ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย – ตอนที่ 93 มีแต่รักษา ไม่ทำร้าย

ตอนที่ 93 มีแต่รักษา ไม่ทำร้าย

ตอนที่ 93 มีแต่รักษา ไม่ทำร้าย
เด็กน้อยทั้งสี่เห็นท่านพ่อท่านแม่กำลังจะไปก็รู้สึกกลัวจนใบหน้าเล็กๆ ซีดเผือด

ต้าเป่าสีหน้าซีดเซียวที่สุด ริมฝีปากเล็กเม้มแน่น ถึงขั้นตัวสั่นเล็กน้อยด้วย

ลู่เจียวเอื้อมมือไปโอบกอดเขาครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตามด้วยกอดเอ้อร์เป่า ซานเป่า และซื่อเป่า จากนั้นนางก็หันกลับไปมองต้าเป่า “วางใจเถอะ เดี๋ยวแม่จะพาท่านพ่อของพวกเจ้ากลับมา พวกเจ้าไม่ต้องห่วง รออยู่กับท่านยายที่เรือนอย่างสบายใจเถอะ”

ต้าเป่าพยักหน้า มองลู่เจียวด้วยดวงตากระจ่างใสดุจน้ำในทะเลสาบ กล่าวอย่างจริงจังว่า

“ท่านแม่ ข้าเชื่อท่าน”

ลู่เจียวตะลึงงัน แม้ช่วงนี้แฝดสามจะยอมเรียกนางว่าท่านแม่แล้ว ทว่ามีเพียงต้าเป่าที่ไม่เคยเรียกเช่นนั้น

นางยังเคยนึกว่า ต่อให้ถึงวันที่ต้องแยกจากกัน เด็กคนนี้ก็คงไม่ยอมเรียกนางว่าท่านแม่ นึกไม่ถึงว่าวันนี้เขาจะเรียกนางว่าท่านแม่แล้ว

ลู่เจียวใจอ่อนยวบ นางอ้าแขนกอดร่างเล็กของต้าเป่า กล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยน “ในเมื่อเจ้าเชื่อแม่ เช่นนั้นก็อย่ากลัวไปเลย แม่พูดได้ก็ทำได้”

ต้าเป่าสงบลงทันที มารดาของเขาเป็นคงที่เก่งมาก นางจะต้องทำได้อย่างที่พูดแน่นอน ต้าเป่าวางใจแล้ว

ลู่เจียวกอดเด็กน้อยสามคนที่เหลืออีกครู่หนึ่งพร้อมกำชับว่า “เชื่อฟังท่านยาย อย่าดื้อล่ะ อีกไม่นานแม่ก็จะพาพ่อเจ้ากลับมาแล้ว”

“ท่านแม่ พวกเราเข้าใจแล้ว” เด็กน้อยสามคนตอบพร้อมกัน

ลู่เจียวคลายอ้อมกอดแล้วขึ้นเกวียนไป หร่วนซื่อตามขึ้นไปติดๆ คนสกุลเซี่ยคนอื่นจะขึ้นตาม แต่แล้วลู่เจียวก็ยื่นมือไปขวางพวกเขาไว้

“อวิ๋นจิ่นเป็นผู้บาดเจ็บ จะให้มีคนนั่งบนเกวียนนี้มากเกินไปไม่ได้ แต่ท่านพ่อท่านแม่ขึ้นมาได้ ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างก็ขึ้นมาด้วยกันเถอะ ลู่กุ้ยด้วย พอไปถึงหอยาเป่าเหอ เจ้ายังต้องอุ้มพี่เขยเจ้าเข้าไปอีก”

พอลู่เจียวกล่าวเช่นนี้ หร่วนซื่อก็อยากแย้ง นางรักบุตรคนที่สี่ของตัวเอง แม้หมู่บ้านสกุลเซี่ยอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก แต่ก็ไม่ใกล้เช่นกัน เจ้าสี่ของนางเคยเดินเท้าทางไกลขนาดนี้เสียที่ไหนกัน

หร่วนซื่อถลึงตาใส่ลู่เจียวอย่างไม่เป็นมิตร “เกวียนใหญ่ขนาดนี้จะให้คนนั่งเพิ่มอีกสักคนสองคนไม่ได้เลยหรือ”

