ตอนที่ 85 ไร้ยางอาย
ลู่เจียวคิดเงียบๆ ป้ากุ้ยฮวาตรงหน้าไร้ซึ่งความละอาย นางขยับเข้าไปเบียดลู่เจียวที่อยู่ด้านข้าง
“ภรรยาอวิ๋นจิ่น สองสามวันมานี้ข้ารู้สึกเสียใจกับเรื่องเมื่อก่อน ไม่น่าเอาแต่ทะเลาะกับเจ้าเลย”
“อันที่จริงพอมาลองคิดดูแล้ว เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด ข้าไม่ควรทำกับเจ้าเช่นนั้น ตอนนี้ข้าต้องขอโทษเจ้าจากใจจริง เจ้าอภัยให้ข้าได้หรือไม่”
ป้ากุ้ยฮวาจับมือลู่เจียวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
คนทั้งเกวียนวัวเบิกตามองป้า หญิงผู้นี้ขอโทษได้อย่างไร้ยางอายเสียจริง
แม้ทุกคนจะรู้ดีว่าป้ากุ้ยฮวาทำเช่นนี้ไปทำไม แต่ยอมละทิ้งความละอายเช่นนี้ได้ไม่ง่ายจริงๆ
ต่อมา ทุกคนต่างหันไปมองลู่เจียว
ลู่เจียวไม่มีทางตบหน้านางได้จริงๆ แก่ถึงเพียงนี้ หน้าก็ไม่เอาแล้ว
“ในเมื่อป้าขอโทษแล้ว สิ่งที่แล้วมาก็ให้มันแล้วไปเถอะ”
แม้ว่านางตรงหน้าจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่เจ้าของร่างเดิมนี้ก็ไม่ต่างกัน ป้ากุ้ยฮวาถึงยอมทิ้งศักดิ์ศรี ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะทำได้
ป้ากุ้ยฮวาได้ยินลู่เจียวกล่าวเช่นนี้ จึงเริ่มบีบน้ำตา “เจ้าช่างจิตใจดีงามเหลือเกิน ที่ผ่านมาข้าผิดไปแล้ว ข้าทำไม่ดีต่อเจ้า ต้องขอโทษด้วย”
ลู่เจียวสีหน้ามืดครึ้ม นี่แสดงละครยังไม่จบอีกหรือ
“ข้าแสดงความจริงใจเช่นนี้แล้ว เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ ต่อไปจะไม่มีเรื่องเช่นนั้นอีก”
ป้ากุ้ยฮวาได้ยินดังนั้น จึงมองไปทางลู่เจียวด้วยดวงตาแดงก่ำแล้วแสดงสีหน้ากลับใจอีกครั้ง
“เจียวเจียว เจ้าช่างใจกว้างเหลือเกิน ไม่แปลกเลยที่ทุกคนบอกว่าเจ้าดีมาก ทั้งที่ข้าทำเรื่องแย่ๆ เอาไว้มาก เจ้ายังให้อภัยได้ เจียวเจียว เจ้าช่างจิตใจงามเหลือเกิน”
ลู่เจียวขนลุกไปทั้งตัว
คนทั้งเกวียนวัวได้ยินคำพูดของนางแล้วขนลุกไปตามๆ กัน สวรรค์ ไร้ยางอายเกินไปแล้ว
เมื่อเกวียนวัวมาถึงเมือง ลู่เจียวก็รีบลงทันที ตามด้วยเซี่ยเสี่ยวเจวียน
ป้ากุ้ยฮวาอายุมากแล้ว การเคลื่อนไหวเชื่องช้า จึงลงจากเกวียนมาเป็นคนสุดท้าย
ลู่เจียวเดินไปไกลแล้ว แต่ป้ากุ้ยฮวายังคงเดินตามต้อยๆ
“เจียวเจียว ไว้เราค่อยคุยกันต่อนะ เจ้าเด็กคนนี้ช่างเป็นคนดีเหลือเกิน”
