กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 865
เยี่ยจิ่งหานรู้สึกดีใจและอยากจะลุกขึ้นยืน แต่ขาของเขาไม่สามารถที่จะยืนขึ้นได้ หากไม่ใช่เพราะชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยช่วยพยุงเขา เกรงว่าเขาคงจะล้มไปแล้ว
“อาหน่วน……”
“นายท่าน……นางคือมู่หน่วน”
ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยคิดว่านายท่านของเขาเข้าใจผิดว่าหญิงผู้นี้เป็นพระชายา จึงกล่าวเตือน
เยี่ยจิ่งหานตัวสั่นและนำเส้นผมออกจากในอ้อมแขน
เส้นผมเส้นนั้นเปล่งแสงประหลาดออกมา
ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยดีใจมาก และกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “นายท่าน วิญญาณของพระชายาอยู่ใกล้ ๆ หรือ?”
ผู้อาวุโสของเผ่าหยกสอนวิชาเฉพาะให้กับเยี่ยจิ่งหาน เพียงแค่วิญญาณของกู้ชูหน่วนปรากฏออกมา เยี่ยจิ่งหานก็สามารถสังเกตเห็นได้ทันที
“ฟึ่บ……”
เยี่ยจิ่งหานยังไม่ทันจะได้พูด วิญญาณทั้งสองเส้นก็กลับไปที่หน้าผากของกู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนรู้สึกได้ว่าสองสิ่งนี้เข้าไปในร่างกายของนางอีกครั้ง
“อาหน่วน……”
เยี่ยจิ่งหานต้องการจะยับยั้ง แต่น่าเสียดายที่มีใจแต่ไร้กำลัง และวิญญาณทั้งสองเส้นก็หายเข้าไปในร่างของนางอย่างไร้ร่องรอย ราวกับว่าไม่เคยปรากฏออกมา
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้ายังคงเป็นผู้หญิงคนนั้น และใบหน้านั้นไม่เหมือนกับกู้ชูหน่วน
หากไม่ใช่เพราะผมเส้นนั้นของอาหน่วนแวบออกมา เขาก็คงยังอยู่ในความฝัน
กู้ชูหน่วนก็แปลกใจเช่นกัน
แต่นางรู้ดีว่าหากวิญญาณทั้งสองเส้นยังไม่ออกไปจากร่างของนาง เยี่ยจิ่งหานก็ไม่สามารถฆ่านางได้
เธอกล่าวอย่างแผ่วเบา “ดูเหมือนว่าคนในใจของเจ้าจะทนต่อความโหดเหี้ยมของเจ้าไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว”
เยี่ยจิ่งหานจ้องมองศพของไป๋หลี่เจิ้นที่ถูกดูดเลือดไปจนหมด นัยน์ตาที่หม่นหมองคู่นั้นเหมือนสระน้ำลึก ลึกจนผู้คนไม่สามารถเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเพราะการปรากฏตัวขึ้นมาของวิญญาณสองเส้น ทำให้ไอสังหารของเยี่ยจิ่งหานค่อย ๆ หายไป
และในท้ายที่สุดก็โบกมือ
ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยเข้าใจ และผลักรถเข็นออกไปจากป่าไผ่ เหลือไว้เพียงเงาของบุรุษรูปงามทั้งสาม
กู้ชูหน่วนพยายามอดทนต่อความเจ็บปวด นางพิงไม้ไผ่และหอบเสียงดัง จากนั้นก็ตะโกนด้วยเสียงที่อ่อนแรง
“ไม่เพียงแต่เจ้าจะไม่ฆ่าข้า แต่เจ้ายังปกป้องข้าด้วย มิเช่นนั้นเจ้าก็รู้ผลที่จะตามมา……”
ทั้งสามคนเดินไปอย่างไม่หยุด
และฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก
กู้ชูหน่วนเหลือบมองศพของไป๋หลี่เจิ้นที่ถูกนางดูดเลือด
นางกลัวว่าคนของตระกูลไป๋หลี่จะไปหาถึงหน้าประตู จึงทำได้เพียงพาร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บเดินจากไปอย่างโซซัดโซเซ
ไกลออกไป
ชิงเฟิงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “นายท่าน หรือว่าพวกเราจะถูกหญิงผู้นั้นคุกคามได้ไหม”
“ปล่อยข่าวออกไปว่าไป๋หลี่หมิงและไป๋หลี่เจิ้นถูกมู่หน่วนฆ่าตาย”
“นายท่าน……ปล่อยข่าวออกไป หากคนในตระกูลไป๋หลี่ฆ่านางแล้วจะทำอย่างไร?”
ทันทีที่มีดสั้นมาถึง ชิงเฟิงก็ก้มตัวลง เขารีบรับคำสั่งและจากไป
เจี้ยงเสวี่ยกล่าวว่า “นายท่าน เหวินเส่าอี๋สั่งให้คนปิดล้อมป่าไผ่ไว้ ผู้น้อยไม่สามารถสืบได้ว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น และไม่รู้ว่าทำไมเหวินเส่าอี๋ถึงปล่อยแม่นางมู่ไป เพียงแต่ไป๋หลี่เจิ้นถูกดูดพลังจนตาย”
มหาเวทย์ดูดพลัง ในใต้หล้านี้มีเพียงพระชายาเท่านั้นที่เข้าใจ
หญิงผู้นั้นมีมหาเวทย์ดูดพลังได้อย่างไร?
หรือว่าวิญญาณทั้งสองเส้นของพระชายาอยู่ในร่างของนาง นางจึงมีวรยุทย์ของพระชายาด้วย?
เช่นนี้จะดูลึกลับมากเกินไป
“สืบต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่นางถูกไป๋หลี่หมิงและคนอื่น ๆ ฆ่าตาย ทำไมนางถึงฟื้นขึ้นมาได้ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับนาง ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็สืบมาให้ชัดเจน
“พ่ะย่ะค่ะ”
อีกด้านหนึ่ง
ชายชุดขาวคนหนึ่งยืนเอามือไพล่หลัง แบกฉินหิมะสีขาวไว้บนหลัง และสวมหน้ากากผีเสื้อ
ข้าง ๆ เขามีองครักษ์ของหนุ่มคอยรายงาน
“นายท่าน หลังจากที่พวกเราจากไป คนของเยี่ยจิ่งหานก็กำจัดสายข่าวของเรา และล้อมป่าไผ่ไว้อย่างแน่นหนา ผู้น้อยจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น แต่เยี่ยจิ่งหานไม่ได้ฆ่ามู่หน่วน”
“ผู้น้อยยังสืบไม่ได้ว่านางกับกู้ชูหน่วนมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร นายท่าน มู่หน่วนกำแหงและไร้มารยาท ท่านต้องการให้ผู้น้อยจัดการนางและทุกคนในจวนมู่หรือไม่?”
“ด้วยวิธีของเยี่ยจิ่งหาน มู่หน่วนหยอกล้อเขาเช่นนี้ เขาไม่มีทางยอมปล่อยมู่หน่วนไปง่าย ๆ อย่างแน่นอน บางทีนางกับกู้ชูหน่วนอาจจะมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกัน หรือบางที่นางอาจจะเจอวิญญาณที่กระจัดกระจายของกู้ชูหน่วน”
“เช่นนั้นผู้น้อยจะไปฆ่านาง เยี่ยจิ่งหานจะได้หมดหนทางที่จะชุบชีวิตกู้ชูหน่วน”
นัยน์ตาอันเยือกเย็นของเหวินเส่าอี๋ฉายให้เห็นความเกลียดชัง และมือที่ไพล่หลังอยู่ก็กำแน่น
“เขาต้องการจะชุบชีวิตนาง ข้าจะไม่ยอมให้เขาสมหวังและจะทำลายเขา ข้าอยากจะทำให้ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เยี่ยจิ่งหานมีความหวัง ค่อย ๆ ตกจากสวรรค์แล้วลงไปในนรกทีละขั้น ทำให้เขาได้ลิ้มรสของการมีชีวิตอยู่มิสู้ตายไปเสียดีกว่า และได้ลิ้มรสของการไร้อำนาจ”
อีกทั้ง……
อีกทั้งหญิงผู้นั้นด้วย……
บัญชีแค้นระหว่างเขากับนางยังไม่ได้รับการชำระ
จะปล่อยไปได้อย่างไร
องครักษ์โค้งคำนับและกล่าวว่า “ขอรับ ตามแต่คำสั่งของนายท่าน”
“จับตาดูมู่หน่วน และสืบภูมิหลังของมู่หน่วนต่อไป”
“ขอรับ”
นกพิราบบ้านบินมา
อารั่วนำจดหมายที่ขานกพิราบมาให้เหวินเส่าอี๋
หลังจากที่เหวินเส่าอี๋อ่านจดหมายแล้ว รอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
ช่างน่าสนใจ
เยี่ยจิ่งหานปล่อยมู่หน่วน
และปล่อยข่าวว่ามู่หน่วนฆ่าไป๋หลี่หมิงและไป๋หลี่เจิ้น
ในเมื่อเป็นเช่นนี้
เขาก็จะเข้าไปผสมโรง
“อารั่ว ปล่อยให้มู่หน่วนไปเอาเสื้อผ้าของซั่งกวนชิงที่หุบเขาเจียงเจ๋อซาน และขโมยสมบัติของเขา รวมทั้ง……ปล่อยอสุรกายทั้งหมดของตระกูลไป๋หลี่ด้วย”
“ขอรับ”
“รู้ที่อยู่ของขวานผานกู่แล้วหรือไม่?”
“ยังไม่รู้ขอรับ ผู้น้อยได้ส่งคนไปตามหาขวานผานกู่เพิ่มแล้ว”
“ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไร ก็ต้องหาขวานผานกู่และฆ่าเซี่ยวอวี่เซวียนให้ได้”
“นายท่านไม่ต้องกังวล แม้ว่าเซี่ยวอวี่เซวียนจะมีความสามารถที่ยอดเยี่ยม แต่เขาไม่สามารถหนีความตายพ้น”
อารั่วกล่าวอย่างมั่นใจ
เหวินเส่าอี๋ไม่พูดอะไร
หากไม่มีองครักษ์ของเยี่ยจิ่งหานคอยคุ้มกัน
การฆ่าเซี่ยวอวี่เซวียนคงจะไม่ใช่เรื่องยาก
อย่างไรก็ตาม……
หลังจากที่เยี่ยจิ่งหานมาถึงดินแดนวิญญาณเยือกแข็ง ไม่เพียงแต่เขาจะมีชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยคอยติดตาม
แต่ยังมีพลังลึกลับที่อยู่เบื้องหลัง และทำสิ่งต่าง ๆ แทนเขา
หากเยี่ยจิ่งหานไม่ตาย
เกรงว่าการฆ่าเซี่ยวอวี่เซวียนคงจะต้องใช้ความพยายามอย่างมาก
จวนมู่
กู้ชูหน่วนฟื้นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ
และเห็นมู่ซิน พ่อของตัวเอง
“อาหน่วน ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นแล้ว ทำพ่อตกใจแทบแย่”
“ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
“เจ้าหมดสติอยู่ในป่าไผ่ โชคดีที่ซั่งกวนหมิงหลางพาเจ้ากลับมาส่ง มิเช่นนั้น……เกรงว่าเจ้าคงจะบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถรักษาได้แล้ว ตระกูลของเราติดค้างเขา”
ซั่งกวนหมิงหลาง?
อดีตคู่หมั้นของนาง?
“ยังเจ็บอยู่หรือไม่?ใครทำให้เจ้าต้องบาดเจ็บเช่นนี้?”
“เรื่องราวมันซับซ้อน คนที่ทำร้ายข้ามีมากมาย ข้าจำไม่ได้หรอก”
“มีชีวิตรอดมาได้ก็ดีแล้ว ต่อไปเจ้าก็ระวังตัวหน่อย อยู่บ้านและอย่าก่อเรื่องอีก”
“เข้าใจแล้ว”
กู้ชูหน่วนตรวจดูอาการบาดเจ็บของตัวเอง นางบาดเจ็บค่อนข้างสาหัส
แม้ว่าจะพันผ้าพันแผลและใช้ยารักษาบาดแผลชั้นยอดแล้ว แต่ก็ยังเจ็บปวดมากจนต้องขมวดคิ้ว
“ทำไมข้างนอกถึงเสียงดังขนาดนี้?”
“ล้วนแต่เป็นคนที่มาสู่ขอ พวกเขาต่างบอกว่าที่หุบเขาอสุรกาย เจ้าเป็นที่สนใจมาก ไม่เพียงแต่จะอายุยังน้อย แต่ยังทำสัญญากับเสือดำโบราณ อีกทั้งยังรู้วิธีควบคุมสัตว์อสุรกาย และอสุรกายระดับสูงจำนวนไม่น้อยต่างก็ยอมรับเจ้าเป็นนาย”
“ท่านพ่อเชื่อหรือไม่?”
มู่ซินลูบผมของนางด้วยความรักใครเอ็นดู และยิ้มอย่างอ่อนโยน “ไม่ว่าเจ้าจะรู้วิธีควบคุมอสุรกายหรือไม่ และไม่ว่าเจ้าจะทำสัญญากับเสือดำโบราณหรือไม่ พ่อรู้เพียงว่าเจ้าเป็นบุตรสาวของพ่อ ขอเพียงเจ้าปลอดภัยและมีความสุขก็พอแล้ว”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของกู้ชูหน่วนค่อย ๆ หุบลง นางส่งเสียงอืมเบา ๆ และปล่อยให้มู่ซินลูบผมของนาง
“อันที่จริงแล้ว หมิงหลาง เด็กคนนี้ไม่เพียงแต่จะหน้าตาดี แต่ยังมีความสามารถและจิตใจดี หากเจ้าแต่งงานกับเขา คงจะเป็นที่พึ่งพิงที่ดี”