ลู่เจียวกำลังครุ่นคิดอยู่กลางลาน เถียนซื่อรีบเดินไปดึงมือลู่เจียวดูว่าบุตรีได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ หลังจากที่แน่ใจว่าไม่เป็นอะไร นางจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ดีที่ข้ามาเร็ว ไม่เช่นนั้นเจ้าคงโดนแม่สามีใจอำมหิตของเจ้ารังแกไปแล้ว”
ในสายตาของเถียนซื่อ มองว่าบุตรีของตนเองโดนแม่สามีรังแกตลอดมา
ลู่เจียวสัมผัสได้ถึงความรักที่ลึกซึ้งของเถียนซื่อ นางยื่นมือไปจับมือเถียนซื่อแล้วพูดอย่างเป็นธรรมชาติ “ท่านแม่ ท่านมาได้อย่างไร”
“ข้าเป็นห่วงเจ้าน่ะสิ ถึงได้รีบมา”
เถียนซื่อพูดจบ ก็ยื่นมือไปรับของบางอย่างจากมือของบุตรชายคนเล็กที่อยู่ด้านหลัง แล้วยื่นให้ลู่เจียว
“แม่เอาไก่หนึ่งตัวและไข่ไก่ยี่สิบกว่าฟองมาให้เจ้า บุตรเขยสุขภาพไม่ดี เจ้าอย่าลืมฆ่าแล้วต้มให้เขากินบำรุงร่างกายหน่อยล่ะ”
ตระกูลลู่ไม่ได้มั่งมี ซ้ำยังยากจนกว่าคนอื่น แต่เถียนซื่อก็มักจะเก็บของที่ดีที่สุดให้ลู่เจียว ร่างเดิมเลยเคยตัวไปนานแล้ว
ตอนนี้ถึงตาลู่เจียว นางกลับทนยอมให้มารดาของร่างเดิมทำดีเช่นนี้ไม่ได้ ไหนๆ นางก็ตัดสินใจรักเถียนซื่อเทียบดั่งมารดาผู้ให้กำเนิด ก็หวังว่าตนกับเถียนซื่อจะใกล้ชิดกัน ยิ่งไปกว่านี้ ร่างเดิมยังมีน้องชายนามว่าลู่กุ้ยที่มีอายุสิบแปดปีเท่านั้น แต่มารดากลับรักและเอ็นดูนางมากที่สุด
เพราะมีฐานะยากจน จนถึงตอนนี้ ลู่กุ้ยก็ยังไม่ได้สู่ขอภรรยา แต่เพราะเขารู้อักษร จึงไปเป็นบริกรในโรงน้ำชา รายได้ยังถือว่าพอใช้ทุกเดือน
“ท่านแม่เอากลับไปเถอะ ไม่ต้องให้ข้า ข้ายังไม่ทันได้กตัญญูต่อท่านก่อนด้วยซ้ำ กลับยังแบมือขอของกินของท่าน นี่ไม่เหมาะสมเลยจริงๆ”
ทันทีที่ลู่เจียวพูดขึ้น เถียนซื่อก็เงยหน้ามองลู่เจียวทันที ผ่านไปพักใหญ่ก็ไม่พูดไม่จา
ลู่เจียวรู้สึกใจสั่นหวิว หรือนางเผลอพูดอะไรผิดแผกไป
ไม่นึกว่าเถียนซื่อจะน้ำตาคลอ ยื่นมือไปลูบศีรษะของนาง “เจียวเจียวของข้ารู้จักรักและเป็นห่วงข้า ข้าน่ะดีใจเหลือเกินที่เจ้าโตเป็นผู้ใหญ่เช่นนี้”
พูดจบ นางก็ปาดน้ำตาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร ที่บ้านยังมี”
ลู่เจียวจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าตระกูลลู่เป็นเช่นไร เพียงแต่เถียนซื่อเอาของพวกนี้มาให้นาง ถ้านางไม่รับไว้ อีกฝ่ายต้องไม่ยอมเป็นแน่ ช่างเถอะ วันข้างหน้านางจะคิดหาวิธีตอบแทนต้นตระกูล ทางที่ดีที่สุด ก็คือต้องหาเลี้ยงต้นตระกูลให้ได้
ลู่เจียวคิดว่าจะไม่ปฏิเสธอีก จึงยื่นมือไปรับไก่และไข่ไว้
“ท่านแม่ ข้าจะเอาของพวกนี้ไปไว้ในโรงครัวก่อน”
พูดจบนางก็บอกน้องชายที่อยู่ด้านหลัง “น้องเล็ก เจ้ากับท่านแม่ไปนั่งในเรือนเถอะ ข้าจะไปเอาน้ำมาให้”
ถึงแม้ตระกูลลู่จะอยู่ข้างหมู่บ้านตระกูลเซี่ยเท่านั้น ทว่าทั้งสองหมู่บ้านกลับมีภูเขาคั่นตรงกลาง ต่อให้เถียนซื่อและลู่กุ้ยเร่งรีบมาที่นี่เพียงใด อย่างน้อยก็ต้องเดินทางสองชั่วยาม ลู่เจียวนึกถึงความรักที่เถียนซื่อมีต่อบุตรีก็พลันรู้สึกอบอุ่นใจ
นางรินน้ำหวานมาให้เถียนซื่อและลู่กุ้ยดื่มสองถ้วย ระหว่างที่นางกำลังริน ก็สังเกตเห็นแฝดสี่กำลังแอบมองนางอยู่ พอเห็นว่านางหันไป พวกเขาก็รีบหลบไปทันที
ลู่เจียวหยิบถ้วยสองใบขึ้นมาด้วยความขบขัน แล้วรินน้ำหวานอีกสองถ้วย จากนั้นตะโกนไปที่ประตู “เอาเถอะ ข้าจะชงให้พวกเจ้าดื่มสองถ้วย เอาไปแบ่งกันดื่มละกัน”
พูดจบนางยกน้ำหวานสองถ้วยไปที่ห้องโถง ใครจะไปรู้ว่านางเพิ่งจะเข้าไป มารดาและลู่กุ้ยก็เข้าไปในเรือนตะวันออก
ลู่เจียวครุ่นคิดก็รู้อย่างแจ่มแจ้ง มารดาและน้องชายมาเยือนถึงบ้าน แล้วจะไม่เข้าไปเยี่ยมเยียนบุตรเขยที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้อย่างไร
“บุตรเขยหนอ ตอนนี้เจียวเจียวรู้จักกาลเทศะแล้ว วันข้างหน้านางจะใช้ชีวิตกับเจ้าไปดีๆ เรื่องที่ผ่านมาก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ ต่อไปพวกเจ้าก็ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันดีๆ ไม่มีสิ่งใดสำคัญเท่าเลี้ยงดูแฝดสี่ให้เติบโตเป็นคนดีแล้ว”
เถียนซื่อพูดจบก็ถามเซี่ยเอ้อร์จู้ที่อยู่ด้านข้าง “เอ้อร์จู้ เจ้าว่าข้าพูดถูกหรือไม่”
เซี่ยเอ้อร์จู้จะพูดอะไรได้ ทำได้เพียงพยักหน้า “พูดถูกขอรับ”
เถียนซื่อมองสีหน้าไร้อารมณ์ของบุตรเขยบนเตียง กล่าวตามตรง นางค่อนข้างกลัวบุตรเขยคนนี้ ทว่าเพื่อบุตรสาว นางจำต้องเกลี้ยกล่อมเขาทั้งความเกรงกลัว
“แต่ก่อนเจียวเจียวเด็กเกินไป ตอนนี้นางโตขึ้น ก็ยิ่งรู้จักผิดชอบชั่วดีแล้ว บุตรเขยลืมเรื่องร้ายๆ ที่ผ่านมาเถอะ”
ลู่เจียวที่อยู่ตรงประตูทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป นางกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นตกลงกันไว้แล้ว รอให้ขาของเขาหายก็ต้องหย่าร้างกัน มารดาของนางมาพูดเช่นนี้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นจะคิดมากเรื่องพวกเขาหรือไม่
ลู่เจียวรีบยกน้ำหวานเข้าไป “ท่านแม่ น้องเล็ก เดินทางมาไกลเช่นนี้ ดื่มน้ำหวานๆ หน่อยเถอะ”
ลู่กุ้ยรับไว้ เถียนซื่อกลับยังไม่ได้รับไว้ นางมองลู่เจียวแล้วพูด “ไป ป้อนน้ำให้บุตรเขยดื่มหน่อย”
ลู่เจียวกลับไม่อยากใกล้ชิดกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นเกินไป ไอ้หมอนี่อยากจะฆ่านางจวนใจจะขาด นางคงไม่ใกล้ชิดเขาอยู่แล้ว
แต่ตอนนี้ลู่เจียวกลับไม่กังวลว่าเขาจะฆ่านางอีก เพราะก่อนหน้านี้ที่ต้าเป่าวางแผนฆ่าตัวเอง ก็เห็นได้ชัดว่าเขาคำนึงถึงบุตรชายตัวเองมาก ดังนั้นในวันข้างหน้า ถ้านางไม่ฆ่าตัวเอง เขาย่อมไม่ฆ่านางอยู่แล้ว
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ลู่เจียวก็ไม่ค่อยอยากเข้าใกล้เซี่ยอวิ๋นจิ่นเหมือนเดิม
“ท่านแม่ ท่านดื่มเถอะ เขาไม่กระหายหรอก”
เถียนซื่อไม่ดื่ม ยังคงพูดว่าให้บุตรเขยดื่มเหมือนเดิม
ลู่เจียวจนหนทาง แค่มองไปที่เซี่ยเอ้อร์จู้ “พี่รอง ท่านป้อนอวิ๋นจิ่นดื่มน้ำหน่อยเถอะ”
