กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 786 1144-1145
ผู้ใดจะคิดว่ามุมปากของกู้ชูหน่วนกลับบังเกิดรอยยิ้มบางเบาขึ้น ร่างกายเกิดเสียงชู่ว์ขึ้นกลายเป็นเถ้าถ่าน และก็ไม่รู้ว่านางเคลื่อนไหวได้อย่างไร ไม่เพียงแต่ไม่หลบแต่กลับเงยหน้าพุ่งร่างเข้าใส่หมาป่าหิมะ
ในขณะที่อยู่ห่างจากราชาหมาป่าหิมะเพียงไม่กี่ชุ่นร่างกายได้อาศัยเถาวัลย์เหวี่ยงเข้าไปและเหวี่ยงเข้าไปถึงยังทางเข้าถ้ำที่ราชาหมาป่าหิมะยืนอยู่เมื่อครู่จากนั้นหยิบไข่หมาป่าหิมะขึ้นมา
ชิ่ว……
ไข่หมาป่าหิมะถูกยิงไปทางไป๋หลี่หมิง
ลุงเกิ่งคิดว่าสิ่งที่นางยิงมาคือก้อนหินจึงได้ทุบไข่แตกเลยโดยตรง
เสียงตุ๊บ……
ไข่แตก พญาหมาป่าโมโห
พญาหมาป่าเปล่งประกายแสงอันเย็นเฉียบเหี้ยมโหด เสียงหอนของหมาป่าดังขึ้นหมาป่าหิมะทั้งหมดหันเป้าหมายและต่างพุ่งมาทางไป๋หลี่หมิงและคนอื่นๆ
และ……
ในถ้ำได้ปรากฏหมาป่าหิมะระดับหนึ่งขึ้น แต่ละตัวได้แฝงเจตนาสังหารโหดร้ายต่อเนื่องพุ่งทะยานเข้าไปหา
ไป๋หลี่หมิงตกใจ
“เป็น……เป็นไปได้อย่างไร……ไม่ว่ามีหมาป่าหิมะระดับหนึ่งเพียงตัวเดียวเท่านั้นหรือ? อสุรกายระดับหนึ่งมากมายเช่นนี้มาจากที่ใดกัน?”
“ไป……”
ลุงเกิงดึงมีดและพุ่งเข้าไปสังหารหมาป่าหิมะพร้อมกับทหารอารักขาคนอื่นๆ
่
หมาป่าหิมะโกรธโดยที่แต่ละตัวนั้นดุร้าย ทหารอารักขาของตระกูลไป๋หลี่จำนวนไม่น้อยถูกหมาป่าหิมะกัดตายทั้งที่มีชีวิตอยู่ในที่นั้น
ลุงเกิงก็ถูกราชาหมาป่าหิมะระดับหนึ่งหลายตัวเกาะแกะ
เขาเป็นระดับสอง ต่อกรกับหมาป่าหิมะระดับหนึ่งตัวหนึ่งการชนะก็ยังคงมีอยู่ค่อนข้างมาก
แต่กลับมีพญาหมาป่าหิมะระดับหนึ่งจำนวนถึงห้าตัวอยู่ที่นี่ ศัตรูมากกว่าลุงเกิ่งรับมือไม่ไหว
ไป๋หลี่หมิงตกใจจนหน้าซีดเผือด โชคดีที่เขานำทหารอารักขามาด้วยจำนวนไม่น้อยและทหารอารักขาเหล่านี้ฝืนทนคุ้มกันเขาจากไป
ชิงเฟิงถามว่า “นายท่าน พวกเราต้องช่วยหรือไม่?”
ทหารองครักษ์เหล่านั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหมาป่าหิมะเลย
หากว่าพวกเขาไม่ช่วย
เกรงว่าวันนี้ชีวิตของพวกเขาจะตกอยู่ในอันตราย
เยี่ยจิ่งหานเพียงแค่หมุนขลุ่ยหยกขาวไปมา ดวงตาเย็นชาคู่นั้นอยู่บนตัวของกู้ชูหน่วนอยู่เช่นนั้น และก็ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่
เยี่ยจิ่งหานเงียบ
เจี้ยงเสวี่ยพอจะรู้ว่าเขาหมายถึงสิ่งใดแต่ชิงเฟิงกลับยังคงโง่เขลาอยู่
ไม่รู้ว่ากลิ่นไอของพวกเขาหนักหน่วงเกินไปหรือเปล่า หรือคงเพราะเจี้ยงเสวี่ยปิดบังอยู่หมาป่าหิมะเหล่านั้นไม่โจมตีเขาเลยแม้แต่ตัวเดียว
ร่างกายของลุงเกิ่งถูกกัดเป็นโพรงเลือดจำนวนไม่น้อยโดยที่เลือดไหลรินทั่ว
ไป๋หลี่หมิงส่งสัญญาณเพื่อขอความช่วยเหลือ
ไป๋หลี่สยงตะโกนใส่เยี่ยจิ่งหานว่า “เฮ้ เจ้าคือแขกที่ผู้อาวุโสชิงได้เชิญมาจากตระกูลไป๋หลี่ของเราด้วยเงินจำนวนมาก ตอนนี้คุณชายของเราตกอยู่ในอันตรายเจ้ายังไม่รีบไปช่วยพวกเราอีก”
“เพี๊ยะๆๆ……”
เจี้ยงเสวี่ยตบหน้าไป่หลี่สยงหลายสิบฝ่ามือติดต่อกัน กำลังหนักหน่วงนักจนฟันหน้าของเขาถูกตบจนร่วงออกมา
“นายท่านของเราใช่ว่าเจ้าจะสามารถตะโกนเรียกเรื่อยเปื่อยได้”
“เดิมทีหน้าที่ของพวกเจ้าก็คือคุ้มครองคุณชาย หากว่าคุณชายเกิดสิ่งใด……อ๊ะ……”
ไม่รอให้ไป๋หลี่สยงพูดจบเจี้ยงเสวี่ยก็ได้โยนเขาเข้าไปในกองหมาป่าหิมะแล้ว
ไม่เกินความคาดหมายไป๋หลี่สยงถูกหมาป่าหิมะฉีดขาดจนตาย แม้แต่ร่างกายก็ถูกหมาป่าหิมะกินจนสะอาดหมดจดไม่ทิ้งเศษซากไว้เลยแม้แต่น้อย
ไป๋หลี่หมิงตื่นตระหนกไปเลยและไม่ใส่ใจที่จะขอความช่วยเหลือจากเยี่ยจิ่งหาน
แต่ให้คนของเขาคุ้มกันเขาจากไป
มีคนรับใช้คึ้มกันสุดชีวิตเดิมทีเขาสามารถจากไปได้
แต่ดัน……
กู้ชูหน่วนผู้นั้นกลับใช้ตนเองเป็นเหยื่อล่อนำหมาป่าหิมะเข้ามาทางเขาอีกครั้ง
“มู่หน่วน เจ้ามันเศษสวะผู้หนึ่งของตระกูลธรรมดาๆถึงกับกล้าทำร้ายข้า เจ้าช่างใจกล้ายิ่งนัก?”
“เจ้ารู้จักข้า?”
“ไร้สาระ คุณหนูสามตระกูลมู่ เศษสวะชื่อดังของรัฐปิงผู้ใดจะไม่รู้จัก วันนี้เจ้ากล้าทำร้ายข้าเช่นนี้หลังจากข้ากลับไปแล้วจะต้องเอาชีวิตไร้ค่าของเจ้าอย่างแน่นอน……
“อ๊า……”
ไม่รอให้เขาพูดจบกู้ชูหน่วนเตะก้นเขาเข้าไปยังใจกลางฝูงหมาป่า
นางหังเราะเยาะ “แม้ว่าเจ้าจะเป็นโอรสสวรรค์ ในสายตาของข้าเจ้าก็เป็นแค่คนสารเลวก็เท่านั้น หนึ่งชีวิตทดแทนหลายสิบชีวิตเจ้าได้เปรียบแล้ว”
“อ๊า……”
แม้ว่าไป๋หลี่หมิงจะเป็นรดับหนึ่งแต่ศัตรูจำนวนมากกว่า ถูกฝูงหมาล้อมรอบให้อยู่ตรงกลางฉีกกัดจนเลือดไหลนองแต่กลับไม่มีความสามารถในการโจมตีกลับเลยแม้แต่น้อย
แม้กระทั้งแขนขวาของเขาถูกกัดจนขาดทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่
“อ๊า……มือของข้า……มือของข้าหมดสิ้นแล้ว……”
ไป๋หลี่หมิงยังคงคร่ำครวญไม่หยุด
“ชู่ว์ๆๆ……”
ฝ่ามืออันแข็งแกร่งสองสามเส้นกระทบกลางอากาศอย่างดุเดือดในระยะไกล ทำให้หมาป่าหิมะสะเทือนออกไปอย่างแรง
พวกเขายังมาไม่ถึงพลังฝ่ามือนั้นมาถึงก่อนแล้ว
หมาป่าหิมะล้มลงเป็นชิ้นๆ
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว
ระดับสี่……
กลับมีระดับสี่มาสามคน
ในขณะนี้ความแข็งแกร่งของนางต่ำต้อยและไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลย
ชาวบ้านเหล่านั้นยิ่งไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา
ลมแรงนัก คิดจะวิ่งหนีไปเสียก่อน
กู้ชูหน่วนมาถึงตรงหน้าชาวบ้านและบอกให้ชาวบ้านแยกกันเดิน อย่าได้กลับไปยังหมู่บ้านตระกูลหลินตลอดไป พยายามเดินไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไปได้เพื่อหลีกเลี่ยงตระกูลไป๋หลี่เอาคืน
“แม่นาง ข้าสามารถไปกับเจ้าได้หรือไม่? ท่านปู่สิ้นแล้ว ข้า……ก็ไม่มีที่ใดให้ไปแล้ว
หลินซือหย่วนกล่าวสะอื้นไห้พร้อมดวงตาแดงก่ำ
“ข้าก็ไม่มีที่ใดให้ไปเช่นเดียวกัน”
กู้ชูหน่วนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ไปกันเถอะ”
สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องออกจากที่นี่ก่อน เพื่อมิให้เจ้าพวกนั้นวกกลับมาคิดบัญชีกับพวกเขา เรื่องของภายหน้าภายหน้าค่อยว่ากัน
“ได้”
หลินซือหย่วนแบกร่างของท่านปู่หลินขึ้นและใช้กำลังอย่างเต็มที่ตามกู้ชูหน่วนหนีไปจากที่นี่ ทิ้งความยุ่งเหยิงเป็นกองไว้ให้คนตระกูลไป๋หลี่มาเก็บกวาด
เยี่ยจิ่งหานมองไปยังด้านหลังอันผอมเรียวนั้น ในดวงตาปรากฏความสนใจขึ้น
ผู้หญิงคนนี้……
ช่างน่าสนใจ
ในป่าอันลึก
กู้ชูหน่วนและหลินซือหย่วนรีบฝังท่านปู่หลิน หลินซือหย่วนเช็ดน้ำตาไม่หยุดพร้อมร้องห่มร้องไห้
กู้ชูหน่วนโค้งคำนับท่านปู่หลินสามครั้งเพื่อแสดงถึงความเคารพ
นางไขว้มือทั้งคู่ไว้ด้านหลังโดยที่หลังตั้งตรงนัก แม้ว่านางจะมองไปยังท้องฟ้าอันสดใส แต่มุมปากอันบอบบางได้กล่าวประโยคหนึ่งออกมาซึ่งทำให้หลินซือหย่วนครุ่นคิดอย่างหนัก
“ในโลกนี้เดิมทีผู้ที่แข็งแกร่งกินผู้ที่อ่อนแอกว่าเป็นอาหาร หากว่าเจ้าไม่ต้องการถูกรังแกและต้องการปกป้องผู้คนเจ้าห่วงใยทำได้เพียงแค่ต้องแข็งแกร่งไม่หยุด”
“ข้าต้องการแข็งแกร่ง เจ้าช่วยสอนวรยุทธ์ให้ข้าได้ไหม?”
“ตอนนี้ความแข็งแกร่งของข้าอ่อนเกินไป เรียนวรยุทธ์กับข้าไม่มีความหมายอันใด อีกทั้งข้ายังต้องรู้ชาติกำเนิดของตนเองให้ได้ คนมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากความกระจ่าง”
นางมีลางสังหรณ์ว่าเส้นทางในภายภาคหน้าของนางน่าจะเดินได้ไม่ง่าย และผู้คนที่นางทำให้โกรธเคืองนั้นเป็นจำนวนไม่น้อยเป็นแน่
“แม่นางกล่าวขบขันแล้ว วรยุทธ์ของเจ้าสูงส่งเช่นนั้นไม่เพียงแต่สามารถทำลายค่ายกลที่พวกเขาตั้งเอาไว้เท่านั้น แต่ยังสามารถเอาชนะหมาป่าหิมะจำนวนมากเช่นนั้นได้ในคราวเดียว นักล่าที่ทรงพลังที่สุดในหมู่บ้านของเราก็ไม่สามารถเทียบเท่าหนึ่งในสิบของเจ้าได้”
“นั่นเป็นเพราะเจ้าไม่เห็นยอดฝีมือที่แท้จริง”
“แล้วเจ้าเคยเห็นไหม?”
กู้ชูหน่วนส่ายศีรษะ
นางก็ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่นางสามารถมองออกได้อย่างรวดเร็วว่าความแข็งแกร่งของคนสองคนที่มาจากตระกูลไป๋หลี่เมื่อครู่นั้นถึงระดับสี่อย่างน่าประหลาดใจ
ส่วนนาง……
ไม่เกินความคาดหมาย น่าจะเป็นจุดเส้นวรยุทธ์ชั้นที่หนึ่งเท่านั้น
ความแข็งแกร่งของนางห่างจากพวกเขาเป็นระยะอันห่างไกลนัก เพียงแค่พวกเขายังมีใจอาฆาตแค้นนางหลบก็ไม่สามารถหลบซ่อนได้
นางทำให้ตระกูลไป๋หลี่โกรธเคืองอย่างแท้จริงเสียแล้ว อยู่เคียงข้างนางเป็นโทษไร้ซึ่งประโยชน์
“ข้าเป็นหนี้บุญคุณหนึ่งต่อพวกเจ้า ความแค้นของท่านปู่ของเจ้าข้าจะช่วยเจ้าล้างแค้นแทน สำหรับเจ้า……ดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะ”
กล่าวแล้วกู้ชูหน่วนก็ก้าวจากไป ทิ้งด้านหลังอันเย็นชาหนึ่งเอาไว้