กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ – บทที่ 775

บทที่ 775

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 775
จอมมารลูบผมสีดำที่หน้าผากของเขาอย่างอายๆ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่หญิง ท่านกำลังพูดคุยเรื่องแต่งงานกับข้าอย่างนั้นหรือ?”

“ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้าต่างหากล่ะ”

รอยยิ้มของจอมมารหุบลง

“คิดบัญชี? คิดบัญชีอะไรหรือ?”

“ท่านคงไม่ได้ลืมไปแล้วหรอกนะ ลืมไปแล้วหรือว่าวันนั้นท่านไล่ล่าฆ่าฟันข้า ทำข้าบาดเจ็บสาหัสและสุดท้ายก็ฆ่าข้า”

“เอ่อ……ตอนนั้นข้ามาหาท่านเพื่อประลองการต่อสู้ แต่ท่านกลับบอกปัดและผัดวันประกันพรุ่ง ข้าจึงตามตื๊อท่านไม่หยุดหย่อน อีกอย่าง……อีกอย่างข้าก็ไม่เคยพบเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าข้า ฉะนั้นข้าจึงมีความสนใจในตัวของท่านอยู่มาก แต่ข้าสัญญาได้ว่าข้าไม่เคยคิดแย่งชิงไข่มุกมังกรจากท่านเลย”

“ใช่ เจ้าไม่เคยคิดแย่งชิงไข่มุกมังกรจากข้า แต่เพราะเจ้าทำให้ข้าต้องพบเจอกับอันตรายมากมายและเกือบตายอยู่หลายครั้ง คนรอบกายที่สนิทชิดเชื้อก็ต้องตายไปเพราะเจ้า หากไม่ใช่เพราะข้าโชคดี เช่นนั้นแล้วก็เกรงว่าข้าคงต้องตายในเงื้อมมือของเจ้าไปแล้ว”

อาจเพราะนึกถึงเรื่องราวในอดีตมากมาย จอมมารก็เกาศีรษะอย่างเขินอายเล็กน้อย

“เรื่องเหล่านี้ก็เป็นอดีตผ่านไปแล้วไม่ใช่หรือ? เรามาคิดถึงอนาคตกันดีกว่านะ”

“อนาคต? ข้าและเจ้ามีเรื่องอนาคตที่สามารถพูดคุยกันได้อย่างนั้นหรือ?”

“พี่หญิง ท่านลืมไปแล้วหรือว่าท่านเคยพูดกับข้าว่า ขอเพียงแค่ข้าปลูกดอกพุดซ้อนสีขาวไว้เต็มภูเขา เช่นนั้นแล้วท่านจะแต่งงานกับข้า ตอนนี้ข้าได้ปลูกดอกพุดซ้อนสีขาวไว้เต็มภูเขาแล้ว ท่านดูสิ นี่คือดอกพุดซ้อนที่ข้าปลูกเอาไว้”

จอมมารหยิบดอกพุดซ้อนออกมาอย่างระมัดระวัง

กลิ่นหอมของดอกไม้หอมแตะจมูกและสดชื่น สีขาวอบอวลไปด้วยกลิ่นอายความบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ เพียงแค่ได้มองก็ทำให้รู้สึกสบายใจ

จอมมารรอให้กู้ชูหน่วนชมเขา

ถึงอย่างไรเสีย ในช่วงเวลาสั้นๆ สามารถปลูกดอกพุดซ้อนได้เต็มภูเขาเช่นนั้น เกรงว่าบนโลกนี้คงไม่มีใครทำได้เหมือนอย่างเขา

แต่กู้ชูหน่วนกลับทำสีหน้านิ่งเฉย กลับไม่มีทีท่าชื่นชมอย่างที่เขาคิดแบบนั้น

“พี่หญิง ท่านไม่ชอบหรอกหรือ? หรือว่าข้านำมาน้อยเกินไป ไปกันเถอะ ข้าจะพาท่านไปที่เผ่าปีศาจ ที่นั่นมีดอกพุดซ้อนเต็มภูเขาและทุ่งกว้างงดงามตระการตาเลย เครื่องใช้สำหรับการแต่งงานของเราสองคน ข้าก็ได้เตรียมพร้อมเอาไว้ทั้งหมดแล้ว พอดีกับที่ท่านจะได้ตรวจสอบด้วยว่ายังขาดเหลืออะไรบ้าง ข้าจะได้รีบสั่งให้คนเตรียมเพิ่ม”

กูชูหน่วนสะบัดมือออกจากเขาและกล่าวเรียบๆ “ซือม่อเฟย คนที่ตอบตกลงว่าจะแต่งงานกับเจ้านั้นเป็นกู้ชูหน่วนที่สูญเสียความทรงจำไปแล้ว แต่ไม่ใช่ข้า”

“หยุดเหลวไหลได้แล้ว พวกท่านทั้งสองคนก็เป็นคนเดียวกันไม่ใช่หรือ?”

“ไม่ใช่ ข้ามีความทรงจำทั้งหมด แต่นางเป็นเพียงคนที่ไม่สมบูรณ์”

จอมมารส่ายหน้าและรอยยิ้มก็ค่อยๆ หายไป “พี่หญิง ท่านหยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว หรือว่าท่านไม่ต้องการแต่งงานกับข้าตอนนี้? หากท่านไม่ต้องการแต่งงานตอนนี้ เช่นนั้นข้าสามารถรอท่านได้”

“เพื่อเห็นแก่การที่เจ้าขอร้องข้าอยู่หลายครั้ง เจ้ากลับไปเถอะ ต่อไปอย่าได้มาที่เผ่าหยกอีก ที่นี่ไม่ต้อนรับเจ้า”

“ออกไป? ไปไหนหรือ? พี่หญิงอยู่ที่ไหน ข้าก็อยู่ที่นั่น”

“เจ้าต้องการบีบบังคับให้ข้าต้องพูดให้ชัดเจนเช่นนั้นเลยหรือ?”

“อะ……อะไรนะ……”

“ตั้งแต่ต้นจนจบ ข้าก็เพียงแค่หลอกใช้เจ้าก็เท่านั้น หลอกใช้ในฐานะที่เจ้าเป็นหัวหน้าเผ่าปีศาจ หลอกใช้ฝีมือระดับหกของเจ้า หลอกความรู้สึกของเจ้า หลอกลวงเจ้าทั้งหมด ในสายตาของข้า เจ้าเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งเท่านั้น และตอนนี้ หมากตัวนี้ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะใช้งานอะไรอีกต่อไปแล้ว”

จอมมารยังคงยิ้ม เพียงแต่รอยยิ้มนั้นกลับแข็งทื่อเล็กน้อย

“ข้าไม่เชื่อหรอก ท่านเคยพูดว่าจะปกป้องดูแลข้าไปตลอดชีวิต”

“หากข้าไม่พูดเช่นนั้นเจ้าจะตกหลุมรักข้าได้อย่างไร”

“ตอนนั้นท่านกลับยังไม่รู้สถานะตัวตนที่แท้จริงของข้าเลยด้วยซ้ำ”

“เป็นถึงจอมมารที่มีดวงตาสีต่างกัน คนบนโลกนี้มีหรือจะไม่รู้?”

กู้ชูหน่วนยังกล่าวต่ออีกว่า “ข้าโกหกเจ้า แต่เจ้าก็เคยฆ่าข้า เราเสมอกันแล้ว รีบไสหัวออกไปจากเผ่าหยกเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนความคิด”

“ข้าไม่เชื่อแม้แค่คำเดียว พี่หญิง สังเวยชีวิตที่เยี่ยจิ่งหานพูดไปเมื่อสักครู่หมายความว่าอย่างไรหรือ? หรือว่าท่านต้องการสละชีวิตของตัวเองเพื่อหลอมรวมไข่มุกมังกร”

คนในเผ่าหยกไม่น้อยที่ได้ยินและต่างพากันตกใจ

หัวหน้าเผ่าจะสละชีวิตของตัวเองเพื่อหลอมรวมไข่มุกมังกร?

การหลอมรวมไข่มุกมังกรล้มเหลวไปแล้วไม่ใช่หรือ?

อีกอย่างหัวหน้าเผ่าก็ไม่ใช่บุคคลที่เป็นหยินสุดโต่งและก็ไม่ใช่บุคคลที่เป็นหยางสุดโต่ง เช่นนั้นแล้วจะหลอมรวมไข่มุกมังกรได้อย่างไร?

