ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย – ตอนที่ 29 เจ้าตัวร้ายกระอักเลือด

ตอนที่ 29 เจ้าตัวร้ายกระอักเลือด

ลู่เจียวเดินพลางถามหลี่จั่งกุ้ยด้านข้าง “ในหอยาของพวกเจ้ามีโป๊ยกั๊กและพริกไทยขายหรือไม่” 

หลี่จั่งกุ้ยหันไปมองด้วยความข้องใจ “มี แม่นางจะซื้อไปทำอะไรหรือ” 

ลู่เจียวพูดยิ้มๆ “เอาไปทำหลายอย่างเลย” 

โป๊ยกั๊กและพริกไทยในยุคนี้เอาไว้ใช้เป็นยา นางเอ่ยออกไปไม่ได้ว่าจะเอากลับไปปรุงอาหาร เช่นนั้นคนอื่นจะหาว่านางสติวิปลาส 

ลู่เจียวเดินไปสองสามก้าวแล้วถาม “มีสือเกาหรือไม่” 

ในยุคโบราณ สือเกาก็เป็นยาเช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าหอยาเป่าเหอมีหรือไม่ 

นางอยากใช้สือเกามาทำเต้าหู้ ก่อนหน้านี้นางคิดมาตลอดว่าจะหางานที่มั่นคงให้ตระกูลลู่ทำ ภายหลังอยากสอนพวกเขาทำเต้าหู้ เพียงแต่เต้าหู้ต้องใช้เกลือหรือสือเกา ทว่าโรงเกลือก็ไม่อยู่ที่นี่ เลยต้องใช้สือเกา ไม่รู้ว่าในหอยามีหรือไม่ 

จั่งกุ้ยหันมามองนาง แค่รู้สึกว่าแม่นางบ้านนอกคนนี้แปลกพิลึก เหตุใดมักถามถึงสมุนไพรแปลกประหลาด ของพวกนี้ได้ใช้น้อยมาก 

“มี” 

ลู่เจียวแย้มยิ้มอย่างเบิกบานทันที แล้วรีบหยิบใบสั่งยาที่หมอโจวเขียนให้ก่อนหน้านี้ออกมา 

“จ่ายตัวยาชั้นดีมาสิบชุด แล้วเอาโป๊ยกั๊ก พริกไทย และผักชีล้อมอีกอย่างละครึ่งจิน ส่วนสือเกา ในร้านมีมากเพียงใดก็ชั่งเท่านั้น” 

จั่งกุ้ยเห็นนางซื้อของเยอะขนาดนี้ก็แทบจะพูดไม่ออก “แม่นางจะซื้อไปทำอะไรหรือ” 

“ปรุงยา” 

หลี่จั่งกุ้ยแสดงสีหน้าว่าไม่เชื่อ ของพวกนี้จะไปปรุงยาอะไรได้ แต่ลู่เจียวดูเหมือนไม่อยากบอก เขาก็ไม่ควรถามมาก 

ลู่เจียวถือโอกาสถาม “หอยาเป่าเหอของพวกเจ้ารับซื้อสมุนไพรทุกอย่างเลยหรือ” 

หลี่จั่งกุ้ยพยักหน้า “อืม รับทุกอย่าง แต่สมุนไพรที่แปรรูปแล้วก็จะราคาดีหน่อย ส่วนที่ยังไม่แปรรูปก็จะได้ราคาต่ำ แม่นางอยากขายสมุนไพรหรือ” 

ลู่เจียวพยักหน้า “อืม วันหลังข้ายังต้องรบกวนหลี่จั่งกุ้ยคอยดูแลชี้แนะ” 

หลี่จั่งกุ้ยนึกถึงเห็ดหลินจืออายุห้าสิบปีของลู่เจียว สีหน้าก็ดูดีขึ้นมาก “ไม่มีปัญหา” 

ทั้งสองเดินไปด้านหน้า จั่งกุ้ยบรรจุยาให้นางด้วยตัวเอง ขณะที่ใส่ยาก็ถามลู่เจียวอ้อมๆ ว่าจะเอาโป๊ยกั๊กและพริกไทยไปทำอะไร แต่ลู่เจียวกลับไม่ยอมเปิดเผยแม้แต่น้อย 

จั่งกุ้ยก็รู้สึกนับถือนาง แม่นางคนนี้แม้อ้วนท้วนและดูทึ่มทื่อ ทว่ามีไหวพริบยิ่งนัก 

“ทั้งหมดเจ็ดสิบตำลึงเงินกับอีกหกสิบทองแดง ไม่ต้องจ่ายเศษแล้ว จ่ายแค่เจ็ดสิบตำลึงเงินก็พอ” 

ลู่เจียวเห็นว่าเจ็ดสิบตำลึงเงินหายภายในพริบตา จึงอุทานในใจอีกครั้งว่า ยาสมุนไพรในยุคโบราณล้ำค่าจริงๆ “ขอบคุณหลี่จั่งกุ้ยแล้ว” 

ลู่เจียวเก็บสมุนไพรทุกอย่างเข้าไปในตะกร้าสานอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส แล้วเอาหนึ่งร้อยสามสิบตำลึงเงินที่จั่งกุ้ยทอนให้เก็บเอาไว้ ทีแรกจั่งกุ้ยคิดจะให้ตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึงกับนาง แต่ลู่เจียวกลับปฏิเสธ นางมีห้วงอากาศ จะเก็บเงินเข้าไปเท่าไหร่ก็ไม่หนัก หลี่จั่งกุ้ยมองนางอีกสองคราแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก 

ลู่เจียวถือโอกาสตอนที่ใส่สมุนไพรลงในตะกร้าสาน แอบเก็บเงินไว้ในห้วงอากาศ 

พอเก็บของเรียบร้อย นางก็แบกตะกร้าสานขึ้นหลังแล้วเดินออกไป ยังมีของอีกมากที่ต้องซื้อ 

ในเมื่อมีเงินแล้ว หลังจากนั้นลู่เจียวจึงกระหน่ำซื้อทุกอย่างตามที่ต้องการ ซื้อข้าวสารไปสามสิบจิน แป้งขาวสามสิบจิน น้ำมัน เกลือ ซีอิ๊วและน้ำส้มสายชูอีกมากมาย ไม่ต้องกลัวว่าแพง ซื้อเลย! เสื้อผ้าก็ซื้อเลย! 

ทว่าในร้านเสื้อไม่ค่อยมีเสื้อผ้าเด็ก นางคงต้องซื้อผ้ากลับไปตัดเย็บเอง เลยซื้อแค่ของเซี่ยอวิ๋นจิ่นไปสองชุดเท่านั้น 

นางไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าให้ตัวเอง รอให้ลดความอ้วนสำเร็จก่อนค่อยซื้อ ตอนนี้อ้วนขนาดนี้ ใส่อะไรก็ไม่สวยอยู่แล้ว 

สุดท้ายก็ซื้อลูกกวาดและขนมที่เด็กๆ ชอบไป แล้วยังไม่ลืมถามร้านตีเหล็กว่ามีขวานตัดฟืนและจอบขายหรือไม่ นึกไม่ถึงว่าของใช้สองอย่างนี้จะแพงมากเช่นนี้ ทว่าต่อให้แพงเพียงใด นางก็จำใจซื้อกลับไป 

หลังจากซื้อของทุกอย่างครบถ้วน เงินก็หายไปอีกสิบกว่าตำลึง แต่นางก็พอใจเป็นอย่างยิ่ง 

เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลานัดหมาย นางก็เก็บข้าวของทุกอย่างแล้วไปที่ลานจอดเกวียนควาย 

เวลานี้ทุกคนมากันครบแล้ว รอแค่นางคนเดียว 

เซี่ยหลานเห็นนางก็พูดอย่างหงุดหงิด “ไปซื้ออะไรมาเยอะแยะ ไม่ใช่ว่าเอาค่ายาของพี่สามไปใช้หมดแล้วนะ” 

ลู่เจียวเหยียดยิ้มอย่างไม่เกรงใจ “ถ้าหวังพึ่งแต่เงินห้าตำลึงจากที่บ้านเจ้าให้ พี่สามของเจ้าคงตายไปนานแล้ว วันๆ ได้แต่เอาห้าเงินตำลึงนี้มาพูดถึง ไม่รู้จักอายหรือไร ครั้งนี้ข้าซื้อยาไปสิบชุด เจ้าคิดจะตอบแทนข้าอย่างไร” 

ลู่เจียวเอาแป้ง ข้าวสาร ลูกกวาด และขนมเก็บไว้ในห้วงอากาศ ในตะกร้าสานมีเพียงยาของเซี่ยอวิ๋นจิ่น น้ำมัน เกลือ ซีอิ๊ว และน้ำส้มสายชูเท่านั้น ทุกคนบนเกวียนล้วนเห็นกันถ้วนหน้า 

พวกเขานึกถึงที่เซี่ยเอ้อร์จู้เคยพูดก่อนหน้านี้ เงินห้าตำลึงซื้อยาได้แค่สามชุด สิบชุดก็ต้องเสียไปสิบกว่าตำลึงเงิน 

อันที่จริงแล้ว พวกเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายาสิบชุดนี้ราคาห้าสิบตำลึงเงิน 

คนบนเกวียนอดถอนหายใจไม่ได้ คนบ้านนอกเช่นพวกเขาไม่กล้าปล่อยตัวให้เจ็บป่วยแน่นอน 

เซี่ยหลานไม่โต้เถียงกลับใดๆ ได้แต่ขึงตาใส่ลู่เจียว 

ลู่เจียวก็ไม่อยากสนใจนาง เซี่ยเสี่ยวเจวียนที่อยู่ด้านข้างจับมือลู่เจียว สื่อว่านางอย่าไปสนใจยัยซื่อบื้ออย่างเซี่ยหลานเลย ตอนนี้พี่สะใภ้เป็นคนดูแลพี่ชายของตัวเองทุกอย่าง นางยังจ้องจะเป็นศัตรูของพี่สะใภ้ตัวเองอีก โง่เง่าเกินไปแล้ว 

เกวียนควายรีบเร่งเดินทางกลับหมู่บ้าน เพราะระยะทางไม่ไกลมาก ไม่นานก็ถึง แต่เพิ่งจะเข้าหมู่บ้าน จู่ๆ ก็มีร่างเล็กโผล่ออกมา ทั้งยังส่งเสียงตะโกนดังลั่น 

“ย่าสาม ท่านย่าให้ข้ามาตามท่าน ท่านรีบกลับบ้านเถอะ ที่บ้านเกิดเรื่องแล้ว” 

ลู่เจียวหันไปมองทันที เห็นว่าคนที่วิ่งมาคือต้าโถว จึงถามด้วยความร้อนใจ “ต้าโถว เกิดเรื่องอะไรหรือ” 

ต้าโถววิ่งมาอย่างเหน็ดเหนื่อย พูดทั้งที่ยังหอบฮักๆ อยู่ ทำให้ฟังไม่รู้ความ “ต้านิว…ขโมย…ต้าเป่าพวกเขา…โดนตี…” 

เซี่ยเถี่ยหนิวมองลู่เจียวอย่างร้อนใจ “ให้ข้าส่งเจ้ากลับไปเถอะ” 

ลู่เจียวพยักหน้าทันที ทุกคนบนเกวียนควายก็ไม่ได้คัดค้านอะไร มีเพียงเสิ่นซิ่วที่สีหน้าไม่สู้ดีนัก เมื่อครู่นี้นางได้ยินต้าโถวพูดว่าต้านิว ‘ขโมย’ คงไม่ได้หมายถึงต้านิว บุตรของพี่ชายนางไปทะเลาะตบตีกับพี่สามหรอกนะ 

เสิ่นซิ่วกังวลใจจนไม่อาจสรรหาคำพูดมาอธิบาย กำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว 

เกวียนควายเคลื่อนไปทางทิศตะวันตกของหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว ลู่เจียวไม่รอให้เกวียนควายหยุดนิ่งก็กระโดดลงไปทันที เซี่ยเถี่ยหนิวสะดุ้งตกใจ “ช้าหน่อย” 

ลู่เจียวไม่สนใจอะไร แบกตะกร้าสานพุ่งเข้าไปในบ้าน นางเห็นนอกรั้วบ้านมีคนยืนอยู่ไม่น้อย แล้วยังมีเสียงร้องไห้ของเด็กดังมาจากกลุ่มคนตรงหน้า 

ลู่เจียวรีบเดินไปทางหน้าบ้าน ยังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงร้องไห้โวยวายของเด็กดังขึ้น 

“เสิ่นต้านิว เจ้ามันโจรชั่ว มาขโมยของในบ้านคนอื่นไม่พอ ยังเรียกคนมาตีพวกเราอีก เจ้ามันหน้าไม่อาย ไอ้คนถ่อย พ่อแม่ไม่สั่งสอนหรือไร รอให้ข้าโตก่อนเถอะ ข้าจะถลกหนังตัดเส้นเอ็นของเจ้าให้ขาด เอาให้เจ้าตายตาไม่หลับเลยคอยดู” 

“ข้าเหลืออดแล้ว แต่ละคนจ้องแต่จะรังแกพวกเรา หรือต้องให้พวกเราเอาหัวชนกำแพงตายเสียเลยเล่า” 

เสียงร้องไห้โวยวายเพิ่งจะเงียบหายไป เสียงตวาดอันเย็นยะเยือกก็ดังขึ้นทันที “แม่หม้ายหลี่ เจ้าคิดว่าพวกเรารังแกง่ายนักหรือไร ข้ายังไม่ตายเสียหน่อย” 

ลู่เจียวเดินไปถึงหน้าประตูทางเข้าพอดี คนที่ยืนออกันอยู่หน้าประตูเห็นนางก็รีบหลีกทางให้ หนึ่งในนั้นตะโกนว่า “ภรรยาอวิ๋นจิ่นกลับมาแล้ว” 

“ตอนนี้แม่นางผู้นี้เก่งกาจมาก ไม่รู้ว่านางจะจัดการกับทั้งครอบครัวแม่หม้ายหลี่อย่างไร” 

ลู่เจียวไม่สนว่าชาวบ้านจะพูดอะไร เงยหน้ามองคนที่อยู่ในลานบ้าน 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นพิงกรอบประตู สองมือจับราว สายตาจับจ้องแม่หม้ายหลี่คล้ายกับจะฆ่าแกงกัน 

ทว่าบนใบหน้าของเขาไม่มีเลือดฝาดแม้แต่น้อย ไม่เพียงแต่หน้าซีดเซียวเท่านั้น หลังจากที่เขาตวาดด้วยเสียงเย็นชาจบ ก็กระอักเลือดออกจากปาก 

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

Status: Ongoing

เพราะสามีดันเป็น ‘ตัวร้าย’ สุดโหด ภารกิจแก้เดธแฟลคจึงเริ่มต้นขึ้น!

แพทย์ทหารจิตใจงดงามจากศตวรรษที่ 21 ผู้หนึ่งได้รับบาดเจ็บจนต้องนอนโรงพยาบาลเลยซื้อนิยายมาอ่าน

ในเนื้อหานิยายมีตัวร้ายอยู่สี่คน ไม่มีเรื่องชั่วใดไม่ทำ สังหารคนโดยไม่กะพริบตา

ทว่าภายหลังตัวร้ายสี่คนนี้ถูกพระเอกนางเอกร่วมมือกันสังหาร แต่ชายสี่คนนี้ดันมีบิดาเป็นถึงโส่วฝู่

เพื่อที่จะแก้แค้นแทนบุตรชาย เขาจึงกลายเป็นจอมปีศาจชั่วร้าย

สุดท้ายพระเอกนางเอกล้วนถูกฆ่าตาย…และนางก็ดันทะลุมิติเข้ามาเป็นภรรยาที่จะตายแต่ยังสาวของตัวร้ายผู้นั้น!

เพื่อเปลี่ยนชะตาความตายที่จะเกิดขึ้นนางจำต้องหลีกหนีให้ไกลจากตัวร้ายผู้นี้

ทั้งสองจึงทำสัญญากันหากนางสามารถรักษาขาที่บาดเจ็บของ เซี่ยอวิ๋นจิ่น ตัวร้ายจอมโหดจนหายดีได้

เขาจะหย่าให้นาง และนางจะได้ไปใช้ชีวิตอิสระหลีกหนีเดธแฟลคที่จะเกิดขึ้น!

ปฏิบัติการการเอาอกเอาใจสามีตัวร้ายและขุนลูกชายแฝดสี่ให้จ้ำม่ำจึงเริ่มต้นขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท