กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ – บทที่ 814

บทที่ 814

กู้ชูหน่วนวางถ้วยน้ำชาในมือลงและยิ้ม “ท่านผู้เฒ่าอยากเป็นเศรษฐีอย่างนั้นหรือ?”

“ทำไมหรือ เจ้ามีวิธีทำให้ร่ำรวยเป็นเศรษฐีอย่างนั้นหรือ?”

หนิงเทียนโย่วพูดขึ้นอย่างดูถูกเหยียดหยาม “หากนางมีวิธีทำให้ร่ำรวยเป็นเศรษฐีจริง ตระกูลมู่จะยากจนถึงขั้นนั้นหรือ?”

รอยยิ้มของท่านผู้เฒ่าหนิงหยุดชะงักลง

ใช่ ตระกูลมู่แย่กว่าพวกเขาหลายสิบเท่า ได้ยินมาว่ารายจ่ายในจวนแต่ละวันก็ค่อนข้างลำบาก

รอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นที่มุมปากของกู้ชูหน่วน นางหยิบวงแหวนอวกาศขึ้นมาและใช้จิตเพื่อกระตุ้น ทันใดนั้นยาจื่อหยางก็แตกออกมาและปรากฏขึ้นตรงหน้าของท่านผู้เฒ่าหนิง

“วงแหวนอวกาศ เจ้ามีวงแหวนอวกาศอย่างนั้นหรือ? เป็นเพียงตระกูลมู่ที่ต่ำต้อยแต่กลับมีของล้ำค่าเช่นนี้? เจ้าคงไม่ได้แอบขโมยมาจากที่ไหนหรอกนะ” หนิงเทียนโย่วกล่าว

กู้ชูหน่วนวางมือเท้าคางโดยไม่สนใจคำพูดของเขา เพียงแค่ทำหน้าบูดบึ้ง “ข้าเอาวงแหวนอวกาศมาจากไหนไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือ พวกเจ้าคิดว่าของสิ่งนี้มีค่าหรือไม่”

ท่านผู้เฒ่าหนิงหยิบขวดยาออกมาหนึ่งขวดด้วยความสงสัยและเปิดออก กลิ่นหอมของยาสมุนไพรหอมอบอวลไปทั่วทั้งห้องรับรอง

“ยาจื่อหยาง ยาจื่อหยางที่ไม่มีสิ่งอื่นเจือปน ยาอายุวัฒนะนี้บริสุทธิ์กว่ายาอายุวัฒนะที่ตระกูลซั่งกวนปรุงกลั่นออกมาเสียอีก”

“นี่คือยาบรรลุเป้า เป็นยาครอบจักรวาลชั้นหนึ่ง ยานี้สามารถเพิ่มพละกำลังขึ้นมาในเวลาอันรวดเร็ว โดยเฉพาะผู้ที่มีเส้นชีพจรการต่อสู้ขั้นเก้า เพียงแค่กินเข้าไปก็จะบรรลุไปยังระดับหนึ่งได้”

ท่านผู้เฒ่าหนิงคำนวณคร่าวๆ ยาจื่อหยางรวมกับยาบรรลุเป้าอย่างน้อยจะได้ประมาณหนึ่งร้อยกว่าเม็ด

ตระกูลหนิงก็ถือเป็นตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียงและน้อยครั้งนักที่พวกเขาจะได้เห็นยาอายุวัฒนะมากเช่นนี้

หนิงเทียนโย่วกลืนน้ำลาย “มู่หน่วน เจ้าไม่ได้แอบขโมยมาจากตระกูลซั่งกวนหรอกนะ?”

“หากแอบขโมยมาจากตระกูลซั่งกวน เจ้าคิดว่าจากนิสัยที่เกรี้ยวกราดของซั่งกวนชิงแล้ว ในเมืองหลวงนี้คงไม่ยุ่งเหยิงอย่างนั้นหรือ?”

“เช่นนั้นแล้วเจ้าได้มาจากที่ใดกัน?”