เซี่ยเหล่าเกินกลัวว่าครั้งนี้หร่วนซื่อจะก่อเรื่องอีก จึงดึงนางไว้ สุดท้ายหร่วนซื่อก็ข่มใจไว้ได้ แต่ใบหน้าก็ยังคงเต็มไปด้วยความเดือดดาล จ้องลู่เจียวอย่างดุร้าย

ลู่เจียวทำเป็นไม่เห็น นางหันหน้าไปมองครอบครัวอื่นในตระกูลเซี่ยที่อยู่ข้างเกวียน พร้อมกล่าวขออภัยพวกเขา

“เดินไปสักเที่ยวนะ รบกวนแล้ว ลู่เจียวต้องขออภัยทุกคนไว้ตรงนี้”

คนของครอบครัวอื่นในตระกูลเซี่ยโบกมือ “นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร พวกเจ้านำไปก่อนเถอะ เดี๋ยวพวกเราตามไปทีหลัง หมู่บ้านสกุลเซี่ยอยู่ห่างจากหอยาเป่าเหอไม่มาก เดี๋ยวพวกเราก็ตามไปถึงในอีกไม่ช้า”

“ใช่ๆ ภรรยาอวิ๋นจิ่นไม่ต้องกังวลหรอก”

สุดท้ายก็มีเพียงลู่เจียว ลู่กุ้ย เซี่ยเหล่าเกินกับภรรยา และผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างที่ได้ขึ้นมานั่งบนเกวียน เดินทางไปยังตัวเมืองเป็นเพื่อนเซี่ยอวิ๋นจิ่น

ระหว่างทาง หร่วนซื่ออดไม่ได้ที่จะระบายใส่ลู่เจียว “ข้าว่าเจ้าต่างหากที่ไม่สมควรนั่งบนเกวียนเล่มนี้ที่สุด ตัวใหญ่ขนาดนี้ หากเจ้าลงไป คนอื่นก็คงมานั่งได้อีกสองสามคน”

ลู่เจียวยังไม่ทันตอบอะไร เซี่ยอวิ๋นจิ่นที่หลับตามาตลอดพลันเอ่ยด้วยเสียงเยียบเย็น “นางคือภรรยาของข้า นางต่างหากที่ควรไปด้วยที่สุด ตั้งแต่ข้าพิการก็มีเพียงนางที่ดูแลข้าอย่างเหน็ดเหนื่อย ส่วนคนอื่น ข้าไม่เคยเห็นเลยสักคน”

พอเขาพูดจบก็ไม่รอให้หร่วนซื่อเถียง พูดต่ออีกว่า “ท่านแม่ วันนี้ท่านตั้งใจมาส่งข้าไปผ่าตัด หรือจะมาหาเรื่องชวนทะเลาะ”

ประโยคคำถามนี้ทำให้หร่วนซื่อต้องกลืนคำพูดลงท้องไป แต่นางก็ยังโมโหจนหน้าดำหน้าแดง หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงเพราะหายใจถี่

นางใช้ดวงตาสามเหลี่ยมคู่นั้นมองลูกชายตัวเองแล้วมองลู่เจียว สุดท้ายก็ด่าลู่เจียวในใจ

นางแพศยาไร้ยางอาย นึกไม่ถึงว่าจะเสี้ยมให้นางกับบุตรชายแตกคอกัน ที่ความสัมพันธ์ของพวกเราย่ำแย่ ต้องเป็นเพราะนางตัวดีนี่คอยเสี้ยมแน่

ดูตอนนี้สิ บุตรชายเอาใจออกหากจากนางแล้ว หากในภายภาคหน้าเขาสอบผ่านจ้วงหยวน[1]แล้วได้เป็นขุนนางใหญ่ ยังจะขอพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้นางอีกหรือไม่

ไม่ได้ นางต้องไล่สตรีน่าตายอย่างลู่เจียวออกไป แล้วหาสตรีคนใหม่ที่เชื่อฟังตนให้บุตรชายสักคน ทำเช่นนี้บุตรชายถึงจะยอมฟังนาง

พอในหัวหร่วนซื่อได้ข้อสรุปเช่นนี้ อารมณ์ก็กลับมาสงบเหมือนเดิม

เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่อยากเห็นนางแม้เพียงแวบเดียว จึงหลับตาพักผ่อนต่อ

เซี่ยเหล่าเกินมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างกลัดกลุ้ม เขาไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะรื้อฟื้นสัมพันธ์กับบุตรชายได้อีกเหมือนที่ภรรยาคิด เกรงว่าคราวนี้บุตรชายจะเอาใจออกหากจากพวกตนแล้วจริงๆ เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี

เซี่ยเหล่าเกินหวั่นวิตก หากฟื้นฟูสัมพันธ์กับบุตรชายไม่ได้ แล้วในวันข้างหน้าเขาจะยังยินดีช่วยเหลือบรรดาพี่ชายน้องชายอยู่หรือไม่

ลู่เจียวคร้านจะสนใจคนแก่สองคนนี้ หันไปหาผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่าง

ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างถามเรื่องที่ลู่เจียวไปคุยกับหมอฉีในตัวเมืองเมื่อวานนี้อย่างเป็นห่วงเป็นใย

“การผ่าตัดนี้เกรงว่าต้องใช้เวลานานมากสินะ”

“หมอฉีได้บอกเจ้าหรือไม่ว่าใช้เวลานานเท่าไร”

ลู่เจียวเห็นว่าแม้เซี่ยอวิ๋นจิ่นจะหลับตาอยู่ แต่ขนตากลับขยับเล็กน้อย เห็นได้ชัดเจนว่ากำลังฟังอยู่

เนื่องจากหร่วนซื่อพาลหาเรื่องก่อนหน้านี้ ลู่เจียวจึงกลัวว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นจะอารมณ์ไม่ดีแล้วส่งผลกระทบต่อการผ่าตัด ดังนั้นเมื่อได้ยินผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างถาม นางจึงตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลทันที

“การผ่าตัดใช้เวลาประมาณสองชั่วยาม เท่าที่ข้าฟังจากน้ำเสียงหมอฉี ดูเหมือนการผ่าตัดครั้งนี้จะไม่ใช่การผ่าตัดใหญ่ ไม่น่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไร หมอฉียังบอกอีกว่า ช่วงหนึ่งเดือนหลังจากผ่าตัด แม้จะยังเดินไม่ได้ในทันที แต่ก็สามารถฝึกให้ยืนได้ เคลื่อนไหวช้าๆ ในขอบเขตเล็กๆ ได้บ้าง หลังจากนั้นสองเดือนก็จะเดินได้แล้ว เพียงแต่ยังกระโดดโลดเต้นไม่ได้ก็เท่านั้นเอง หลังจากนั้นสามเดือนก็จะไม่มีปัญหาอะไรอีก ใช้ชีวิตได้ไม่ต่างจากคนปกติ”

ลู่เจียวกล่าวเรื่องเหล่านี้ก็เพื่อปลอบใจเซี่ยอวิ๋นจิ่น

เมื่อนางพูดจบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากดังคาด หว่างคิ้วและดวงตาราวกับมีคลื่นแห่งความปีติยินดีกระเพื่อมผ่าน เขานอนเอนกายนิ่งสงบ เครื่องหน้าหมดจดงดงามได้รูป ใบหน้าที่เปล่งรัศมีจางๆ นั้นราวกับวาดขึ้นจากปลายพู่กันและน้ำหมึก

ลู่เจียวลอบมองอย่างเพลิดเพลินพลางชื่นชมในใจ ตอนนี้หายห่วงแล้ว

ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างที่นั่งอยู่อีกด้านของเกวียนก็เผยสีหน้ายินดีไม่น้อยไปกว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่น ทั้งสองหัวเราะเสียงดัง บอกไม่ถูกเลยว่าดีใจขนาดไหน

ตรงกันข้าม เซี่ยเหล่าเกินกับภรรยากลับหน้าตึง หร่วนซื่อเบะปากโดยไม่รู้ตัว พึมพำกับตัวเองในใจว่า บุตรชายคนนี้ช่างไม่ได้เรื่อง

ทางฝั่งหอยาเป่าเหอ ฉีเหล่ยเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยนานแล้ว เมื่อเกวียนมาถึง เขาก็ให้คนงานออกมาต้อนรับทันที

“คนมาถึงแล้ว ให้พวกเขาเข้ามาได้เลย”

ลู่กุ้ยลงจากรถ แล้วอุ้มเซี่ยอวิ๋นจิ่นเดินเข้าไป

ที่จริงเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่คุ้นชินกับอะไรเช่นนี้เลย ได้แต่พยายามอดทนอดกลั้นไว้

หากไม่ให้ลู่กุ้ยอุ้มก็ต้องให้ลู่เจียวอุ้ม เขาเป็นบุรุษอกสามศอก หากให้ภรรยาอุ้มเข้าไปแล้วคนนอกเห็น เช่นนั้นก็น่าขายหน้าเกินไป

หลังจากลู่กุ้ยอุ้มเซี่ยอวิ๋นจิ่นเข้าไปแล้ว หมอฉีก็ให้ทุกคนออกจากห้อง

“เอาละ พวกท่านออกไปก่อนเถอะ ที่เหลือข้าจัดการเอง”

ฉีเหล่ยพูดจบก็มองลู่เจียวแวบหนึ่ง ลู่เจียวพยักหน้าเบาๆ ให้เขา สื่อว่าอีกประเดี๋ยวตัวเองจะเข้าไปทางประตูหลัง ฉีเหล่ยเข้าใจแล้ว

หร่วนซื่อกลับกล่าวด้วยท่าทางไม่น่าดูว่า “เหตุใดจึงไม่ให้พวกเราเข้าไปด้วย หากเจ้าทำร้ายเจ้าสามของเราขึ้นมาจะทำอย่างไร”

ฉีเหล่ยหรี่ตามองหร่วนซื่ออย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าเป็นหมอ มีแต่ช่วยรักษาคน ไม่มีทางทำร้ายคน”

แม่เฒ่าบ้านนอกนี่ทำตัวหยาบคายเสียจริง

——————————–

[1] สอบจ้วงหยวน 状元 หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อสอบจอหงวน เป็นตำแหน่งราชบัณฑิตซึ่งได้คะแนนอันดับหนึ่งในการสอบขุนนางของประเทศจีนสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

Status: Ongoing

เพราะสามีดันเป็น ‘ตัวร้าย’ สุดโหด ภารกิจแก้เดธแฟลคจึงเริ่มต้นขึ้น!

แพทย์ทหารจิตใจงดงามจากศตวรรษที่ 21 ผู้หนึ่งได้รับบาดเจ็บจนต้องนอนโรงพยาบาลเลยซื้อนิยายมาอ่าน

ในเนื้อหานิยายมีตัวร้ายอยู่สี่คน ไม่มีเรื่องชั่วใดไม่ทำ สังหารคนโดยไม่กะพริบตา

ทว่าภายหลังตัวร้ายสี่คนนี้ถูกพระเอกนางเอกร่วมมือกันสังหาร แต่ชายสี่คนนี้ดันมีบิดาเป็นถึงโส่วฝู่

เพื่อที่จะแก้แค้นแทนบุตรชาย เขาจึงกลายเป็นจอมปีศาจชั่วร้าย

สุดท้ายพระเอกนางเอกล้วนถูกฆ่าตาย…และนางก็ดันทะลุมิติเข้ามาเป็นภรรยาที่จะตายแต่ยังสาวของตัวร้ายผู้นั้น!

เพื่อเปลี่ยนชะตาความตายที่จะเกิดขึ้นนางจำต้องหลีกหนีให้ไกลจากตัวร้ายผู้นี้

ทั้งสองจึงทำสัญญากันหากนางสามารถรักษาขาที่บาดเจ็บของ เซี่ยอวิ๋นจิ่น ตัวร้ายจอมโหดจนหายดีได้

เขาจะหย่าให้นาง และนางจะได้ไปใช้ชีวิตอิสระหลีกหนีเดธแฟลคที่จะเกิดขึ้น!

ปฏิบัติการการเอาอกเอาใจสามีตัวร้ายและขุนลูกชายแฝดสี่ให้จ้ำม่ำจึงเริ่มต้นขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท