นอายุเจ็ดสิบกว่าแล้ว แต่กำลังวังชายังเต็มเปี่ยม และดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่แก่เลยแม้แต่น้อย
หญิงสาวแต่งกายด้วยชุดสีแดงและมีเสน่ห์ เมื่อลมพัดผ่าน ชุดของนางก็พลิ้วไหว ราวกับเทพธิดาจิ่วเทียนเซวียน
กู้ชูหน่วนยื่นมือที่เหมือนหยกสีเขียวออกมา ผมที่หน้าผากของนางปลิวตามลม และรอยยิ้มที่สดใสก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง
แม้ว่าฝีมือจะแตกต่างกันมาก แต่นางไม่ได้คิดว่าตัวเองสู้คนอื่นไม่ได้
“ตาเฒ่า หากท่านต้องการจะมาที่เผ่าหยกเพื่อชมทิวทัศน์ที่สวยงาม ท่านเพียงแค่บอกข้ามาตรง ๆ ทำไมต้องลักลอบเข้ามาเช่นนี้ อีกทั้งยังต้องเสี่ยงอันตราย หากค่ายกลผิดพลาด แล้วสังหารท่าน ข้าคงจะรู้สึกเสียใจ”
ผู้อาวุโสสูงอั้นเฮยยืนขึ้นด้วยแววตาที่เย็นชา และความน่าเกรงขามของเขาก็แผ่กระจายออกมาในทันที เขาตั้งใจว่าจะกำราบหญิงที่หยิ่งผยองตรงหน้าของเขา
อย่างไรก็ตาม นางยังคงนิ่งเฉยและยังคงยิ้ม
ความน่าเกรงขามของผู้อาวุโสสูงอั้นเฮยไม่เป็นผล แม้ว่าคลื่นลมจะแรง แต่นางก็ยังคงสงบนิ่งราวกับสายลม
ผู้อาวุโสสูงอั้นเฮยอดไม่ได้ที่จะชื่นชมความกล้าหาญของกู้ชูหน่วน
อายุยังน้อย แต่มีวรยุทธที่ยอดเยี่ยม และกล้าที่จะเผชิญกับอันตราย ซึ่งไม่ค่อยพบเห็นในผู้ที่อายุยังน้อย
“สมกับที่เป็นหัวหน้าของเผ่าหยก ก่อนหน้านี้ข้าดูถูกเจ้าเกินไปแล้ว”
“พูดดี ๆ”
ภายนอกกู้ชูหน่วนดูสงบนิ่ง แต่ในความเป็นจริง นางกดดันมากจนแทบจะคุกเข่าลงกับพื้น
แต่ศักดิ์ศรีของนางบีบบังคับให้นางต้องยืนหยัด
ความแข็งแกร่งของตาเฒ่าผู้นี้ช่างน่ากลัวเสียจริง
กู้ชูหน่วนรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก และถอนหายใจด้วยความโล่งใจ
“กระดาษไม่สามารถห่อไฟได้ แต่สิ่งที่ทำให้ข้าคาดไม่ถึงคือทำไมท่านถึงรู้ตัวตนของข้าได้รวดเร็วเช่นนี้”
“ฮึ นั่นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือเจ้าเป็นหัวหน้าเผ่าหยก ดังนั้นเจ้าจะต้องตาย”
“คนหลายพันคนต้องการที่จะฆ่าข้า แต่ข้าก็ยังมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้?ตาเฒ่า หากท่านต้องการจะฆ่าข้า เกรงว่ามันจะไม่ง่ายขนาดนั้น”
สถานะของหัวหน้าเผ่าหยกนั้นสูงส่ง หากว่ากันตามหลักเหตุผลควรจะเป็นดาวล้อมเดือน และมีผู้คนมากมายคอยปกป้อง อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสสูงอั้นเฮยสังเกตอย่างระมัดระวัง บริเวณโดยรอบไม่มียอดฝีมือคอยคุ้มกัน
ผู้อาวุโสสูงอั้นเฮยพอที่จะเข้าใจอะไรบางอย่าง
ที่แท้นางก็เป็นลูกวัวที่เพิ่งเกิดจึงไม่กลัวเสือ (ยังไม่มีประสบการณ์) และมาที่นี่เพียงลำพัง หรือว่าเบื้องหลังจะมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งกว่าเขาคอยคุ้มกันอยู่
ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งกว่าเขา ก็มีเพียงยอดฝีมือระดับเจ็ดเท่านั้น
เขาไม่รู้ว่าเผ่าหยกมียอดฝีมือระดับเจ็ดหรือไม่?
ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าหยกหลายต้องสละชีวิต เพื่อช่วยผนึกคำสาปโลหิตให้กับนาง และทุกคนก็เสียสละ ความแข็งแกร่งของนางน่าจะลดลงอย่างมาก
ผู้อาวุโสสูงอั้นเฮยกล่าวว่า “อาจไม่ง่ายที่ผู้อื่นจะฆ่าเจ้า แต่หากข้าจะฆ่าเจ้านั้นง่ายดาย ไม่ว่าจะมียอดฝีมือคอยคุ้มกันมากมายแค่ไหน ก็ไม่สามารถหยุดความจริงที่ว่าวันนี้เป็นวันตายของเจ้าได้”
“ข้าจะให้โอกาสเจ้าครั้งสุดท้าย ส่งไข่มุกมังกรเม็ดที่เจ็ดและเส่าอี๋มา บางทีข้าอาจจะไว้ชีวิตเจ้า”
“ไว้ชีวิตข้า?ฮ่า ๆ ตาเฒ่า ท่านก็น่าจะรู้ว่าที่นี่เป็นอาณาเขตของใคร?”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะทำให้เจ้าพิการเสียก่อน จากนั้นก็ค่อย ๆ สอบปากคำเจ้าด้วยการทรมาน”
ในขณะที่พูด เขาก็ยกมือขึ้นและกำลังจะลงมือ
กู้ชูหน่วนทุบฉินหิมะจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ แล้วโยนไปตรงหน้าผู้อาวุโสสูงอั้นเฮย
ในแวบแรกที่เห็นฉินหิมะที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ ความโกรธของผู้อาวุโสสูงอั้นเฮยก็ยิ่งเพิ่มขึ้น และหยุดชะงักในทันที
“เส่าอี๋อยู่ที่ไหน?”