เซี่ยเถี่ยหนิวที่อยู่ด้านหลังสีหน้าอึมครึม หญิงแก่นางนี้ช่างไร้ยางอายนัก
เซี่ยเสี่ยวเจวียนพูดกับลู่เจียว “รู้จักกันมาตั้งหลายปี แต่ไม่รู้มาก่อนเลยว่าป้ากุ้ยฮวาจะไร้ยางอายได้ถึงเพียงนี้ นางเห็นว่าอาสะใภ้สามรู้วิชาแพทย์และยังสอนเรื่องสมุนไพรให้ชาวบ้าน คงกลัวว่าจะไม่สอนคนบ้านนาง จึงละทิ้งความละอายนี้”
ลู่เจียวได้ยินแล้วหัวเราะ “ละทิ้งความละอายได้ก็ถือว่าเป็นความสามารถนะ”
ไม่เหมือนหร่วนซื่อคนนั้นที่ไม่ยอมเสียหน้าแม้แต่น้อย ทำเหมือนตัวเองเก่งที่สุด
ทั้งสองคุยกันได้สักพักก็แยกย้าย ลู่เจียวเดินไปทางหอยาเป่าเหอ เสิ่นซิ่วที่เดินตามหลังมา เห็นนางเข้าไปในหอยาเป่าเหอ ก็หันหลังเดินจากไปด้วยสายตาอาฆาตมาดร้าย
ลู่เจียวสะพายตะกร้าสานเข้าไปหอยาเป่าเหอโดยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว
ภายในหอยาเป่าเหอ หมอฉีกำลังตรวจคนไข้ จั่งกุ้ยและผู้ช่วยกำลังจัดยา
แต่เมื่อลู่เจียวปรากฏตัว จั่งกุ้ยก็ให้ผู้ช่วยจัดยาต่อไป ส่วนเขาออกมาต้อนรับลู่เจียว
ได้ยินมาว่าฝีมือทางการแพทย์ของลู่เจียวสูงส่งนัก ไม่เพียงแต่แก้พิษงูได้ ยังผ่าตัดได้อีกด้วย คนที่กล้าลงมือผ่าตัดนั้นหายากมากในต้าโจว
เถ้าแก่ของพวกเขาต้องการให้นางมาทำงานที่หอยาเป่าเหอ
“ลู่เจียวมาแล้วหรือ”
ลู่เจียวพยักหน้า จั่งกุ้ยถามด้วยรอยยิ้ม “วันนี้แม่นางมาจัดยาหรือขายสมุนไพรล่ะ”
ลู่เจียวหันไปมองทางฉีเหล่ยที่กำลังตรวจคนไข้ “วันนี้ข้ามีเรื่องจะคุยกกับหมอฉี”
ผู้จัดการยาตื่นเต้น หรือว่าแม่นางจะมาคุยเรื่องการผ่าตัดขาของสามีนาง
เรื่องนี้ทั้งสามคนในหอยาเป่าเหอรู้ดี จั่งกุ้ยคิดแล้วรู้สึกตื่นเต้น เขาจะได้เห็นฝีมือการผ่าตัดที่เลื่องลือกันแล้วใช่หรือไม่
เมื่อฉีเหล่ยได้ยินลู่เจียวพูด หลังจากที่เขาตรวจชีพจรและจัดยาเรียบร้อยก็ลุกขึ้น
“แม่นางลู่ตามข้าเข้ามาคุยด้านหลัง”
ลู่เจียวพยักหน้าเดินตามฉีเหล่ยไปหลังหอยา ระหว่างทาง นางไม่ลืมที่จะขอบคุณฉีเหล่ย “ขอบใจหมอฉีสำหรับเตียงและโต๊ะ ทั้งหมดเป็นเงินเท่าไหร่ ข้าจะเอาให้เจ้า”
ฉีเหล่ยปฏิเสธทันที ของที่เขาให้ลู่เจียวเป็นของใช้ทั่วไป ไม่ได้มีมูลค่าอะไรมากนัก
ยิ่งไปกว่านั้นเขาอยากผูกมิตรกับแม่นางลู่ และอยากเรียนการผ่าตัดจากแม่นางลู่ด้วย
ไม่รู้ว่านางจะยินดีสอนเขาหรือไม่
“ไม่ต้องหรอก ไม่ใช่เงินมากมายอะไร”
ฉีเหล่ยปฏิเสธจบ ลู่เจียวพูด “หมอฉีพอจะช่วยข้าหาหม้อเหล็กสักสองใบได้หรือไม่”
เหล็กในสมัยโบราณมีค่ามาก หม้อเหล็กนั้นยิ่งหายาก ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังใช้หม้อดินในการทำอาหาร ไม่ใช่ว่าไม่อยากซื้อ แต่หาซื้อไม่ได้ต่างหาก
เมื่อฉีเหล่ยได้ยินลู่เจียวพูด จึงรีบตอบรับ “ได้สิ ข้าจะหาหม้อเหล็กจากในเมืองให้เจ้า”
“ขอบใจหมอฉีมาก เช่นนั้นข้าให้เงินเจ้าไว้ก่อน”
“ไม่ต้องๆ แม้ว่าข้าจะมีเงินไม่มากนัก แต่ค่าหม้อที่จะให้แม่นางลู่ย่อมมีอยู่แล้ว”
ลู่เจียวขมวดคิ้วมองฉีเหล่ย เป็นคนดีไปไหม มีเป้าหมายอะไรกันแน่นะ
ฉีเหล่ยยิ้ม ขณะที่กำลังจะพูดต่อ ก็มีเสียงคนออกมาจากหอเล็กขัดบทสนทนาของเขา
“แม่นางลู่มาแล้วหรือ”
ลู่เจียวหันไปมองหอตรงหน้า ในห้องโถง เถ้าแก่หอยาเป่าเหอจับจ้องนางด้วยสายตาเย็นชา ลู่เจียวมองแล้วก้มหัวคำนับให้เขา
“คารวะเถ้าแก่”
จ้าวหลิงเฟิงพยักหน้าเชิญพวกเขาเข้ามานั่ง ลู่เจียวก็ไม่เกรงใจ เดินเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ข้างเขา
บนโต๊ะกลมตรงกลางมีกระดาษที่เขียนข้อความไว้ไม่น้อยวางอยู่ แต่ลู่เจียวไม่ได้มองอะไรมากนัก นี่เป็นของของคนอื่น อาจจะมีความลับอะไรอยู่
ลู่เจียวคิดแล้วก็ไม่อยากอ้อมค้อมกับฉีเหล่ย จึงพูดอย่างตรงไปตรงมา “ข้ามาวันนี้ เพราะอยากพูดคุยเรื่องต่อจากวันก่อน เรื่องที่สามีข้าถูกรถม้าชนจนกระดูกเคลื่อน ต้องผ่าตัดแก้ไขกระดูก อีกทั้งด้านในมีเศษกระดูกที่แหลกไม่น้อยต้องเอาออกมา”
ลู่เจียวพูดจบ ฉีเหล่ยยังไม่ทันตอบอะไร จ้าวหลิงเฟิงก็พูดขึ้น “อย่างแม่นางลู่ผ่าตัดเป็นด้วยหรือ”
สตรีอ่อนแอเช่นนางไปเรียนมาจากไหนกัน
ลู่เจียวขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วยิ้มให้จ้าวหลิงเฟิง “ข้าเคยเรียนทักษะการแพทย์กับท่านยายฝีมือสูงส่งอยู่เจ็ดแปดปี ข้าคิดว่าข้าผ่าตัดแก้ไขกระดูกแทนเขาได้”
จ้าวหลิงเฟิงฟังแล้ว ความข้องใจบนใบหน้าก็คลายลงไม่น้อย ทว่าก็ยังเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“เจ้ามีฝีมือทางการแพทย์เก่งกาจเช่นนี้ ทำไมไม่บอกสามีเจ้าไปเลยเล่า ทำไมต้องบอกว่าหมอฉีเป็นคนผ่าตัดให้เขาล่ะ”
ลู่เจียวยิ้ม “บนโลกนี้มีกี่คนที่เชื่อว่าผู้หญิงผ่าตัดได้กัน เขาอาการไม่ดี ถ้าข้าบอกไป เขาจะต้องไม่วางใจเป็นแน่ และอาจจะไม่ดีต่ออาการของเขาด้วย ข้าจึงขอยืมใช้ชื่อหมอฉีเพื่อทำเรื่องนี้”