เซี่ยหลานทักทายเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วยรอยยิ้มเบิกบาน “พี่สาม ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ดีขึ้นหรือยัง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยกมุมปากยิ้มเย้ยหยัน นี่เป็นน้องสาวที่เขารักและเอ็นดูที่สุด ไม่มีความเป็นคนเลยจริงๆ
“เจ้าว่าข้าดีขึ้นไหมล่ะ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นถามเซี่ยหลานกลับ นางนิ่งงันไป ภายในใจรู้สึกหงุดหงิดอย่างยิ่ง เหตุใดพี่สามถึงได้แปลกไปเช่นนี้ ช่างเถอะ เห็นแก่เขาที่ได้รับบาดเจ็บ ข้าผู้เป็นน้องสาวจะไม่เรียกร้องอะไรเขาก็ได้
เซี่ยหลานไม่สนใจเซี่ยอวิ๋นจิ่น หันไปมองลู่เจียวแล้วพูดว่า “พี่สะใภ้สาม ได้ยินว่าเจ้าล่าหมูป่ากลับมาได้หนึ่งตัว ท่านแม่บอกว่าให้เจ้าเก็บขาหลังไว้ ที่เหลือให้ขายแล้วเอาเงินมารักษาพี่สาม”
ลู่เจียวมองเซี่ยหลานอย่างหมดคำพูด นี่ต้องไร้ยางอายแค่ไหนถึงจะพูดจาสติฟั่นเฟือนเช่นนี้ ไล่พวกเขาทั้งครอบครัวออกจากบ้าน แล้วยังมีหน้ามาขอขาหมูอีก
ลู่เจียวแสยะยิ้มเย็นชาอย่างไม่เกรงใจ “เซี่ยหลาน ข้าถามเจ้าอะไรหน่อย เจ้าต้องหน้าด้านแค่ไหนถึงจะพูดเช่นนี้ออกมาได้”
เซี่ยหลานสีหน้าเปลี่ยนไปทันที นางจ้องลู่เจียว “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
ลู่เจียวมองนางอย่างเหยียดหยาม “หมูป่าที่ข้าล่า เหตุใดต้องเหลือขาหลังไว้ให้พวกเจ้าด้วย เจ้ามีสิทธิ์อะไร พวกเจ้าไล่พวกเราออกจากบ้านยามลำบาก มิหนำซ้ำยังแบ่งเงินให้พวกเราแค่ห้าตำลึงเท่านั้น ตอนนี้แม้แต่เงินรักษาพี่สามของเจ้ายังไม่พอ เจ้ากลับมีหน้ามาขอเนื้อ”
เซี่ยหลานได้ยินคำพูดของลู่เจียว สีหน้าก็ย่ำแย่มาก จึงพูดกับลู่เจียวด้วยความโมโห
“ลู่เจียว เจ้าทำอย่างนี้ถือว่าอกตัญญูมาก ล่าหมูป่ามาได้เป็นตัว บิดามารดาอยากได้ขาเพียงข้างเดียว เจ้ากลับไม่ให้หรือ ขืนเรื่องนี้ถูกกล่าวออกไป เจ้าไม่กลัวว่าคนอื่นจะด่าว่าเจ้าอกตัญญูหรือ”
เซี่ยหลานพูดจบก็หันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นแล้วพูดอย่างโกรธเคือง “พี่สาม ท่านไม่สั่งสอนนางหน่อยหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแสยะยิ้มเย็นชา ในแววตาของเขาไม่มีความอ่อนโยนแม้แต่น้อย
“อยากกินก็เอาเงินมาซื้อ หรือไม่พวกเจ้าก็มายกตัวข้ากลับไปรักษา หมูป่าตัวนี้จะเป็นของพวกเจ้าทั้งหมด”
เซี่ยหลานได้ยิน แววตาก็ลุกโชน นึกถึงเนื้อหมูที่กำลังจะเข้าปากหายไปในชั่วพริบตา นางไม่ได้กินเนื้อแล้ว จึงพูดออกมาโดยไม่คิด
“เยี่ยม พวกเจ้าอกตัญญู ไม่ยอมแบ่งเนื้อให้พ่อแม่กิน ทำเช่นนี้ไม่กลัวคนอื่นจะขบขันหรือไร”
ลู่เจียวได้ยินก็เดือดพล่าน จึงตวาดใส่เซี่ยหลาน “ไสหัวออกไป”
เซี่ยหลานไม่ได้เนื้อหมูป่ากลับไป แล้วจะยอมไปง่ายๆ ได้อย่างไร จึงสบถหยาบออกมาไม่หยุด
“พวกเจ้ามันเนรคุณ เนื้อที่ตนเองกิน แม้แต่น้ำแกงเนื้อเพียงคำเดียวก็ยังไม่ยอมให้ท่านพ่อท่านแม่ดื่ม ข้าจะป่าวประกาศให้ทั่วว่าพวกเจ้าทำเช่นนี้กับพ่อแม่”
ลู่เจียวไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับแม่นางด้านหน้าคนนี้อีก จึงสาวเท้าเข้าไปกระชากผมของนางลากออกไปข้างนอก
“ไม่ใช่ว่าจะป่าวประกาศให้ทุกคนรู้ว่าพวกเราเนรคุณหรือไง ไป ออกไปพูดข้างนอก”
เซี่ยหลานที่ไม่ทันรับมือกับลู่เจียว พอถูกลู่เจียวกระชากผมลากตัวออกไปข้างนอกอย่างรุนแรงก็ต้องครวญครางเพราะเจ็บหนังหัว
“ลู่เจียว ไอ้อ้วนสมควรตาย รีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้”
เซี่ยหลานไม่เพียงแต่ถูกลากตัวออกไปอย่างไม่อาจขัดขืน ยังโดนตบตีจนร้องไห้เสียงดัง
“ลู่เจียว เจ้ามันคนถ่อย ปล่อยข้า ฮือๆ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้”
กลางลานบ้านมีชาวบ้านที่มาซื้อหมูป่าอยู่ไม่น้อย เห็นแม่นางสองคนตบตีกัน ก็อดเข้าไปถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ “นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
“เหตุใดลู่เจียวถึงตีเซี่ยหลานล่ะ”
ลู่เจียวนิสัยไม่ดี ทว่าชาวบ้านในหมู่บ้านเซี่ยก็ไม่ชอบเซี่ยหลานด้วยเช่นกัน แม่นางผู้นี้เป็นสาวบ้านนอก ทั้งผอมทั้งดำ หน้าตาอัปลักษณ์ ทว่ากลับชอบทาเครื่องประทินโฉมที่ไม่เข้ากับสีผิว ที่สำคัญที่สุดคือ นางมักจะหยิ่งผยอง คิดว่าตัวเองเป็นน้องสาวของซิ่วไฉ ไม่อยากออกเรือนให้คนธรรมดา อยากจะออกเรือนให้กับคนตระกูลสูงศักดิ์ในเมือง
แม้แต่บุรุษในเมืองนางยังเลือกมาก อยากได้ทั้งคนที่ทั้งหล่อเหลาทั้งมีเงิน เรียกสินสอดทองหมั้นไม่น้อย นางมีหน้าตาอัปลักษณ์เช่นนี้ ตระกูลใดในเมืองจะเอานางล่ะ สุดท้ายจนนางอายุสิบเจ็ดแล้วยังไม่ได้ออกเรือน ส่วนจิตใจของนางก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าอำมหิตเพียงใด
พอเห็นนางโดนตี ทุกคนก็สมน้ำหน้า ทว่าก็ยังมีคนที่ออกไปห้ามให้พวกนางทะเลาะกัน
“ภรรยาอวิ๋นจิ่น หยุดตีได้แล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
ลู่เจียวจึงยอมผละออก แล้วชี้เซี่ยหลานที่อยู่บนพื้นพลางตะโกนบอกทุกคนในลาน “นางมาขอขาหมูกับข้า หน้าไม่อายเลยจริงๆ”
เซี่ยหลานได้ยินก็ร้องตะโกนด้วยน้ำตา “ข้ามาขอให้ท่านพ่อท่านแม่กิน ข้าไม่ได้กินเองเสียหน่อย เป็นสะใภ้ของตระกูลเซี่ย ล่าหมูป่ามาได้หนึ่งตัว ให้พ่อแม่สามีแค่ขาเดียว ไม่ควรเป็นเรื่องใหญ่ไม่ใช่หรือ”
