ตอนที่ 75 พวกเราไม่ให้ท่านพ่อไปมีบุตรกับคนอื่น
คำพูดสุดท้ายของเซี่ยอวิ๋นจิ่น เป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิตของเสิ่นซิ่ว หน้านางซีดจนน่ากลัว ตัวสั่นงันงกจนเกือบเป็นลมหมดสติไป
นางนึกว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นจะรู้สึกกับนางต่างกับหญิงอื่น อย่างไรในหมู่บ้านก็มีแค่นางที่ได้คุยกับเขา พอเป็นหญิงอื่นเขาก็ไม่เคยสนใจ
แต่นึกไม่ถึงว่าเขากลับรังเกียจที่นางมีความคิดสกปรก
จิตใจของเสิ่นซิ่วถูกคำพูดของเซี่ยอวิ๋นจิ่นกระแทก สมองไม่สั่งการ ทั้งเรือนร่างหมดเรี่ยวแรง
ทันใดนั้นก็มีคนเบียดเข้ามาจากนอกเรือน คนคนนั้นคือหลัววั่งไฉ
หลัววั่งไฉเห็นลู่เจียว ขาก็ค่อนข้างอ่อนแรง เขายื่นมือชี้เสิ่นซิ่ว “ข้ามาพานางกลับไป”
เขาพูดจบก็เดินเข้ามาในเรือน ลากตัวเสิ่นซิ่วเดินออกไปด้านนอก
ก่อนหน้านี้หลัววั่งไฉยังถือว่าต้องตาต้องใจนางอยู่ไม่น้อย คิดจะสู่ขอนางเป็นภรรยาจากใจจริง ตอนนี้กลับเจ็บใจเล็กน้อย เพราะนางยังคงเฝ้าคะนึงเซี่ยอวิ๋นจิ่นตลอดเวลา
แน่นอนว่านางคงทำได้เพียงเฝ้าคะนึงถึงแต่ทำอะไรไม่ได้
แต่นางยังอยากแต่งให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น นางยอมไปเป็นอนุภรรยาของคนอื่น แต่ไม่ยอมไปเป็นภรรยาเอกของหลัววั่งไฉ ทำให้เห็นว่านางรังเกียจเขามากเพียงใด
ต่อให้เขาสู่ขอสตรีผูนี้มาเป็นภรรยาได้จริงๆ ก็อย่าทุ่มเทกับนางนักเลย
หลัววั่งไฉจึงลากตัวนางออกไปเหมือนลากหมาที่ตายข้างถนน
ลู่เจียวที่มองชาวบ้านที่มาดูเรื่องสนุกเพียงปราดเดียว “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับบ้านข้า ทุกคนกลับบ้านกันเถอะ”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้าจริงๆ นางสติไม่ดีเอง”
“ภรรยาอวิ๋นจิ่น เจ้าอย่าไปโกรธเลย อย่าไปสนใจคนบ้าเลย”
ลู่เจียวส่งชาวบ้านออกไปด้านความเกรงใจ จากนั้นก็ตามลู่กุ้ยและเถียนซื่อมากินมื้อเย็น
แฝดสี่ทำหน้าฉงนสงสัย เอ่ยถามลู่เจียวด้วยความข้องใจ “ท่านแม่ อะไรคืออนุ”
ลู่เจียวยกมุมปาก ดันเด็กๆ ไปข้างกายเถียนซื่อ “เป็นเด็กเป็นเล็ก อย่าถามอะไรไปเรื่อย”
น่าเสียดายที่แฝดสี่ไม่ยอมไปไหน ยังคงยืนรอคำตอบจากลู่เจียว
ลู่เจียวอธิบายสั้นๆ ไม่คิดปิดบังแม้แต่นิด “อนุภรรยาก็คือภรรยาที่พ่อเจ้าสู่ขอมาอยู่ในเรือนอีกคน วันข้างหน้าจะเป็นคนที่มีลูกให้พ่อเจ้า”
ทีแรกลู่เจียวยังอยากอธิบายด้วยคำพูดที่ลึกซึ้งกว่านี้ แต่แฝดสี่ยังเด็กเกินไป เลยเปลี่ยนคำพูดเป็นมีลูกแทน
เมื่อแฝดสี่ได้ยินคำพูดนี้ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก พากันหันหลังวิ่งเข้าไปในเรือน ลู่เจียวและเถียนซื่อเพิ่งจะยกอาหารเข้าไปในห้องโถง ก็ได้ยินเสียงอ้อนวอนของแฝดสี่ดังจากเรือนตะวันออก
“ท่านพ่อ พวกเราไม่อยากให้ท่านสู่ขอภรรยาอีกคน”
“ท่านพ่อ ท่านอย่ามีอนุได้ไหม อย่ามีลูกกับนาง โตมาพวกเราจะกตัญญูต่อท่านเอง”
“ฮือ ถ้าท่านพ่อมีลูกกับอนุ พวกเราจะไม่เอาท่านพ่ออีก”
แฝดสี่รู้สึกว่าถ้าบิดามีบุตรกับคนอื่นก็จะไม่ใช่บิดาของตัวเองอีก ถ้าเขาอยากมีบุตรจริงๆ ก็ให้มีกับมารดา พวกเขายังพอรับได้ ยังรู้สึกว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นสีหน้าดำคล้ำ แล้วขานเรียกคนด้านนอกเข้ามา “ลู่เจียว”
ลู่เจียวกำลังจัดถ้วยตะเกียบอยู่ด้านนอก ย่อมได้ยินคำพูดของแฝดสี่อยู่แล้ว นางย่นคอ สีหน้ารู้สึกผิด อันที่จริงนางเพียงแค่อธิบายสั้นๆ ให้แฝดสี่พอเข้าใจเท่านั้น
เถี่ยนซื่อย่อมฟังออกว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นกำลังโกรธก็ถลึงตามองลูกสาวทีหนึ่ง นัยว่าห้ามพูดอะไรเหลวไหล
ลู่เจียวจะพูดอะไรได้ ทำได้เพียงยอมรับความผิดกับอวิ๋นจิ่น
อวิ๋นจิ่นจ้องหน้านางอย่างดุดัน “เจ้าพูดอะไรเหลวไหลให้เด็กๆ ฟัง”
ลู่เจียวพลันอธิบายขึ้น “ข้าก็แค่อธิบายสั้นๆ เท่านั้น”
กล่าวจบนางก็มองแฝดสี่ “พวกเจ้าอย่าเสียใจไปเลย ต่อให้พ่อของพวกเจ้ามีอนุ พวกเจ้ายังคงเป็นลูกที่เขารักที่สุด”
ใครจะไปรู้ว่านางเพิ่งจะพูดจบ แฝดสี่ก็ร้องไห้ดังลั่นไปบ้าน แต่นพ่อก็ยังจะมีลูกกับคนอื่นอยู่ดี
“ข้าไม่อยากให้ท่านพ่อมีลูกกับคนอื่น”
“ท่านพ่อเป็นของพวกเรา ไม่อยากให้เด็กคนอื่นเรียกท่านพ่อเหมือนพวกเรา”
“ฮือๆ ท่านพ่อ ถ้าท่านมีลูกกับคนอื่น ข้าจะหนีออกจากบ้าน จะไม่เอาท่านพ่อแล้ว”
“ท่านพ่อ ท่านไม่ใช่ว่ารักพวกเราที่สุดหรือ ไม่ใช่ว่าชอบเด็กคนนี้หรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นปวดหัวกับคำพูดของแฝดสี่ จับจ้องลู่เจียวด้วยสายตาดุร้าย “ถ้าข้าขยับลงจากเตียงได้ ดูว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร”
เขาพูดจบก็ไม่สนใจลู่เจียวอีก หันไปปลอบแฝดสี่ “พอแล้ว อย่าร้องเลย พ่อไม่มีอนุหรอก พ่อจะอยู่กับพวกเจ้าเท่านั้น”
แฝดสี่ได้ยินก็หยุดร้องไห้ทันที มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วยสายตาหมองเศร้า “ท่านพูดจริงหรือ”
“ไม่มีลูกกับคนอื่นจริงหรือ”
“ถ้าท่านไปมีลูกกับคนอื่น พวกเราจะหนีออกจากบ้านเลยคอยดู”
แฝดสี่แลกเปลี่ยนสายตากัน พยักหน้าเต็มแรง “ใช่ ท่านพ่อห้ามมีคนอื่น”
ต้าเป่ามองเซี่ยอวิ๋นจิ่นและพูดอย่างจริงจัง “ถ้าท่านอยากมีลูกอีก ก็ให้มีกับแม่”
ลู่เจียวสะดุ้งตกใจ รีบหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่บนเตียบทันที เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองนางคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
ลู่เจียวรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าปวดหัวมาก คนคนนี้ต้องคิดว่านางไปบอกอะไรกับต้าเป่าแน่ๆ
นางรีบบอกต้าเป่า “โอ๋ เด็กดี พวกเราจะไม่มีลูกอีก มีแค่พวกเจ้าสี่คนก็ดีมากแล้ว”
แฝดสี่ได้ยิน ก็มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นสลับกับลู่เจียว “จริงหรือ”
ทั้งคนที่อยู่นั่งบนเตียงและยืนบนพื้นล้วนพยักหน้า ท้ายที่สุดเด็กๆ ก็โล่งอก ลู่เจียวกลัวว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นจะพูดอะไรต่อ จึงรีบพาแฝดสี่ออกไปทันที
ซื่อเป่ามองซานเป่าที่อยู่ด้านข้าง แล้วพึมพำขึ้นมา “ถ้ามีน้องสาวสักคนก็ไม่เลวนะ”
แฝดสี่ขบคิดอย่างตั้งใจ สุดท้ายก็เห็นชอบตรงกันว่ามีลูกสาวสักคนก็ได้
ต้าเป่าหันไปมองลู่เจียว “ถ้าท่านมีลูกกับท่านพ่อ ก็มีน้องสาวให้พวกเราสักคน”
ลู่เจียวกลอกตามองบน เจ้านึกว่าการมีน้องสาวจะง่ายเหมือนฟักไข่หรือ คิดจะมีก็มีได้เลยหรือ จริงๆ เล้ย
เถียนซื่อและลู่กุ้ยที่อยู่นอกเรือนก็ได้ยินแฝดสี่ก็พยักหน้าเห็นด้วย “รอให้ขาของอวิ๋นจิ่นดีขึ้น พวกเจ้ามีลูกสาวอีกสักคน ลูกสาวนี่นะ เป็นเหมือนเสื้อผ้าฝ้ายชั้นในตัวโปรดของพ่อแม่”
ลู่เจียวหน่ายใจ ถ้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นดีขึ้น นางก็ออกจากชีวิตเขาแล้ว จะรอคลอดบุตรไปทำไม
แฝดสี่รู้สึกสนใจคำว่า ‘เสื้อผ้าฝ้ายชั้นในตัวโปรด’ จึงถามเถียนซื่อ “ท่านยาย อะไรคือเสื้อผ้าฝ้ายชั้นในตัวโปรด”
“เสื้อผ้าฝ้ายชั้นในตัวโปรดคือเสื้อที่ใส่ด้านใน เปรียบลูกสาวเสมือนเสื้อชั้้นในที่ใส่ใจและกตัญญูต่อพ่อแม่”
ซื่อเป่าพลันนั่งตัวตรง “ท่านยายอย่ากังวลใจไปเลย ข้าก็คือเสื้อผ้าฝ้ายตัวโปรดของท่านแม่นี่แหละ”
เขาพูดจบก็หันไปมองลู่เจียว “ท่านแม่ว่าใช่หรือไม่”
ลู่เจียวพลันพยักหน้าเห็นด้วย แค่หยุดพูดถึงคลอดลูกสาวก็พอ
“ใช่ เจ้าคือเสื้อผ้าฝ้ายชั้นในของท่านแม่”
ทุกคนที่อยู่นอกเรือนต่างกินข้าวกันอย่างมีความสุข ลู่เจียวตักน้ำแกงปลามาหนึ่งถ้วยกับแป้งทอดสองแผ่นไปป้อนเซี่ยอวิ๋นจิ่นในเรือน
แม้เซี่ยอวิ๋นจิ่นจะขยับได้ ดื่มน้ำเองได้ แต่ถ้าตักข้าวกินเองก็จะเหนื่อยไปสักหน่อย ฉะนั้นนางยังคงต้องป้อนเขาเหมือนเดิม
ลู่เจียวป้อนพลางเอ่ย “ที่บ้านมีหม้อแค่ใบเดียว แล้วยังเป็นหม้อที่ใกล้จะพังแล้ว คงต้องรีบซื้อหม้อสักสองใบก่อนแล้ว จะได้ทำกับข้าวสะดวก”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่พูดไม่จา แค่ใช้ดวงตาดำสนิทมองลู่เจียว ลู่เจียวนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของแฝดสี่ ก็นึกว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นคงสงสัยว่านางสอนบุตรชายมั่วซั่ว จึงรีบอธิบายขึ้น
“ข้าไม่ได้สอนเด็กๆ มั่วซั่วนะ เจ้าอย่าคิดไปเองเด็ดขาด”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพูดเสียงเนือย “เจ้าพูดมาสิว่าข้าคิดอะไร”
กล่าวตามตรง แม้ลู่เจียวจะเป็นหมอทหาร แต่เมื่อครั้นอยู่ภพเดิมก็รู้จักแต่รักษาผู้ป่วย ไม่มากเล่ห์เพทุบายเท่าเซี่ยอวิ๋นจิ่น ย่อมตามเขาไม่ทันอยู่แล้ว ฉะนั้นนางอย่าคุยกับบุรุษคนนี้ให้มากจะดีกว่า
“ฮ่าๆ ไม่คิดสิดีที่สุด”