ตอนที่ 55 หย่ากับนางในไม่ช้าก็เร็ว
ลู่เจียวคิดแล้วก็คลี่ยิ้มสดใส แล้วหันหลังเดินออกมา ทว่าตอนถึงประตู รอยยิ้มก็จางหายไปพร้อมสีหน้าเศร้าสร้อยมาแทนที่
เถียนซื่อจ้องหร่วนซื่อที่ร้องไห้โวยวายอยู่หน้าประตูห้องโถง ทั้งยังด่าอย่างเดือดดาล “นางสารเลว คิดจะทำลายชื่อเสียงของลูกสาวข้าอีกแล้วใช่ไหม ที่ผ่านมา ลูกสาวข้าต้องเสียชื่อก็เพราะเจ้า ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเจ้าถึงยังมีหน้ามาเอาของที่บ้านลูกเขยข้าเช่นนี้ เจ้าดูสภาพบ้านหลังนี้สิ ไม่มีอะไรดีเลย”
น่าเสียดายที่หร่วนซื่อไม่แม้แต่จะฟัง นางหลับตาร้องไห้โวยวาย
“ข้าไม่อยากมีชีวิตต่อไปแล้ว สะใภ้อกตัญญูต่อข้าแบบนี้ ให้ข้าตายเสียเถอะ”
ตอนนี้ มีชาวบ้านมามุงดูเรื่องสนุกนอกรั้วบ้านลู่อยู่ไม่น้อย
คนส่วนมากคิดว่าหร่วนซื่อไม่มีเหตุผล แต่แน่นอนว่าก็มีคนต่อว่าลู่เจียวไม่ดีเช่นกัน พวกเขาเห็นปัญญาชนสี่คนนี้หอบข้าวหอบของมาไม่น้อย นางแบ่งอะไรให้หร่วนซื่อหน่อยก็ยังดี อย่างไรแม่เฒ่าคนนี้ก็คือแม่สามีนาง
เถียนซื่อที่อยู่หน้าประตูห้องโถงยังอยากด่าต่อ แต่ลู่เจียวกลับเดินออกรั้งนางไว้ แล้วมองหร่วนซื่อที่อยู่บนพื้นด้วยแววตาเศร้าโศก
“ท่านแม่ ข้าไม่ใช่ไม่อยากให้อะไรท่าน แต่ถ้าข้าเอาของพวกนี้ไปขายในเมือง ก็น่าจะได้เงินมารักษาอวิ๋นจิ่นไม่น้อย ตอนนี้ต้องรักษาอวิ๋นจิ่นให้หายก่อน”
คำพูดของลู่เจียวทำให้ชาวบ้านเห็นใจนางไม่น้อย จึงไม่หาว่าลู่เจียวไม่ดีอีกต่อไป
ภรรยาของอวิ๋นจิ่นก็ลำบากไม่น้อย แล้วยังต้องหาเงินรักษาคนพิการติดเตียงด้วย
ลู่เจียวไม่สนใจชาวบ้าน เพียงมองหร่วนซื่อบนพื้นแล้วกล่าวต่อ
“ท่านแม่ เจ้าสี่สั่งให้ท่านแม่มาเอาของใช่หรือไม่ เขาจะบีบบังคับให้อวิ๋นจิ่นตรอมใจตายถึงจะสาแก่ใจใช่ไหม ก่อนหน้านี้ เพื่อที่เขาจะสู่ขอสะใภ้เข้าบ้านอย่างมีหน้ามีตา ถึงขั้นสั่งให้ท่านไล่อวิ๋นจิ่นที่ยังบาดเจ็บสาหัสออกจากบ้าน
ตอนนี้พอเห็นว่าสหายของอวิ๋นจิ่นส่งของมา เขาก็สั่งให้ท่านแม่มาเอาของพวกนี้ไปเป็นสินสอดของเขาใช่หรือไม่”
ลู่เจียวกล่าวจบ เสียงร้องไห้ก็ดังขึ้นจากด้านหลังนางทันที
ลู่เจียวหันไปมองก็เห็นสี่แฝดกำลังร้องไห้ แม้แต่ต้าเป่าที่ไม่เคยร้องไห้มาก่อน ก็ยังร้องไห้ขี้มูกโป่ง
ต้าเป่าร้องไห้พลางพูด “ท่านย่า ท่านไม่รักพวกเราใช่หรือไม่ ท่านรักแต่อาสี่ ตอนอยู่เรือนใหญ่ อาสี่มีไข่กินทุกวัน พวกเราไม่เคยได้กินแม้แต่ฟองเดียว อาสี่ได้ดื่มน้ำหวานทุกวัน แต่พวกเราไม่เคยได้ดื่มเลย แล้วอาสี่ยังได้ใส่เสื้อผ้าตัวใหม่ พวกเราไม่เคยได้ใส่แม้แต่ชุดเดียว”
แฝดสี่ยิ่งพูดก็ยิ่งเศร้าระทม ลู่เจียวเห็นพวกเขาเสียใจก็เสียใจตามไม่น้อย นางค้อมตัวลงไปอุ้มพวกเขาขึ้นมาปลอบโยน
“เด็กดี อย่าเสียใจไปเลย”
ขณะที่ลู่เจียวกำลังปลอบใจพวกเขา ต้าเป่าก็กระซิบข้างหูนางเสียงแผ่วเบา “พวกเราแกล้งทำเป็นเสียใจเท่านั้น”
ลู่เจียวถึงกับเหงื่อท่วมหน้าผาก ส่วนแฝดสี่ยังคงแสร้งทำเป็นร้องไห้เสียใจ
ตรงหน้าประตูห้องโถง แม่ลูกทั้งห้าต่างก็แสดงละครตบตาคนอื่น ชาวบ้านที่มุงดูพากันน้ำตาคลอ แต่ละคนต่อว่าว่าเซี่ยอวิ๋นหวานั้นสารเลว
ก่อนหน้านี้เซี่ยเหล่าไท่หาว่าลู่เจียวไร้หัวใจ ทั้งแย่งของกิน แล้วยังตีลูกตัวเองอย่างไร้เหตุผล เป็นแม่แท้ๆ แต่ไม่หาเสื้อผ้าให้ลูกใส่
สุดท้ายกลับกลายเป็นบุตรคนที่สี่ของนางไม่ดีเอง
หร่วนซื่อได้ยินพวกเขาพูดเช่นนี้ ก็เดือดดาลจนเลือดขึ้นหน้า เงยหน้าตวาดใส่แฝดสี่
“หุบปากไปเดี๋ยวนี้ พวกเจ้าไม่มีจิตสำนึก ลืมไปแล้วหรือว่าอาสี่เอาของกินให้พวกเจ้าเป็นประจำ”
แฝดสี่ร้องไห้ฟูมฟายเสียงดังกว่าเดิม
เดิมทีพวกเขาก็พูดจาฉะฉานอยู่แล้ว เวลานี้กลับรู้จักโน้มน้าวใจคนได้เก่งกว่าเดิม
ต้าเป่าพยายามอดกลั้นความเสียใจไว้ มองหร่วนซื่อด้วยแววตาเศร้าโศก
“นั่นเป็นเงินของพ่อข้าทั้งนั้น ท่านพ่อให้เงินท่านไปซื้อของอร่อยให้พวกเรา ท่านกลับซื้อให้แต่อาสี่ อาสี่ได้กินไข่ ดื่มน้ำหวาน กินขนมทุกวัน แล้วยังได้ใส่เสื้อผ้าตัวใหม่อีกด้วย แต่พวกเรากลับไม่เคยได้อะไรสักอย่าง”
เอ้อร์เป่าเสียใจจนเอาแขนเสื้อเช็ดน้ำตา “ท่านย่าใจร้าย ที่จริงในบ้านมีของดีมากมาย แต่ท่านกลับให้อาสี่และอาสาม ไม่ยอมให้พวกเรากิน ฮือๆ ทำไมพวกเราถึงมีชีวิตลำบากแบบนี้ ทำไมถึงได้มีท่านย่าที่ใจดำเช่นนี้”
ซานเป่าพูดเสริม “อาสี่ได้ใส่เสื้อผ้าสวยๆ ทุกวัน พวกเรากลับไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าใส่ ฮือๆ”
ที่จริงซื่อเป่าเห็นสถานการณ์ตรงหน้าก็ค่อนข้างหวาดกลัว แต่พอเห็นพี่ชายสามคนแสดงเก่งแบบนี้ ตนเองก็ต้องแสดงเรียกคะแนนความสงสารบ้าง
เขามองมารดาเพียงปราดเดียวก็ทิ้งความหวาดกลัว ร้องไห้ระบายความทุกข์
“อาสี่ไม่ทำอะไรเลย วันๆ เอาแต่กินนอนเที่ยวเล่น ฮือๆ ท่านย่าให้พวกเราหาไส้เดือนให้ไก่กิน แต่ท่านกลับไม่หาข้าวหาปลาให้พวกเรากินบ้างเลย”
หร่วนซื่อจนปัญญา นางกัดฟันกรอด พยายามคลานเข้ามาหาตีแฝดสี่
“ไอ้พวกสัตว์เดรัจฉาน ข้าจะตีพวกเจ้าให้ตายไปเลย ใครสั่งใครสอนให้พวกเจ้าทำลายชื่อเสียงของอาสี่”
แฝดสี่หลบไปด้านหลัง ลู่เจียวปกป้องพวกเขาไว้ นางกัดฟันกรอด ตะคอกเสียงดัง “ท่านแม่ เจ้าสี่จะบีบบังคับให้พวกเราทั้งบ้านจนมุมจนตรอมใจตายเลยหรือ เขากล้าทำเช่นนี้ ข้าเป็นพี่สะใภ้เขาก็กล้าสั่งสอนเขาเช่นกัน ดูสิว่าข้าจะสั่งสอนไอ้คนตะกละเกียจคร้านอย่างไร”
ลู่เจียวตะคอกเสียงดังจบก็สาวเท้าออกไปนอกบ้าน หมายจะไปลากคอเจ้าสี่มาสั่งสอน
หร่วนซื่อเห็นก็ชักสีหน้า วิ่งตามนางไป ทั้งยังด่าสาดเสีเทเสีย “กล้าดีอย่างไรไปสั่งสอนเจ้าสี่ หน็อยแน่”
ลู่เจียวชะงักฝีเท้าแล้วหันมาถลึงตามองหร่วนซื่อ พร้อมพูดเสียงเย็น “ถ้าเขายังสั่งให้ท่านแม่มาหาเรื่องที่บ้านข้าอีก ข้าจะไปสั่งสอนเขาให้หลาบจำแน่นอน”
หน้าประตูใหญ่ สกุลซย่าก็มาเกลี้ยกล่อมหร่วนซื่อ “น้องสะใภ้สี่ หยุดโวยวายได้แล้ว รีบกลับบ้านเถอะ เจ้าไม่เห็นใจอวิ๋นจิ่นที่ยังนอนพิการบนเตียงเลยหรือ”
หร่วนซื่อยังอยากพูดอะไรต่อ ซย่าซื่อกลับลากตัวนางออกไป ครั้งนี้หร่วนซื่อเองก็ไม่ขัดขืน
เพราะนางกลัวว่าลู่เจียวจะไปสั่งสอนบุตรคนเล็กจริงๆ ได้ข่าวว่านางสั่งสอนเสิ่นเสี่ยวซานเมื่อคราวที่แล้ว บนร่างเสิ่นเสี่ยวซานไม่มีแม้แต่รอยแผล แต่ถึงกับต้องนอนเป็นผักไปสามวันเต็มๆ ถ้าลู่เจียวไปสั่งสอนบุตรชายนางเข้าจริงๆ เจ้าสี่ก็คงต้องทุกข์ทรมานไม่ต่างอะไรจากเสิ่นเสี่ยวซาน
หร่วนซื่อเดินกลับบ้านไป ตลอดทางก็ด่าไม่หยุด
เซี่ยหลานและเฉินหลิ่วที่อยู่ด้านหลังมองหร่วนซื่อจากไปอย่างเหลือเชื่อ กลับไปง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ ของล่ะ ไม่เอาแล้วหรือ
ลู่เจียวหันไปมองเซี่ยหลานและเฉินหลิ่ว
ทั้งสองทั้งหวาดกลัวทั้งอยากได้ของในห้องโถง จึงลองเอ่ยปาก
“พี่สะใภ้สาม อย่างไรก็ควรแบ่งของพวกนี้ให้ท่านแม่หน่อยไหม กตัญญูรู้คุณเป็นเรื่องสำคัญ เจ้าทำแบบนี้ ไม่กลัวคนอื่นหาว่าเจ้าไร้คุณธรรมหรือ”
“น้องสะใภ้สาม ข้าเห็นของในห้องโถงนี้ไม่น้อยเลย แบ่งครึ่งหนึ่งให้พ่อแม่ ก็ถือว่าเป็นแสดงความกตัญญู”
ลู่เจียวชี้หน้าเหยียดหยามพวกนาง “ข้าบอกแล้วว่าจะเอาของพวกนี้ไปขาย พวกเจ้าไสหัวไปเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะลากตัวพวกเจ้าออกไปเอง”
เซี่ยหลานและเฉินหลิ่นหงุดหงิดแต่ทำอะไรไม่ได้ ขณะเดินออกจากบ้านก็ด่าออกมา “นังคนใจแคบ ไม่ช้าข้าจะให้พี่สามหย่ากับเจ้า”
“สะใภ้อตัญญูอย่างเจ้า สมควรไล่ออกจากบ้านเซี่ย มีของดีกลับไม่รู้จักแบ่งพ่อแม่”
ลู่เจียวพูดอย่างไม่เป็นมิตร “ถ้าเอาของพวกนี้ให้พ่อแม่ ข้าก็ไม่ว่าอะไร แต่ของที่ข้าจะเอาไปกตัญญูกลับตกเป็นของพวกเจ้าและเจ้าสี่ พวกเจ้าเป็นบิดามารดาข้าหรือ”