ลู่เจียวพูดแบบไม่เกรงใจ “พวกเจ้ายังมีหน้ามาพูดเช่นนี้อีกหรือ เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้รับบาดเจ็บ กลับถูกพวกเจ้าไล่ออกจากบ้าน ไม่เห็นว่าพวกเราต้องใช้ชีวิตลำบากแค่ไหนหรือ ตอนนี้ข้าแค่หวังพึ่งเงินพวกนี้ไปซื้อยาให้เขา แล้วก็ซื้อของกินกลับมาประทังชีวิต”
“พวกเจ้ามาถึงก็ขอขาหมูไปหนึ่งข้าง เหตุใดถึงไม่รู้จักเอาเงินมารักษาพี่สามของเจ้าหน่อยล่ะ”
“วันนี้ข้าจะพูดให้ชัดเจนไปเลย วันข้างหน้าอย่าคิดจะมาเอาของของพวกเราแม้แต่อย่างเดียว เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้รับบาดเจ็บ ครอบครัวพวกเราต้องรักษาผู้ป่วย แล้วยังต้องเลี้ยงดูแฝดสี่คน ทั้งครอบครัวพึ่งพาแต่ของที่ข้าล่ามาเท่านั้น พวกเจ้ากลับกล้าวิ่งมาขอของของคนอื่นหน้าด้านๆ แบบนี้ เอาหัวชนผนังตายไปไม่ดีกว่าหรือ”
คำพูดของลู่เจียว ทำให้ทุกคนในหมู่บ้านต่างรู้สึกเห็นใจนาง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ สองสามีภรรยาเซี่ยเหล่าเกินให้พวกเขาแค่ห้าตำลึงเงิน ลู่เจียวหาเงินมารักษาสามี แล้วยังต้องเลี้ยงดูเด็กสี่คน ไม่ง่ายเลยจริงๆ
ป้ารองเดินเข้ามาจากด้านนอกแล้วมองเซี่ยหลาน “เจ้ากลับไปบอกพ่อแม่เจ้า ถ้าอยากให้อวิ๋นจิ่นกตัญญูตอบแทนบุญคุณในวันข้างหน้า ควรมารับพวกเขาทั้งครอบครัวกลับไปอยู่ที่บ้านใหญ่ก่อน”
คนที่มามุงดูมากมายต่างพยักหน้า รู้สึกว่าคำพูดนี้สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง มารับคนกลับไปรักษาให้หายก่อน ถึงค่อยหวังให้พวกเขาตอบแทนพระคุณในวันข้างหน้า
เซี่ยหลานได้ยินที่คนรอบกายคุยกัน สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที นางลุกขึ้นทั้งน้ำตาแล้ววิ่งออกไป ตอนที่วิ่งถึงประตูก็หันกลับมามองลู่เจียว
“ลู่เจียว เจ้ารอไว้ได้เลย ท่านพ่อท่านแม่ต้องสั่งให้พี่สามหย่าร้างกับเจ้าไม่ช้าก็เร็วแน่นอน”
ลู่เจียวกลอกตามองบนใส่นาง นางอยากให้หย่าร้างจวนใจจะขาด เช่นนั้นจะได้ไม่ต้องให้ตนไปเปลืองแรงทำเรื่องนี้
ทุกคนในลานบ้านต่างก็ปลอบลู่เจียวว่าอย่าไปสนใจเซี่ยหลาน
ป้ารองก็มาปลอบโยน ลู่เจียวจึงขอบคุณทุกคน ท่าทางและวาจาของนางอ่อนโยนและสุภาพ คนที่ยังอคติกับนางก่อนหน้านี้ ตอนนี้ท่าทีก็เปลี่ยนไปมาก
ตอนนี้เซี่ยหู่ชำแหละหมูเสร็จแล้ว เขาผ่าท้องหมู และแล่เนื้อออกมาเป็นชิ้นๆ เรียบร้อย
ลู่เจียวมองทุกคนในลานบ้าน “เอาละ ชำแหละหมูป่าเสร็จแล้ว ใครอยากได้เท่าไหร่ก็บอกเซี่ยหู่ได้เลย”
ลู่เจียวไม่ได้เห็นแก่เงินที่ได้จากขายหมูครั้งนี้ หากนางเห็นแก่เงิน ก็ต้องเอาหมูไปขายที่โรงน้ำชา หรือตระกูลสูงศักดิ์ตั้งนานแล้ว
ถ้าเอาหมูไปขายที่อื่นจะได้เงินมากกว่านี้ แต่ตอนนี้นางกลับได้เงินแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
สิ่งที่นางหวังว่าจะได้เงินมาไม่ใช่หมูป่าตัวนี้ ทว่ากลับเป็นเห็ดหลินจือที่อยู่ในห้วงอากาศของนางต่างหาก