“เรื่องนี้น่ะหรือ เป็นความลับที่อาจบอกได้ ข้าเพียงถามพวกเจ้าว่าอยากได้ยาอายุวัฒนะนี้หรือไม่”

“อยากได้สิ” แต่อย่างน้อยก็ควรรู้ที่มาที่ไปให้ชัดเจนเสียหน่อย

“พวกเจ้าต้องการ เช่นนั้นก็มอบให้กับพวกเจ้า”

ไม่เพียงแค่หนิงเทียนโย่วที่ตกตะลึง

แม้แต่ท่านผู้เฒ่าหนิงก็ตกตะลึงด้วยเช่นกัน

มอบยาอายุวัฒนะมากมายเช่นนี้ให้พวกเขาหรือ?

แม้ว่ายาจื่อหยางจะไม่ได้เป็นยาที่สามารถเพิ่มระดับความสามารถ แต่ก็ถือเป็นยาศักดิ์สิทธิ์สำหรับรักษาอาการบาดเจ็บ

แม้ว่ายาระดับหนึ่งจะเป็นยาชั้นล่างสุด แต่ในตลาดการค้าขายยังคงนับว่าเป็นที่ต้องการอย่างมาก นางมอบให้จำนวนมากเช่นนี้ นับว่าช่างใจกว้างเสียเหลือเกิน

หนิงเทียนโย่วรีบกล่าว “มู่หน่วน เจ้าพูดจริงหรือ?”

“แน่นอนสิ”

หนิงเทียนโย่วมองไปที่ท่านปู่ของเขาอย่างมีความสุข ดวงตาที่ร้อนแผ่วของเขาเห็นได้ชัดในตัวเอง

ท่านผู้เฒ่าหนิงวางยาอายุวัฒนะลงและเขากล่าวอย่างเรียบเฉย “ได้รับค่าตอบแทนโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย แม่นางมู่ให้ยาอายุวัฒนะมามากมายเช่นนี้ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรต้องการให้พวกข้าช่วยเหลือหรือไม่?”

“ก็แค่ถูกชะตากับเจ้า อยากจะเป็นเพื่อนกันเท่านั้นเอง”

แค่นี้เองหรือ?

เหตุใดท่านผู้เฒ่าหนิงกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น

ต่อให้อยากเป็นมิตรกัน มอบให้เพียงสี่ห้าเม็ดก็ได้แล้ว จำเป็นต้องมอบให้มากมายเช่นนี้เลยหรือ?

กู้ชูหน่วนยิ้ม “แน่นอน อีกไม่นานข้าจะไปที่สำนักศึกษาอี้เหอแล้ว หากข้าโชคร้ายและถูกคนที่นั่นรังแกเข้า เช่นนั้นท่านผู้เฒ่าหนิงได้โปรดดูแลและคุ้มครองข้าด้วย”

สิ่งที่กู้ชูหน่วนอยากจะพูดก็คือ หากนางไม่สามารถรวบรวมวิญญาณทั้งหมดได้และชายสวมหน้ากากมาแก้แค้นนาง เช่นนั้นเขาสามารถช่วยเหลือและออกหน้าแทนนางได้

ท่านผู้เฒ่าหนิงถามขึ้นอีกครั้ง “เพียงเท่านี้เองหรือ?”

กู้ชูหน่วนจงใจแสดงความไม่พอใจ “ทำไมหรือ หรือว่าท่านคิดว่าข้าสนใจในตัวท่านอย่างนั้นหรือ? ข้าเพียงแค่เห็นว่าท่านมีเมตตาและกรุณา เหมือนกับท่านปู่ของข้าก็เท่านั้น”

“ปู่ของเจ้า? มู่จั่น?”

“แอ่ม……แล้วแต่จะคิด หากท่านไม่อยากได้ เช่นนั้นข้าจะนำยาอายุวัฒนะกลับคืนมา เพื่อท่านจะได้ไม่คิดว่าข้ามีเจตนาไม่ดี”

“อย่า มิตรอย่างเจ้าข้าต้องผูกสัมพันธ์อย่างแน่นอน เช่นนี้แล้วกัน ข้าจะไม่ให้เจ้าเสียเปรียบมากเกินไป ข้าจะให้หลานชายของข้าหนิงเทียนโย่วแต่งงานกับเจ้า ตั้งแต่นี้ต่อไปเจ้าก็คือหลานสะใภ้ของข้า”

“อะแอ่ม……”

กู้ชูหน่วนเกือบจะสำลักน้ำลายของตัวเอง

หนิงเทียนโย่วก็ตกใจอย่างมากเช่นกัน

“ท่านปู่……ยาเพียงไม่กี่เม็ดท่านก็ขายหลานชายของตัวเองอย่างนั้นหรือ”

“ไม่กี่เม็ดอย่างนั้นหรือ? นี่มีร้อยกว่าเม็ดเกือบจะสองร้อยเม็ดเชียวนะ อีกอย่าง แม่นางมู่ก็หน้าตาสละสลวย อ่อนโยนและเชื่อฟังอย่างดี ไม่เหมาะสมกับเจ้ายังไง”

ความงดงามของนางก็พอจะรับได้

แต่อ่อนโยนและเชื่อฟัง?

ท่านปู่ตาบอดหรืออย่างไร?

นางอ่อนโยนตรงไหนกัน?

เชื่อฟังตรงไหนกัน?

หนิงเทียนโย่วกำลังจะปฏิเสธ จากนั้นกู้ชูหน่วนก็กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล “เอ่อ ท่านผู้เฒ่าหนิง เรื่องการแต่งงานคงไม่ต้องหรอก”

“อ้อใช่ เจ้าและซั่งกวนหมิงหลางยังมีการหมั้นหมายต่อกัน เช่นนี้แล้วกัน วันหลังข้าจะไปที่บ้านของตระกูลซั่งกวนแทนเจ้าและยกเลิกการหมั้นหมายแทนเจ้าเอง”

กู้ชูหน่วนกลอกตา ตาแก่นี่ คิดจริงจังไปแล้วหรืออย่างไร?

“ตระกูลซั่งกวนเป็นตระกูลใหญ่โตและมีชื่อเสียง หากปฏิเสธยกเลิกการหมั้นหมายกะทันหันจะต้องทำให้ชื่อเสียงของพวกเขาถูกทำลายแน่ๆ”

“วางใจได้ ข้าจะคิดหาวิธีที่ดีที่สุดเพื่อทุกฝ่าย โดยไม่ให้พวกเขาเสียเกียรติและไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง”

“ตามใจท่านเถอะ ถึงอย่างไรเสียตอนนี้ข้าก็ไม่อยากแต่งงานกับใครทั้งนั้น”

ช่วยนางจัดการยกเลิกการหมั้นหมายก็ดี นางไม่ได้สนใจพิศวาสเจ้าซั่งกวนหมิงหลางคนนั้นเลยสักนิด

วงแหวนอวกาศยังคงเพิ่มราคากันอย่างดุเดือด

เยี่ยจิ่งหานโกรธเล็กน้อย “ไปบอกตระกูลไป๋หลี่ว่าหากยังกล้าประมูลอีก ให้พวกเขาพิจารณาเองแล้วกัน”

“ขอรับ” ชิงเฟิงรับคำสั่งและออกไป

เจี้ยงเสวี่ยเป็นกังวลเล็กน้อย “นายท่าน อย่างไรเสียที่นี่ก็ไม่ใช่รัฐเยี่ย หาก……หากยังประมูลต่อไปอีก เราจะไม่มีเงินแล้วนะขอรับ”

“ไปยืมเงินมาจากผู้นำตระกูลไป๋หลี่”

“แต่ตระกูลไป๋หลี่ก็อยากได้วงแหวนอวกาศไม่ใช่หรือขอรับ? เขาจะให้เรายืมเงินหรือ?”

“วางใจได้ เขาให้ยืมแน่” เยี่ยจิ่งหานมีความมั่นใจมาก

ภายในห้องรับรองตระกูลไป๋หลี่

ไม่นานนักไป๋หลี่เจิ้นก็ได้รับข่าวว่าไม่อนุญาตให้พวกเขาทำการประมูลอีกต่อไป อีกทั้งยังนำเงินไปส่งให้กับเยี่ยจิ่งหาน

ทำให้ไป๋หลี่เจิ้นโกรธจนถีบโต๊ะกระเด็นออกไป

ไป๋หลี่อวิิ๋นเย่ว์กล่าวว่า “ช่างเถอะ ในเมื่อผู้นำตระกูลออกคำสั่งเช่นนี้ งั้นเราก็ปฏิบัติตามเถอะ ประมูลไปจนถึงแปดสิบล้านตำลึงแล้ว ต่อให้เจ้าได้ครอบครอง เจ้าจะมีเงินจำนวนมากเช่นนั้นมาจ่ายอย่างนั้นหรือ?”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เบือนหน้าหนีไป

ทันใดนั้น มันก็หนีไปจากข้อมือของไป๋หลี่เจิ้นและเลื้อยไปยังห้องรับรองหมายเลขสาม

ไป๋หลี่เจิ้นโมโห “ราชางูเหลือม……มันไปได้อย่างไร? คงไม่ได้โกรธหรอกกระมัง? ปรมาจารย์ควบคุมสัตว์ร้าย เร็วเข้า รีบช่วยข้าจับมันเอาไว้”

ปรมาจารย์ควบคุมสัตว์ร้ายกล่าว “ราชางูเหลือมกล่าวว่า มันจะไปเดินเล่นที่ห้องรับรองหมายเลขสามประเดี๋ยวและจะกลับมา มันบอกว่าอย่าตามมันไป ไม่เช่นนั้นมันจะโกรธมาก”

ไป๋หลี่อวิ๋นเย่ว์กล่าวอย่างลังเล “นับว่าเป็นอสุรกายดุร้ายระดับห้าจริงๆ ช่างมีวิญญาณรับรู้ได้”

“แน่นอน ไม่ดูหน่อยหรือว่านี่คืองูอะไร” ไป๋หลี่เจิ้นตอบด้วยความภาคภูมิใจ ราวกับเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ได้ยอมจำนนและติดตามเขาเสียแล้ว

ภายในห้องรับรองหมายเลขสาม

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์แอบเข้าไปได้แล้วและเตรียมจะกัดเขาอย่างโหดเหี้ยมสักครั้ง เพื่อให้เขาจะได้ไม่กล้าประมูลราคากับตัวเองอีก

แต่เมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้านั้นเป็นเยี่ยจิ่งหาน เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เกือบจะเป็นลมล้มลงไป

ใช่ ใช่ ใช่……เขา

เป็นเขาไปได้อย่างไร……

การได้ยินของเยี่ยจิ่งหานดีมาก การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็ไม่อาจรอดพ้นจากสายตาของเขาไปได้

ในขณะที่เงยหน้าขึ้นและเห็นเข้ากับเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ทำให้เขาก็ตกตะลึงด้วยเช่นกัน

“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”

ได้พบกับเพื่อนเก่าในต่างรัฐ

หัวใจของเยี่ยจิ่งหานและเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ต่างเต้นแรงขึ้น

โดยเฉพาะเยี่ยจิ่งหาน

ปีนั้นหลังจากที่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไล่ตามดวงวิญญาณที่ลอยล่องไปของอาหน่วน จากนั้นก็ไม่มีข่าวคราวใดๆ อีกเลย หลายปีมานี้ไม่ว่าเขาจะค้นหาอย่างไรก็ไม่สามารถหาเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เจอ

มีบางครั้งที่เขาแอบคิดสงสัยว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไปแล้ว

คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้มาเจอกันที่นี่

มันเป็นสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของกู้ชูหน่วนและจับเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่ยังคงมีชีวิตอยู่ของอาหน่วน

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท