ตอนที่ 60 เอาของดีให้เจ้า
ลู่เจียวพูดจบก็เริ่มแนะนำสูตรยาแก้พิษงูทั้งสามชนิด รอให้ฉีเหล่ยเขียนทั้งสามสูตรตามที่นางบอกเสร็จ ก็บอกฉีเหล่ยว่า
“ถ้างูที่มีพิษลมทั่วไป ไม่ต้องผสมตะขาบและแมงป่องก็ได้”
ฉีเหล่ยพยักหน้าไม่หยุด สูตรยาแก้พิษงูพวกนี้แก้ได้ทุกพิษ ช่างดีจริงๆ
ฉีเหล่ยดีใจจนพูดไม่ออก จึงควักสามร้อยกว่าตำลึงเงินให้ลู่เจียว
ลู่เจียวก็ดีใจ หอมตั๋วเงินด้วยสีหน้าเบิกบาน
มีเงินแล้วไม่เลวจริงๆ
แฝดสี่ยืนมองจาหหน้าประตู ลู่เจียวกวักมือเรียกพวกเขาเข้ามา แล้วลูบศีรษะของพวกเขา
“แม่มีเงินแล้ว ต่อไปอยากกินอะไรหรืออยากเล่นอะไรก็บอกได้เลย”
แฝดสี่พลันคลี่ยิ้ม ท่านแม่หาเงินได้แล้ว เยี่ยมจริงๆ
ฉีเหล่ยมองพวกเขาด้วยแววตาชื่นมื่น รู้สึกว่าภาพตรงหน้าอบอุ่นเหลือเกิน ทำให้เขาค่อนข้างอิจฉา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่บนเตียงด้านหลังอยากจะหารูมุด นางทำท่าทางซื่อบื้อขนาดนี้ น่าอายจริงๆ
ฉีเหล่ยได้สูตรยาแก้พิษมาก็ไม่คิดจะอยู่ต่อ หันไปมองลู่เจียวแล้วพูดว่า “แม่นางลู่ ข้าขอตัวกลับก่อน”
“ข้าไปส่งเจ้า”
ฉีเหล่ยกล่าวลาเซี่ยอวิ๋นจิ่นแล้วเดินออกไปโดยมีลู่เจียวตามไปส่ง เซี่ยอวิ๋นจิ่นที่นอนมองอยู่ก็รู้สึกว่าสองคนนี้ขวางหูขวางตานัก สีหน้าจึงเย็นชาขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ลู่เจียวไม่รู้ตัวสักนิด เดินไปส่งฉีเหล่ยอย่างดีอกดีใจ
เพียงแต่พวกเขาสองคนเพิ่งจะเดินไปถึงหน้าลานบ้าน ก็มีคนเร่งรีบเข้ามาจากนอกรั้ว คนพวกนั้นเดินไปคุกเข่าลงหน้าฉีเหล่ย
“ท่านคือหมอฉีประจำหอยาเป่าเหอหรือ ได้โปรดช่วยเอ้อร์ตั้นของข้าที”
“หมอฉี เอ้อร์ตั้นของข้าไข้ขึ้นสูง ก่อนหน้านี้ไปหาหมอที่หอยาเป่าเหอ กินยาลดไข้ไปแล้ว แต่ผ่านไปไม่นานไข้ก็ขึ้นสูงอีกแล้ว ลูกของข้าดูเหมือนไม่ไหวแล้ว หมอฉีช่วยไปดูอาการลูกข้าที”
“ได้โปรดเถอะ”
ฉีเหล่ยได้ยินเช่นนี้ ก็ไม่ชักช้าแม้แต่น้อย ทั้งยังพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “พวกเจ้าลุกขึ้นเถอะ ข้าจะตามพวกเจ้าไปดูอาการเด็กเดี๋ยวนี้”
สิ้นเสียงก็หันไปมองลู่เจียวที่อยู่ด้านข้าง “จะไปด้วยกันหรือไม่”
ลู่เจียวส่ายหัว เซี่ยอวิ๋นจิ่นยังไม่ได้ดื่มยา นางต้องไปป้อนยาเขาก่อน
เรื่องที่ลูกสกุลหลินไข้ขึ้นสูงก็มีฉีเหล่ยอยู่แล้ว ไม่น่าเกิดปัญหา
ลู่เจียวหันหลังเดินกลับครัว เถียนซื่อและลู่กุ้ยที่อยู่ในครัวเห็นนางก็ล้วนมีสีหน้าตกตะลึง
“เจียวเจียว เจ้าแก้พิษงูได้ด้วยหรือ”
“พี่เจียว ท่านรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร”
ลู่เจียวแสร้งทำสายตาเศร้าสร้อย แล้วค่อยเงยหน้ามองเถียนซื่อทันที “ท่านแม่ ท่านจำแม่เฒ่าหวงที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านพวกเราได้หรือไม่”
เถียนซื่อพยักหน้า แล้วพูดขึ้นทันที “แม่เฒ่าที่เจ้าไปเที่ยวหาบ่อยๆ หรือ”
ตอนนั้นลูกสาวนางป่วยออดๆ แอดๆ นางไม่อยากให้ลูกสาวต้องเหนื่อยทำงาน จึงปล่อยอยู่แต่ในบ้าน ตอนที่ลู่เจียวไม่มีอะไรทำ ก็มักจะไปเล่นที่บ้านแม่เฒ่าหวง
อันที่จริงเถียนซื่อไม่อยากให้นางไป แม่เฒ่าหวงดูสันโดษ ซ้ำยังเป็นผู้ลี้ภัยจากต่างถิ่น เถียนซื่อกลัวว่าบุตรีจะโดนเอารัดเอาเปรียบ
แต่ใครจะไปรู้ว่าบุตรีกับแม่เฒ่าคนนั้นจะคบหากันได้หลายปี
ลู่เจียวพูดช้าๆ “อันที่จริงแม่เฒ่าหวงรู้วิชาแพทย์ หลายปีที่ผ่านมา ข้าไปที่นั่น ก็เพื่อเรียนวิชากับนาง”
เถียนซื่อตกตะลึง “ทำไมถึงไม่เคยได้ยินเจ้าพูดเลย”
ลู่เจียวกุมมือเถียนซื่อไว้แล้วคลี่ยิ้้ม “แม่เฒ่าหวงไม่ให้ข้าพูด นางบอกว่าไม่อยากรักษาใคร”
อย่างไรตอนนี้แม่เฒ่าก็ไม่อยู่ในโลกนี้แล้ว คนตายย่อมพูดไม่ได้
กล่าวไปแล้ว แม่เฒ่าคนนั้นก็ชอบเด็ดพืชพันธุ์แปลกๆ ในป่ากลับมาจริงๆ ไม่ได้เอามาชงเป็นชาก็เอาไปดื่มเป็นน้ำ เรื่องนี้ตรงตามสิ่งที่ลู่เจียวพูดจริงๆ
เถียนซื่อได้ยินคำพูดของลู่เจียวก็ตกตะลึง แต่ไม่นานก็พูดอย่างชื่นใจ “เช่นนั้นก็หมายความว่า เจียวเจียวของข้าก็ดูอาการคนเป็นด้วยล่ะสิ”
ลู่เจียวพยักหน้าพลางกะพริบตาปริบๆ “ใช่แล้ว ท่านแม่”
เถียนซื่อพลันยิ้มอย่างเบิกบาน “ดี วันหลังอวิ๋นจิ่นลุกขึ้นนั่งได้ จะได้เปิดสถาบันสอนส่วนตัว ส่วนเจ้าก็รักษาผู้ป่วยได้ ไอ๊หยา ชีวิตต้องรุ่งโรจน์แน่ๆ”
ลู่กุ้ยมองเถียนซื่อสลับกับลู่เจียว เหตุใดเขาถึงรู้สึกว่าไม่ค่อยสมเหตุสมผล หากพี่สาวมีความสามารถด้านนี้จริงๆ เหตุใดก่อนหน้านี้ถึงไม่รักษาผู้ป่วยที่บ้าน
ลู่เจียวไม่ปล่อยให้ลู่กุ้ยมีโอกาสพูดก็บอกเขา “ใช่แล้ว เดี๋ยวเจ้ากินมื้อเที่ยงเสร็จก็กลับไปเถอะ ให้ท่านแม่อยู่ต่อที่นี่แหละ”
ลู่กุ้ยได้ยินนางพูดก็รีบประจบสอพลอ “พี่เจียว ข้าจะอยู่ช่วยท่านทำงานที่นี่ ยังไม่รีบกลับไป”
เขาอยู่เกลี้ยกล่อมมารดาให้กลับไปพร้อมกันดีกว่า ถ้าให้เขากลับไปคนเดียว มีหวังจะโดนบิดาเฆี่ยนตี
ลู่เจียวมองลู่กุ้ยด้วยความแปลกใจ “เจ้าไม่ได้เป็นบริกรร้านในเมืองหรือ เหตุใดบอกว่าไม่ไปก็ไม่ไปเช่นนี้ แล้วจั่งกุ้ยจะยังรับเจ้าทำงานอีกหรือ”
สีหน้าลู่กุ้ยหม่นหมอง แล้วพูดอย่างอัดอั้นใจ “งานนั้นโดนคนอื่นแทนที่ไปแล้ว คนที่มาแทนก็คือญาติของจั่งกุ้ยนี่แหละ”
ลู่เจียวมองเขา ก็คิดขึ้นมาได้ว่าจะให้สกุลลู่ทำเต้าหู้ขาย หากเรื่องนี้สำเร็จ ลู่กุ้ยจะได้อยู่ทำงานที่บ้าน ไม่ต้องออกไปเป็นบริกรในเมืองอีก
ทว่าลู่เจียวยังไม่คิดจะพูดตอนนี้ รอให้เขาโศกเศร้าไปสักพักก่อน
คิดแล้วลู่เจียวก็ยื่นมือไปรับยาต้มจากเถียนซื่อ “ท่านแม่ ข้าไปป้อนยาอวิ๋นจิ่นก่อน”
แฝดสี่กำลังล้อมอยู่รอบเตียงของเซี่ยอวิ๋นจิ่น พูดคุยกับบิดาอย่างมีความสุข
“ท่านพ่อ ท่านแม่หาเงินได้ บ้านพวกเรามีเงินแล้ว ตอนนี้มีเงินมารักษาท่านพ่อแล้ว”
“ท่านพ่อต้องหายเร็วแน่นอน ถ้าหายดีก็ไปเรียนหนังสือต่อ วันข้างหน้าจะได้กลายเป็นขุนนางชั้นสูง”
“แล้วท่านพ่อจะได้เล่นเป็นเพื่อนพวกเราได้ด้วย ต้องพาพวกเราไปเที่ยวในเมืองด้วยล่ะ”
แฝดสี่พูดอย่างมีความสุข กลับไม่รู้ว่ามีเงินก็ไม่ได้หมายความว่าขาของบิดาจะหาย
ภายในดวงตาของเซี่ยอวิ๋นจิ่นดูหม่นหมอง ทว่าเขาพยายามกลบเกลื่อน เพียงคลี่ยิ้มจางๆ “อืม”
ลู่เจียวยกยาเข้ามา แฝดสี่วิ่งมาเงยหน้ามองนางอย่างยินดี “บ้านพวกเรามีเงินแล้ว เช่นนั้นท่านพ่อก็จะหายดีใช่หรือไม่”
ลู่เจียวพยักหน้า “อืม ดังนั้นพวกเจ้าอย่ากังวลใจไปเลย ออกไปเล่นกับเสี่ยวเฮยและฮวาฮวาเถอะ ให้แม่ป้อนยาพ่อเจ้าก่อน”
แฝดสี่พยักหน้าทันที แววตาเคล้าด้วยความชื่นชมยินดี ไม่ได้ดูหวาดผวาและกระวนกระวายเหมือนก่อนหน้านี้
หลังจากพวกเขาวิ่งออกไป ลู่เจียวก็ยกยาป้อนเซี่ยอวิ๋นจิ่น
“ดื่มอีกสองสามวัน คิดว่าน่าจะนั่งได้แล้ว ถึงเวลานั้นเจ้าจะได้ขยับร่างกายบนเตียงหน่อย นอนเฉยๆ มานานขนาดนี้คงทรมานน่าดู”
สองวันมานี้เขาดื่มยาชั้นดี ยาพวกนั้นมีส่วนผสมของเห็ดหลินจือและตังกุย รวมไปถึงน้ำแร่จากน้ำพุจิตวิญญาณ ถึงได้หายเร็วขนาดนี้
ลู่เจียวป้อนยาเสร็จ ก็นึกถึงเลือดเนื้อทรายในห้วงอากาศ จึงพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้ารอก่อน ข้ามีของดีให้เจ้าดื่ม”
สิ้นเสียงก็ยกถ้วยเปล่าเดินออกไปด้านนอก เซี่ยอวิ๋นจิ่นเลิกคิ้วมองนางจากไป กำลังเดาว่าของดีที่นางเอ่ยคืออะไร
จนกระทั่งลู่เจียวยกเลือดเนื้อทรายเข้ามาถ้วยใหญ่