ลู่เจียวต้มยาพลางครุ่นคิด จู่ๆ ก็มีเสียงวุ่นวะวุ่นวายปนเสียงร้องไห้รันทดดังขึ้นจากนอกห้องครัว
ลู่เจียวเงี่ยหูฟังด้วยความตั้งใจ เสียงดังมาจากเรือนป้ารองที่อยู่ไม่ไกล ในบ้านของป้ารองเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ลู่เจียวนึกถึงป้ารองที่มีจิตใจงดงามจึงตัดสินใจไปดู เลยดับไฟที่ต้มยาไปก่อน
นางเพิ่งจะออกไป ก็สังเกตเห็นแฝดสี่กำลังปีนรั้วมองไปด้านนอกด้วยความหวาดกลัว
ลู่เจียวรีบเข้าไปปลอบพวกเขา “ไม่เป็นไร พวกเจ้ารีบเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนท่านพ่อก่อนเถอะ ข้าจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นเอง”
แฝดสี่จึงลงมาด้วยความเชื่อฟัง ลู่เจียวสาวเท้าก้าวใหญ่มุ่งหน้าไปที่บ้านของป้ารองทันที
พอนางถึงที่นั่น ก็เห็นว่าคนในหมู่บ้านมุงดูคุยกันกลางลานอยู่ไม่น้อย
“ได้ยินว่าเสี่ยวเป่าก้างติดคอ”
“ก้างติดคอต้องรีบกินของแห้ง จะได้กินก้างเข้าไปด้วย”
ลู่เจียวได้ยินที่ชาวบ้านพูดคุยกัน เลยเงยหน้ามองเข้าไปตรงประตู ป้ารองและสะใภ้ใหญ่ของนางดูลุกลี้ลุกลน ทั้งยังร้องไห้น้ำตาคลอ
เซี่ยเสี่ยวเป่าคือบุตรชายคนเล็กที่สุดของจ้าวซื่อ อายุเพิ่งจะสิบสามขวบ ปกติในบ้านก็เลี้ยงดูอย่างเอาอกเอาใจ ทว่ากลับไม่มีนิสัยเอาแต่ใจเลยแม้แต่นิด
ยามว่างเขาชอบขึ้นเขาไปยิงนก ลงน้ำไปจับปลา ไม่เพียงแต่ไม่รังแกผู้อื่นไปเรื่อย แล้วยังไม่ลักเล็กขโมยน้อย นึกไม่ถึงว่าจะเจอเคราะห์ร้ายขนาดนี้
บุตรชายคนโตของสกุลเซี่ย เซี่ยไหลฝูที่อยู่ในเรือนกัดฟันกรอด “รีบส่งเสี่ยวเป่าไปหอยาหุยชุนสิ”
เซี่ยหู่ บุตรชายคนโตของเซี่ยไหลฝูมีรีบไปยืมเกวียนวัวทันที
ลู่เจียวเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็อดเข้าไปดูไม่ได้ ก้างปลาติดคอจะว่าเป็นเรื่องใหญ่ก็ไม่ใหญ่ ว่าเป็นเรื่องเล็กก็ไม่เล็ก หากก้างเข้าไปติดในหลอดอาหารก็ค่อนข้างลำบาก ทว่าถ้าหลุดลงไปในกระเพาะก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่แล้ว
ลู่เจียวเดินออกไป พอคนในหมู่บ้านเห็นนางต่างก็พึมพำนินทา
“นางมาทำอะไรที่นี่”
“ก็มาชมเรื่องสนุกๆ น่ะสิ คนอื่นทรมานขนาดนี้ นางกลับมาเยาะเย้ย แล้งน้ำใจจริงๆ”
“นางมีความสุขบนความทุกข์คนอื่นอยู่แล้ว พวกเจ้าอย่าพูดอีกเลย เดี๋ยวไปผิดใจกับนางแล้วจะทำอย่างไร”
ผู้คนนินทานางหลายอย่าง จู่ๆ ก็มีเสียงแหลมดังจากฝูงชน “แม้แต่บุรุษและบุตรตัวเองยังไม่รักใคร่ แล้วจะรักคนอื่นได้อย่างไร”
ลู่เจียวหันไป ก็เห็นเสิ่นซิ่วคุยกับคนด้านข้างเสียงดัง
คู่สนทนารีบรับเป็นลูกคู่ “เหตุใดหมู่บ้านพวกเราถึงมีคนเฮงซวยเช่นนี้ อัปมงคลจริงๆ”
แววตาลู่เจียวเผยประกายยะเยือก นางปรายตามองเสิ่นซิ่วเพียงปราดเดียว แล้วเข้าไปในห้องโถงตระกูลเซี่ย
ทุกคนในห้องโถงตระกูลเซี่ยต่างไม่อยู่นิ่ง จ้าวซื่อเงยหน้าก็เห็นลู่เจียวเข้ามา จึงต่อว่าอย่างโกรธเคือง
“มาทำไม ไอ้ตัวซวย เห็นเสี่ยวเป่าของข้าได้รับบาดเจ็บแล้วดีใจหรือ”
ได้ยินจ้าวซื่อพูด ซย่าซื่อก็ถมึงทึงใส่สะใภ้ “เหลวไหลไปกันใหญ่”
ซย่าซื่อกล่าวจบก็มองลู่เจียว “เจียวเจียว มีเรื่องอะไรหรือ”
ลู่เจียวเลิกคิ้วขึ้น “ข้าช่วยเอาก้างปลาออกให้เสี่ยวเป่าเอง”
พูดจบ ทุกคนต่างเงียบงัน มีเพียงเสียงร้องไห้ของเซี่ยเสี่ยวเป่าเท่านั้น
มีคนที่อยู่นอกห้องโถงไม่ค่อยได้ยิน จึงถามกันด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ลู่เจียวพูดอะไรหรือ”
คนที่ได้ยินพูดขึ้นอีกครั้ง “นางบอกว่าจะช่วยเสี่ยวเป่าเอาก้างปลาออก”
คนคนนี้เพิ่งจะเอ่ยจบ ทุกคนก็หัวเราะเย้ยหยันทันที
“นางช่างกล้าพูดจริงๆ อย่าไปทำร้ายเสี่ยวเป่าก็พอแล้ว”
“นี่อยากมีหน้ามีตาหรือ”
“ที่ผ่านมาเอาแต่รังแกเด็ก ตอนนี้ยังแกล้งทำตัวเป็นหมอรักษาผู้ป่วยอีก”
จ้าวซื่อได้ยินนอกโถงวิพากษ์วิจารณ์กันเช่นนี้ สีหน้าจึงย่ำแย่กว่าเดิม ชี้หน้าตวาดใส่ลู่เจียว “ไสหัวไปเดี๋ยวนี้”
ลู่เจียวหันไปมองจ้าวซื่อเพียงปราดเดียว ไม่ได้ยืนหยัดว่าจะช่วยเอาก้างออกอีก ตนเสนอจากใจจริงไปแล้ว ถ้านางไม่เชื่อ ก็ไม่เกี่ยวกับตนแล้ว
ลู่เจียวหันหลังกำลังจะเดินจากไป ป้ารองที่อยู่ด้านหลังก็ถามขึ้น “เจียวเจียว เจ้าบอกป้ามา เจ้าเอาก้างปลาออกเป็นจริงหรือ”
ลู่เจียวชะงักฝีเท้าแล้วหันไปมองป้ารอง แม่เฒ่าคนนี้เก่งจริงๆ สามีล่วงลับไปตั้งแต่ยังหนุ่ม นางต้องเลี้ยงดูบุตรชายสองคนและบุตรีสองคนเพียงคนเดียว แต่ยังรักษาจิตใจที่งดงามเช่นนี้ไว้ได้
“เป็น”
ป้ารองมองจ้าวซื่อทันที จ้าวซื่อกอดบุตรชายตัวเองไว้เสมือนกลัวว่าจะมีคนมาทำร้าย
“ท่านแม่ เอาชีวิตเสี่ยวเป่าไปล้อเล่นเช่นนี้ไม่ได้ นางเป็นคนอย่างไร ท่านไม่รู้เลยหรือ นางชอบทำร้ายคนอื่น ที่ผ่านมาชอบรังแกเด็ก แม้แต่ลูกในไส้ยังเฆี่ยนตีอย่างโหดร้ายทารุน แล้วจะหวังให้นางเอาก้างปลาออกได้อย่างไร”
จ้าวซื่อพูดจบก็ตะคอกใส่ลู่เจียวทันที “เจ้าไสหัวไป”
ลู่เจียวหันหลังเตรียมจากไป นางยังต้องกลับไปต้มยา
เซี่ยไหลฝูที่อยู่ด้านหลังรั้งนางไว้ “ภรรยาอวิ๋นจิ่น เจ้าเอาก้างปลาออกได้จริงหรือ”
ลู่เจียวเริ่มหมดความอดทน จึงขมวดคิ้วพูด “ได้สิ”
เซี่ยไหลฝูกัดฟันแน่น หันไปมองจ้าวซื่อ “ให้ภรรยาอวิ๋นจิ่นลองดูเถอะ”
จ้าวซื่อจะเห็นด้วยได้อย่างไร นางรีบกอดเสี่ยวเป่าไว้แน่น แล้วเดือดดาลใส่เซี่ยไหลฝู “อยากให้นางทำร้ายเสี่ยวเป่าตายหรือ”
เซี่ยไหลฝูพูดด้วยความโกรธเคือง “เสี่ยวเป่าเจ็บขนาดนี้แล้ว แล้วใครจะรู้ว่าส่งไปที่หอยาแล้วจะเกิดอะไรขึ้นอีก ขืนโดนก้างบาดคอจนพูดไม่ได้ขึ้นมา คงจะสาแก่ใจเจ้าแล้วสิ”
จ้าวซื่อนิ่งเงียบไปทันที นางกอดบุตรชายร้องไห้ แต่ก็ยอมให้ลู่เจียวมาช่วยเอาก้างปลาออก
ลู่เจียวเดินไปมองเซี่ยเสี่ยวเป่า “เจ้าอดทนไว้ อ้าปากให้ข้าดู ข้าจะดูว่าก้างปลาอยู่ตรงไหน”
เซี่ยเสี่ยวเป่าแม้จะกลัวจนทนไม่ไหว ทว่าเด็กอายุสิบสามคนนี้ก็เชื่อฟังคำพูดของลู่เจียว พยายามอ้าปากและอดกลั้นความเจ็บปวด
ลู่เจียวมองมองไม่ค่อยชัด แสงไฟในห้องโถงมืดเกินไป นางเลยสั่งให้คนไปเอาตะเกียงมา แต่ยังคงมองไม่ค่อยชัดเหมือนเดิม
ลู่เจียวจึงเปิดเอาที่ถ่างปากออกจากห้วงอากาศ แล้วให้เซี่ยเสี่ยวเป่าสวมไว้ จ้าวซื่อรีบตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นกลัว “เจ้าจะทำอะไร จะทำอะไร”
ลู่เจียวพูดด้วยความใจเย็น “นี่เป็นเครื่องถ่างปาก จะช่วยให้เขาอ้าปากได้กว้างขึ้น จะได้เห็นชัดเจนว่าก้างปลาว่าอยู่ตรงไหน”
นางเพิ่งจะพูดจบก็เห็นก้างปลา “ไม่เป็นอะไร ก้างปลายังไม่ได้เข้าไปในหลอดอาหาร ข้าจะคีบออกมาเดี๋ยวนี้”
ลู่เจียวเอาที่คีบปลาขนาดเล็กและไฟฉายออกจากห้วงอากาศ เมื่อคีบก้างออกก็รู้ว่าเหตุใดเด็กน้อยจึงเจ็บ
มิน่าถึงได้เจ็บขนาดนี้ ก้างปลาใหญ่ปานนี้ แล้วยังไปติดตรงคอหอยอีก ถึงได้เจ็บเป็นพิเศษ
“เอาเถอะ ไม่เป็นอะไรแล้ว ก้างปลาก็เอาออกเรียบร้อยแล้วด้วย”
ลู่เจียวเก็บที่ถ่างปากและที่คีบเข้าไป แล้วขอบคุณตระกูลเซี่ย
คนในตระกูลเซี่ยต่างก็คาดคิดไม่ถึงว่านางจะแก้ปัญหาได้ง่ายปานนี้
เซี่ยเสี่ยวเป่ากลืนน้ำลายก็ไม่รู้สึกเจ็บอีก เลยไม่ร้องไห้เสียงดังแล้ว
จ้าวซื่อลูบคอของบุตรชาย “ลูกข้า ไม่เจ็บแล้วใช่หรือไม่”
“ไม่เจ็บแล้ว ไม่เจ็บแล้ว”
คนในนอกห้องโถงเห็นฉากนี้ ต่างก็งุนงงไปชั่วขณะ ปัญหาใหญ่ขนาดนี้ แก้ไขง่ายเช่นนี้เลยหรือ
ไอ้อ้วนนี่เก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร
ลู่เจียวมัวแต่นึกถึงยาต้มของเซี่ยอวิ๋นจิ่น พอเอาก้างออกก็จากไปทันที คนในตระกูลเซี่ยล้วนดีใจจนไม่ทันสังเกตเห็นนางจากไป
คนที่อยู่กลางสวนรีบหลีกทางให้ลู่เจียวเพราะยังคงตื่นตะลึงในสิ่งที่นางทำเมื่อครู่
คนที่อยู่ด้านหลังเห็นนางเดินจากไปจึงพูดว่า “ภรรยาอวิ๋นจิ่นไม่เหมือนเดิม”
“อืม ข้าก็รู้สึกเช่นนั้น”
เสิ่นซิ่วได้ยินคำพูดเหล่านี้ ภายในใจราวกับลุกเป็นไฟ และพูดขึ้นด้วยความเคียดแค้น “แมวตาบอดเจอหนูตายเท่านั้น คิดว่านางมีความสามารถจริงหรือ”