มีเพียงแค่ผู้อาวุโสสูงสุดและคนไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้

พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปที่จอมมารอยู่หลายครั้ง

ต่อให้จอมมารจะโง่เขลา แต่เขาก็เป็นหัวหน้าเผ่าปีศาจและความคิดความอ่านของเขาก็ละเอียดอ่อนมาก

จอมมารก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ใบหน้าที่เคร่งขรึมของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด “ข้าเดาถูกใช่หรือไม่ ท่านจงใจทำให้เยี่ยจิ่งหานโกรธและทำเรื่องที่เย็นชาต่อเยี่ยจิ่งหานมากมายก็เพื่อให้เยี่ยจิ่งหานตายใจและหมดใจจากท่าน บาดแผลที่ท่านทำเขาดูเหมือนจะลึกและโหดเหี้ยม แต่อันที่จริงแล้วกลับหลีกเลี่ยงจุดสำคัญเพื่อไม่ทำให้เขาได้รับอันตราย ท่านตบเขาไปหนึ่งที ดูเหมือนไร้ความรู้สึก แต่อันที่จริงแล้วกลับช่วยเขาขับเลือดที่เสียที่ยังอยู่ในร่างกายของเขาใช่หรือไม่?”

“ท่านบอกว่าท่านเพียงแค่หลอกใช้ข้า เห็นข้าเป็นเพียงหมากตัวหนึ่ง อันที่จริงท่านไม่ต้องการทำให้ข้าต้องเดือดร้อนไปด้วยและไม่ต้องให้ข้าต้องเสียใจ ฉะนั้นท่านจึงคิดหาทางบีบบังคับให้ข้าออกไปจากที่นี่”

จอมมารพูดไปและไม่รู้ว่านึกอะไรขึ้นมาได้ จากนั้นสีหน้าของเขาก็ซีดลง จากนั้นร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้

“รวมไปถึงที่ท่านบอกให้ข้าไปปลูกดอกพุดซ้อน ท่านไม่ได้ต้องการแต่งงานกับข้า เพียงแต่ต้องการให้ข้าจากไป……แต่ท่านกลับคิดไม่ถึงว่าข้าปลูกดอกพุดซ้อนได้เต็มภูเขาในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้”

เมื่อมองดูความโศกเศร้า ความทุกข์ ความเจ็บปวดและความโกรธที่ฉายบนใบหน้าของจอมมาร มุมปากของกู้ชูหน่วนจึงขยับและต้องการจะปฏิเสธ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวอย่างไรดี

นางรู้ว่าซือม่อเฟยไม่ได้โง่เขลาอย่างที่นางคิดเช่นนั้น

“การกำจัดคำสาปโลหิตไม่ได้เป็นหน้าที่ของท่านเพียงคนเดียว เหตุใดท่านถึงทำให้ตัวเองต้องเหนื่อยหนักเช่นนี้ด้วย? ท่านสังเวยชีวิตไปแล้ว คำสาปโลหิตก็จะถูกกำจัดไปแน่นอนอย่างนั้นหรือ? ท่านลืมบทเรียนของอี้เฉินเฟย ผู้อาวุโสของไป๋จิ่นไปแล้วอย่างนั้นหรือ?”

“หัวหน้าเผ่า ที่จอมมารพูดไปเป็นเรื่องจริงหรือไม่?”

“หากต้องให้หัวหน้าเผ่าสละชีวิตของตัวเอง เช่นนั้นแล้วพวกเรายอมที่จะไม่ทำลายคำสาปโลหิต”

ผู้คนในเผ่าหยกต่างพากันตะโกนประท้วงออกมาดังกึกก้อง

กู้ชูหน่วนยังคงยิ้มออกมาและเดินเข้าไปหาจอมมาร ท่าทางและน้ำเสียงของนางยังคงเหมือนเดิมทุกประการ

“อาม่อ เจ้าฉลาดกว่าที่ข้าคิดเอาไว้มาก ข้าปิดบังอะไรเจ้าไม่ได้เลย”

“ข้าไม่ยอมให้ท่านต้องสังเวยชีวิตของตัวเองหรอก”

“ได้ เช่นนั้นข้าจะไม่สังเวยชีวิตของตัวเองแล้ว”

จอมมารตกตะลึง

คนในเผ่าหยกก็ต่างพากันตกตะลึงด้วยเช่นกัน

พวกเขาคิดว่าต้องใช้เวลาเกลี้ยกล่อมอีกนานถึงจะยอมให้นางไม่สังเวยชีวิต ไม่คิดเลยว่านางจะตอบตกลงได้เร็วเช่นนี้

ดวงตาสีฟ้าและสีม่วงของจอมมารเผยให้เห็นถึงการไตร่ตรอง

กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างเปิดเผย “เดิมทีข้าคิดว่าหากข้าควักหัวใจและเลือดของข้าออกมาและยอมสละชีวิตของตัวเองเพื่อหลอมรวมไข่มุกมังกร แต่หลังจากที่ข้าฟื้นคืนความทรงจำทั้งหมดแล้วข้าจึงได้รู้ว่า ที่แท้……ก็ไม่สามารถทำได้ ในเมื่อทำไม่ได้ เช่นนั้นแล้วเหตุใดข้าถึงยังต้องเสี่ยงชีวิตของตัวเองด้วย”

จอมมารเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

“เช่นนั้นแล้วเหตุใดท่านต้องทำร้ายเยี่ยจิ่งหานด้วย?”

“ท่านแม่ของเยี่ยจิ่งหานฆ่าท่านแม่ของข้า ทำให้ข้าต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าไร้พ่อไร้แม่ สำหรับเขาแล้ว ข้ายังคงมีความแค้นต่อเขาเสมอมา”

“เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?” เหตุใดเขาถึงรู้สึกว่าเรื่องราวกลับไม่ง่ายดายเช่นนั้น

“ไม่เช่นนั้นเจ้าคิดว่าเป็นอย่างไรล่ะ เจ้าปลูกดอกพุดซ้อนไว้เต็มภูเขาเลยไม่ใช่หรือ? ไปกันเถอะ พาข้าไปดูหน่อย ข้าอยากเห็นเหลือเกินที่ภูเขาที่เต็มไปด้วยดอกพุดซ้อนจะสวยงามมากมายเช่นไร”

เมื่อพูดถึงดอกพุดซ้อน ความเคร่งเครียดของจอมมารก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย

เขากำลังคิดจะพานางไป คิดไม่ถึงเลยว่ากู้ชูหน่วนจะใช้โอกาสที่เขากำลังผ่อนคลายกดจุดไปตามร่างกายของเขาทั้งหมดสิบแปดจุด

เมื่อเขามีสติขึ้นมา จุดชีพจรสำคัญทั้งหมดได้ถูกกดจุดไปทั้งหมดและไม่สามารถคลายจุดได้เลย ทำได้เพียงจ้องมองไปที่กู้ชูหน่วนอย่างหวาดกลัวและในใจของเขากลับมีลางสังหรณ์ไม่ดีอย่างหนึ่ง

“พี่หญิง ท่านต้องการทำอะไรน่ะ?”

“อาม่อคนดี ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนเก่งและฉลาด และข้าก็รู้ว่าเจ้าหวังดีกับข้า ข้าก็ไม่ต้องการทำร้ายเจ้า”

“รีบคลายจุดได้ข้าเดี๋ยวนี้ เร็วเข้า……”

“หากข้าไม่ได้เป็นคนคลายจุดให้เจ้าด้วยตัวเอง เช่นนั้นแล้วคนที่นี่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถคลายจุดให้เจ้าได้ รวมไปถึงผู้อาวุโสสูงสุด ชีวิตนี้ที่ได้รู้จักกับเจ้า ถือเป็นความโชคดีของข้า หากชาติหน้ามีจริง ข้าหวังว่าเราจะได้กลับมาเป็นเพื่อนกันอีก”

“ไม่ ท่านห้ามสังเวยชีวิตตัวเอง การสังเวยชีวิตอาจไม่สามารถหลอมรวมไข่มุกมังกรได้ เหตุใดท่านถึงต้องเสี่ยงชีวิตของตัวเองด้วย”

“สามารถหลอมรวมได้ เพียงแค่ข้าควักหัวใจและเลือดออกมา ก่อนหน้านี้ที่ไม่สำเร็จ นั่นก็เป็นเพราะไม่มีเลือดจากหัวใจ”

“ใครบอก บอกให้เขาโผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้” จอมมารตะโกนคำรามออกมา

เขาพยายามที่จะคลายจุดชีพจร แต่ทำอย่างไรก็ไม่สามารถคลายได้และทำได้เพียงส่งสายตาของร้อยไปยังคนในเผ่าหยกคนอื่นๆ

“หัวหน้าเผ่าของพวกเจ้ากำลังจะสละชีวิตของตัวเองเพื่อทำเรื่องที่อาจไม่สำเร็จ พวกเจ้ากลับไม่ขัดขวางห้ามปรามเลยหรือ?”

ผู้อาวุโสในเผ่าหยกต่างก็อยากจะขัดขวาง แต่กู้ชูหน่วนกลับถือป้ายคำสั่งหัวหน้าเผ่าและกล่าวอย่างเย็นชา

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตำแหน่งหัวหน้าเผ่าหยกได้ส่งต่อไปยังผู้อาวุโสสูงสุด”

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท