กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 739
ลั่วอิ่งได้เงยหน้าขึ้นในทันใด
ดวงตาคู่เย็นชานั้นมีความรู้สึกวุ่นวายสับสนผสมปนเปอยู่
ในฐานะมือสังหารเขาไม่เคยคิดที่จะทรยศต่อนายท่านของเขาและไม่เคยคิดที่จะสังหารนายท่านของตนเองด้วย……
“หากว่าเจ้าไม่ยินยอมงั้นก็ช่างเถอะ”
กู้ชูหน่วนก้าวเท้าขึ้นจากไป
ลั่วอิ่งกล่าวเสียงแหบพร่าว่า “จักรพรรดิและจักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่เป็นท่านพ่อท่านแม่ของข้าจริงๆหรือ?”
“ใช่”
“แล้วเหตุใด……”
“เหตุใดเจ้าถึงได้กลายเป็นมือสังหารใช่หรือไม่? เนื่องจากรองหัวหน้าเผ่าซือคงหรือที่เจ้าเรียกว่านายท่าน หลักจากที่รักไม่สมปรารถนาจึงอาศัยขณะที่ท่านแม่ผู้ให้กำเนิดของเจ้าคลอดชิงตัวพวกเจ้าพี่น้องไป เยี่ยเฟิงถูกเขาทิ้งไว้ในเผ่าปีศาจ ส่วนเจ้าถูกพาไปยังหอวิญญาณทมิฬให้ฝึกฝนเป็นมือสังหาร เขาได้แยกครอบครัวของเจ้าออกจากกันทั้งเป็นมาเป็นเวลานานยี่สิบปีเต็ม”
ลั่วอิ่งตัวสั่นเทา
คำพูดของกู้ชูหน่วนส่งผลกระทบต่อเขามากมายนัก
เขาแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตนเองผู้เป็นเพชฌฆาตเลือดท่วมมีดดาบก็มีพ่อแม่ด้วยเช่นกัน
และท่านพ่อท่านแม่ของตนเองยังเป็นจักรพรรดิและจักรพรรดินีผู้เกียรติสูงส่งมากที่สุดแห่งรัฐฉู่
เมื่อนึกถึงความเมตตาของจักรพรรดิและจักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่ที่มีต่อเขาและความโศกเศร้าเสียใจของพวกเขาที่คิดถึงบุตรชาย เป็นครั้งแรกที่ลั่วอิ่งรู้สึกเจ็บปวดใจ
“เจ้าจะให้ข้าช่วยเจ้าอย่างไร?”
“บอกทุกอย่างที่เจ้ารู้มาให้หมด รวมถึงพละกำลังอย่างลับๆทั้งหมดของผู้เฒ่าซือคงด้วย”
“ได้”
ฝนยังคงตกหนัก ฝูกวงเร่งรีบมาพร้อมกับรายงานลับในมือฉบับหนึ่งด้วยความรู้สึกอันหนักอึ้ง
กู้ชูหน่วนรับรายงานลับมา
นางไม่ได้โง่เขลา เมื่อเห็นการแสดงออกอันขึงขังของฝูกวงก็รู้ว่ารายงานลับฉบับนี้ไม่ใช่ข่าวดีอันใด
ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ได้ผ่านเรื่องราวมามากมายนัก
มากเสียจนเกินกว่ากำลังความสามารถที่นางจะทนรับได้
เขานึกภาพไม่ออกแล้วว่ายังจะมีสิ่งใดเลวร้ายไปมากกว่าสิ่งเหล่านั้น
เปิดรายงานลับแล้ว
มือของกู้ชูหน่วนที่ถือรายงานลับแข็งทื่อ ดวงตาคู่ดำขาวแบ่งแยกชัดเจนจับจ้องไปยังร่างของลั่วอิงอย่างหนักหน่วง
ลั่วอิ่งเกิดความรู้สึกไม่สบายใจเป็นพักๆขึ้นอย่างไร้เหตุผลราวกับว่าเขากำลังจะสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไป
เขาส่ายศีรษะ “นายท่านรับปากข้าว่าเพียงแค่ข้าทำลายล้างตระกูลเซี่ยวเขาก็จะปล่อยจักรพรรดิและจักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่……”
“จักรพรรดิฉู่ทรงถูกทรมานจนสิ้นพระชนม์ จักรพรรดินีฉู่……ทรงสังเวยชีพเพื่อความรักแล้ว……”
กู้ชูหน่วนคลายมือรายงานลับได้หล่นลงบนพื้นพร้อมกับาม้วนไม้ไผ่ที่ส่งเสียงอันคมชัดขึ้นมา
ในที่สุดนางก็……ทำผิดต่อคำฝากฟังก่อนสิ้นลมของเยี่ยเฟิง
จักรพรรดิและจักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่ผู้มีเมตตามาทั้งชีวิตเพียงหวังว่าจะทรงตามหาพระโอรสผู้ให้กำเนิดกลับคืนและแบ่งปันความสุขของครอบครัวให้แก่กัน ได้จบสิ้นไปเช่นนี้แล้ว……
ลั่วอิ่งล้มลงอย่างอ่อนแรงเสียงดังตุ้บ
สีหน้าของเขาซีดเผือดพร้อมกับบ่นพึมพำกับตนเองว่า “ไม่……เป็นไปไม่ได้……เขาได้รับปากกับข้าแล้ว”
ฝูกวงกล่าวว่า “ลมปากของเจ้าสารเลวเช่นนั้นก็เชื่อถือได้หรือ? เขาสูญเสียความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไปยังมีสิ่งใดไม่สามารถทำได้อีก ตั้งแต่ต้นจนจบเขาก็แค่หลอกใช้เจ้าก็เท่านั้น ไม่ว่าเจ้าจะทำลายล้างตระกูลเซี่ยวทั้งตระกูลหรือไม่เขาก็ไม่มีทางปล่อยจักรพรรดิฉู่ไป”
ลั่วอิ่งมองไปยังกู้ชูหน่วนอย่างสับสน หวังว่าสิ่งที่กู้ชูหน่วนกล่าวจะเป็นเท็จ
เช่นไรสีหน้าของนางก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขามากนัก
ลั่วอิ่งหยิบาม้วนไม้ไผ่บนพื้นขึ้นด้วยความตื่นตระหนกในนั้นมีอักษรตัวใหญ่หลายตัวปรากฏขึ้น
“จักรพรรดิฉู่ทรงถูกทรมานจนสิ้นพระชนม์ จักรพรรดินีฉู่ทรงสังเวยชีพเพื่อความรัก”
ตายแล้ว……
ตายกันหมดแล้ว?
เป็นไปได้อย่างไร……
เขาเพิ่งรู้ว่าพวกเขาเป็นพ่อแม่ของเขาและยังไม่ได้ทำความรู้จักกับพวกเขา……
“ข่าวนี้เป็นข่าวปลอมหรือเปล่า?”
ลั่วอิ่งหอบความหวังสุดท้ายอันริบหรี่ดังเดิม
ฝูกวงกล่าวว่า “ข่าวที่หออันดับหนึ่งในใต้หล้าตรวจสอบมาได้ไม่เคยผิดพลาดมาก่อน”
“เหตุใด……เพราะเหตุใดถึงทำต้องเช่นนี้……”
เรื่องที่จักรพรรดิและจักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่ทรงตามหาพระโอรสยี่สิบปีก่อนเขานั้นรู้
ก็เพราะเขารู้เรื่องดังนั้นเขาก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดใจเพิ่มมากขึ้น
ลั่วอิ่งกระอักพรวดเสียงหนึ่งและเลือดคำหนึ่งกระอักออกมาท่วมปาก ดวงตาคู่เย็นเฉียบนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังมากมาย
อุ้มตัวเขากับเยี่ยเฟิงไป ทำให้พวกเขาแยกจากพ่อแม่เป็นเวลายี่สิบปีแล้วยังสังหารพ่อแม่ของเขาและทำให้เยี่ยเฟิงตาย
ความแค้นนี้ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้
ลั่วอิ่งคุกเข่างอขาทั้งคู่ลงและโขกศีรษะตรงหน้ากู้ชูหน่วนอย่างแรงสามครั้ง
“แม่นางกู้ สังหารคนทั้งตระกูลสามร้อยกว่าชีวิตของตระกูลเซี่ยวเป็นความผิดของข้า โปรดให้เวลาข้าสักหน่อย หลังจากที่ข้าสังหารเจ้าโจรเฒ่าซือคงด้วยมือของข้าเองแล้วข้าจะมอบศีรษะให้เอง ให้เจ้านำมอบให้เซี่ยวอวี่เซวียนเพื่อสามารถยับยั้งความโกรธของเซี่ยวอวี่เซวียนได้บ้าง และก็สามารถ……บรรเทาความสัมพันธ์อันตึงเครียดของพวกเจ้า”
หายากนักที่ลั่วอิ่งจะกล่าวคำพูดอันหนักหน่วงเช่นนี้
แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้พูดติดๆขัดๆ แต่พูดจาออกมาได้อย่างไหลลื่น
กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะ “เจ้าต้องชดใช้ใช่ว่าเพียงแค่สามร้อยกว่าชีวิตทั้งตระกูลของตระกูลเซี่ยว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เจ้าได้สังหารผู้คนนับไม่ถ้วน แม้ว่าเจ้าจะมีนับสิบล้านชีวิตก็ไม่สามารถทดแทนได้”
แววตาลั่วอิ่งหมองลง
เมื่อก่อนเขารู้เพียงแค่ปฏิบัติตามคำสั่งเท่านั้น และถือว่าการสังหารคนเป็นหน้าที่สิ่งหนึ่งซึ่งไม่เคยคิดมากมายมาก่อน
ตอนนี้กลับเนื้อกลับตัวใหม่อย่างฉับพลันและเขารู้สึกเสียใจภายหลังที่แรกเริ่มไม่เลือกอีกทาง
มือทั้งคู่ของเขาเปรอะเปื้อนเลือดมานับไม่ถ้วน ซึ่งเขาไม่สามารถล้างให้สะอาดได้ชั่วทั้งชีวิตนี้
ไม่รู้ว่าการลั่วอิ่งตำหนิตนเองมากเกินไปหรือเปล่า กู้ชูหน่วนกลัวว่าเขาจะคิดไม่ตกและฆ่าตัวตายเลยโดยตรง
จึงได้กล่าวอย่างเย็นชาว่า “หากว่าเจ้ากลับใจแล้วจริงๆก็จงใช้ทั้งชีวิตชดใช้โดยทำความดีให้มากๆหน่อยเถอะ”
“ขอรับ……”
กู้ชูหน่วนยกฝีเท้าขึ้นและเดินหน้าต่อไปอย่างไร้เรี่ยวแรง
ลั่วอิ่งโขกศีรษะอย่างแรงอีกสามครั้งและกล่าวขึ้นว่า
“หากว่าเจ้าไม่รังเกียจต่อไปข้าจะเป็นมือซ้ายขวาของเจ้าและจะไม่ทรยศเจ้าตลอดไป ข้าจะเชื่อฟังเพียงคำสั่งของเจ้าผู้เดียวเท่านั้น”
กู้ชูหน่วนไม่ได้ตอบกลับเขาเพียงแค่เดินหน้าต่อไป
สิ่งที่ตอบกลับลั่วอิ่งเป็นเพียงฝนที่ตกหนักเท่านั้น
ฝูกวงถอนหายใจแล้วเดินตามกู้ชูหน่วนไป
ที่อันห่างไกล
เยี่ยจิ่งหานเอนกายพิงลำต้นของต้นไม้ด้วยความเหน็ดเหนื่อยและปล่อยให้ฝนตกลงมากระทบกับร่างของเขา
“นายท่าน……ฝนตกหนักนัก ข้าน้อยจะพาท่านกลับไปก่อนนะขอรับ” ชิงเฟิงกล่าว
เยี่ยจิ่งหานมองไปยังฝนตกหนักบนอากาศและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ระดมกำลังทั้งหมดเตรียมพร้อมที่จะโจมตีเผ่าเพลิงฟ้าตลอดเวลา”
ชิงเฟิงตกตะลึง
“โจมตีเผ่าเพลิงฟ้า? แต่ว่าเผ่าเพลิงฟ้ามียอดฝีมือระดับหกจำนวนมาก เกรงว่าคนของเรา……”
“ในเมื่อนางต้องการสู้ตายกับเผ่าเพลิงฟ้าข้าก็จะเป็นแนวหน้าของนาง กำจัดอุปสรรคบางส่วนให้แก่นางเสียก่อน”
“นายท่าน เช่นนี้พวกเราจะสูญเสียคนมากมายนัก”
“เผ่าเพลิงฟ้าสูญเสียยอดฝีมือสูงสุดระดับหกไปหลายคน ความแข็งแกร่งของพวกเขาลดไปไม่น้อยและขวัญกำลังใจก็ลดลงเป็นอย่างมาก ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการโจมตี และ……บัญชีบางเรื่องก็ต้องชำระซะแล้ว”
แม้ว่านางจะไม่คิด
เขาก็ต้องคิด
จู่ๆชิงเฟิงก็ยืนตัวตรงแล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “พะย่ะค่ะ ข้าน้อยจะรีบไปเตรียมการในทันที”
นายท่านวางแผนมาหลายปีเช่นนั้นแล้ว ในที่สุดก็จะต่อสู้กับเผ่าเพลิงฟ้าแล้ว
การต่อสู้ในครั้งนี้บังเกิดขึ้นจะทำให้สะท้านฟ้าสะเทือนดินเป็นแน่
ชนะหรือแพ้นั้นพูดยาก
ในใจชิงเฟิงก็ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร จึงทำได้เพียงเตรียมการทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในพระราชวังอื่นหลังหนึ่ง
กู้ชูหน่วนขังตนเองอยู่ในห้องนอนเป็นเวลาสามวันสามคืน
ในเวลาสามวันนี้นอกจากนางจะก้มหน้าก้มตาขีดเขียนและเรียกพบคนระดับสูงของเผ่าหยกและนิกายเทพอสูรทีละคนๆก็ไม่เคยออกไปด้านนอกเลย
ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางทำสิ่งใดอยู่ด้านใน
และไม่มีผู้ใดรู้ว่านางเรียกพบระดับสูงมากมายเช่นนั้นทำอันใด
รู้เพียงว่าเหล่าผู้ดูแลระดับสูงทั้งหลายออกมาแต่ละคนสีหน้าเคร่งเครียดนัก
บรรยากาศของพระราชวังผิดปกติ
ทุกคนรู้ว่าการต่อสู้ขั้นสูงสุดระหว่างเผ่าหยกและเผ่าเพลิงฟ้ากำลังจะมาถึง
การต่อสู้ในครั้งนี้บางทีอาจสามารถยุติความขัดแย้งทั้งหมดระหว่างเผ่าหยกและเผ่าเพลิงฟ้ามานานนับเป็นเวลาหลายพันปี
หลังจากที่ทุกสิ่งทุกอย่างเตรียมการเรียบร้อยแล้ว
กู้ชูหน่วนปิดฎีกาพร้อมกับขยี้ตาอันเมื่อยหล้า
เสี่ยวลู่อยู่ข้างกายนางและบีบไหล่ให้นางด้วยความเอาใจใส่
“นายท่าน เรื่องการโจมตีเผ่าเพลิงฟ้าสามารถชะลอลงค่อยๆได้ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเช่นนั้น”
“เซี่ยวอวี่เซวียนหล่ะ?” กู้ชูหน่วนไม่ตอบกลับถามกลับ
สีหน้าของเสี่ยวลู่ดูไม่ได้อยู่บ้าง “คุณชายเซี่ยว……เขานำกองทัพสองแสนนายของตระกูลเซี่ยวจัดตั้งขึ้นเป็นจักรพรรดิเองและตอนนี้ได้ประจำการอยู่ที่หุบเขาเทียนฟ่าน”