เซี่ยเอ้อร์จู้รับไว้ เถียนซื่อกลับขัดขวาง “เจียวเจียว เหตุใดเรื่องอะไรก็ต้องรบกวนพี่รองของเจ้าด้วยล่ะ มีอะไรก็ทำเอง ไป ป้อนน้ำให้บุตรเขยดื่ม”
บุตรเขยได้รับบาดเจ็บ เวลานี้แหละที่ง่ายต่อการคืนดีกันที่สุด
วันข้างหน้าต่อให้บุตรเขยพิการ อย่างน้อยก็ยังเป็นซิ่วไฉ ลู่เจียวแค่ลำบากเลี้ยงดูบุตรทั้งสี่ให้เติบโตก็พอแล้ว
ลู่เจียวมองเถียนซื่อ สลับกับมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นบนเตียง แววตาสื่อให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบปฏิเสธ
เถียนซื่อเร่งเร้า “เอ๊ะ เด็กคนนี้ ให้เจ้าป้อนน้ำสามีก็รีบป้อนสิ มัวแต่ทำอะไรเล่า”
ลู่เจียวสุดทางตันจริงๆ จำใจเข้าไป เวลานี้ แฝดสี่ที่อยู่นอกประตูก็เข้ามา ระหว่างเดินก็เลียริมฝีปากไม่หยุด “หวาน อร่อยจัง”
“อืม แต่ก่อนท่านพ่อเคยป้อนให้พวกเราดื่ม พวกเราไม่ได้ดื่มนานมากแล้ว”
เจ้าแฝดสี่พูดจบ ก็วิ่งไปข้างเตียงเซี่ยอวิ๋นจิ่น “ท่านพ่อ น้ำหวานหวานมาก ดื่มหน่อยเถอะ”
“ท่านรีบดื่มเถอะ หวานอร่อยมาก”
แววตาเซี่ยอวิ๋นจิ่นลุ่มลึกโดยไม่รู้ตัว เขานึกถึงคำพูดของลู่เจียวตอนที่อยู่กลางลาน
นางมีเหตุมีผล ไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง และไม่ถ่อมตัวจนดูต่ำต้อย
แม่นางผู้นี้ราวกับเปลี่ยนไปคนละคน แม่ยายสอนให้กลายเป็นคนดีได้เช่นนี้เลยหรือ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิดพลางมองลู่เจียวด้วยสีหน้าที่ยังคงนิ่งเฉย
ลู่เจียวมองแววตาของเขา พยุงเขาให้เอียงตัวไปด้านข้างเพื่อป้อนน้ำ
เถียนซื่อยิ้มอย่างพอใจ จากนั้นก็โบกมือให้แฝดสี่ “เด็กๆ มาหาท่านยายที”
แฝดสี่ไม่มีอคติต่อเถียนซื่อ เพราะทุกครั้งที่นางมาเยือนก็มักจะเอาของติดไม้ติดมือมาให้พวกเขาด้วย ทว่าแต่ก่อน พอท่านยายกลับไป มารดาสารเลวมักจะแย่งไปกินตลอด
“ท่านยาย”
เถียนซื่อกอดและหอมแก้มของพวกเขา พวกเขาแต่ละคนมีหน้าตาหล่อเหลาเหมือนบุตรเขนมาก
ถึงแม้ฐานะจะยากจน แต่ถ้าเลี้ยงดูแฝดสี่ให้ก้าวหน้าได้ นี่ย่อมสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด
เถียนซื่อครุ่นคิดพลางเอาลูกอมออกมาจากแขนเสื้อหนึ่งเม็ด
“มา ให้พวกเจ้ากินลูกอม”
ลู่กุ้ยที่อยู่ด้านข้างวางถ้วยในมือลง เอาขนมข้าวเหนียวออกจากอกเสื้อสองชิ้น ยื่นให้ต้าเป่าและเอ้อร์เป่า
“มา น้าให้ขนม พวกเจ้าไปแบ่งกันกินเถอะ”
ลู่กุ้ยชอบแฝดสี่คนนี้อย่างมาก ทว่าเขาไม่ชอบพี่สาว เพราะพี่สาวน่ารังเกียจมาก ทุกครั้งที่มาหมู่บ้านเซี่ย เขาก็มักจะได้ยินคนอื่นนินทาต่อว่าพี่สาว ลู่กุ้ยรู้สึกขายหน้า ฉะนั้นทุกครั้งที่มาเยี่ยมพี่สาว เขาก็ไม่อยากพูดอะไรกับนาง
ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นห่วงมารดาที่เดินทางมาคนเดียว เขาคงไม่อยากมาด้วย แต่ทุกครั้งที่เขาได้เจอกับหลานชายสี่คน หัวใจก็ชื่นบาน
เขายื่นมือดึงแฝดสี่มาใกล้แล้วยิ้มปริ “ไป เดี๋ยวน้าพาพวกเจ้าออกไปกินขนมกันด้านนอก”
“อืมๆ”
แฝดสี่ถูกพาออกไปด้านนอก ลู่เจียวป้อนเซี่ยอวิ๋นจิ่นดื่มน้ำหวานไปหนึ่งถ้วย เหนื่อยใจ เหนื่อยใจเหลือเกิน!