ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย – ตอนที่ 101 ห้ามลงจากเตียงหนึ่งสัปดาห์

ตอนที่ 101 ห้ามลงจากเตียงหนึ่งสัปดาห์

ตอนที่ 101 ห้ามลงจากเตียงหนึ่งสัปดาห์
เซี่ยอวิ๋นจิ่นที่นอนอยู่บนเตียงนึกถึงเรื่องที่ลู่เจียวไปช่วยชีวิตคนก่อนหน้านี้ จึงถือโอกาสถาม “ลูกสะใภ้ของแม่หม้ายหลี่เป็นอย่างไรบ้าง ช่วยชีวิตไว้ได้หรือไม่”

ลู่เจียวพยักหน้า “ช่วยได้แล้ว หากช้าอีกนิดก็เกรงว่าคงไม่รอด”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเลิกคิ้วมองลู่เจียว ทักษะการแพทย์ของผู้หญิงคนนี้เหมือนจะไม่เลวเลย เมื่อก่อนนางคงเป็นหมอที่เก่งกาจมาก

ขณะที่คิด เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ถามไปเรื่อยเปื่อยว่า “ทักษะการแพทย์ของเจ้าเก่งกาจมากหรือ”

เมื่อเขาถามเช่นนี้ ลู่เจียวก็ตื่นตระหนกขึ้นมา เจ้าหมอนี่คงไม่ได้กำลังสงสัยว่านางไม่ใช่ลู่เจียวคนเดิมใช่ไหม

นางตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “เป็นความบังเอิญเท่านั้น อาการป่วยที่รักษาช่วงนี้ เป็นสิ่งที่แม่เฒ่าหวงเคยสอนมาทั้งสิ้น อันที่จริงทักษะการแพทย์ของข้าก็ไม่ดีเท่าไรหรอก”

แววตาของเซี่ยอวิ๋นจิ่นล้ำลึกขึ้นโดยไม่รู้ตัว มุมปากค่อยๆ โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม

แสงไฟสลัวรางส่องสะท้อนนัยน์ตาเขาจนดูราวกับมีห้วงสมุทรอันลึกล้ำอยู่ภายใน

ทุกครั้งที่ลู่เจียวมองสบดวงตาคู่นั้นของเขา ก็มักรู้สึกว่าเขามองทะลุเข้าไปถึงหัวใจนาง

แต่ไม่นานนางก็ลบความคิดนั้นออกไป หึๆ อย่างเขาเนี่ยนะ คงคิดไม่ถึงหรอกว่านางทะลุมิติมาจากอีกโลกหนึ่ง

คิดได้เช่นนี้ นางก็สงบเยือกเย็นลง นางมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นพร้อมตอบด้วยรอยยิ้ม “ผู้หญิงคนหนึ่งอย่างข้าจะมีทักษะการแพทย์สูงขนาดไหนกันเชียว”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเลิกคิ้ว พอนึกถึงความสามารถในการโกหกตาไม่กะพริบของลู่เจียว เขาก็คิดว่าคำพูดของนางต้องไม่เป็นความจริงแน่นอน เกรงว่าทักษะการแพทย์ของผู้หญิงคนนี้คงจะสูงส่งมากจริงๆ

เขาคิดแล้วก็เอ่ยถามว่า “ทักษะการแพทย์ของเจ้า หากเทียบกับท่านหมอฉีแล้วเป็นอย่างไร”

พอลู่เจียวได้ยินคำถามของเขา นางก็หยุดหายใจไปชั่วขณะ นึกกลัวว่าเขาจะสงสัยว่านางเป็นคนผ่าตัดให้เขา

แต่นางชะงักไปแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น เขาก็แค่ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ลู่เจียวกำลังตีหน้านิ่งตอบเขา เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เอ่ยถามอีกครั้ง “เจ้าผ่าตัดเป็นหรือไม่”

“พูดอะไรของเจ้า สตรีอย่างข้าจะไปกล้าผ่าตัดได้อย่างไร น่ากลัวเกินไป” ลู่เจียวตอบอย่างลนลาน

เซี่ยอวิ๋นจิ่นลองคิดตาม รู้สึกว่าที่ลู่เจียวกล่าวก็ไม่ผิด ต่อให้ทักษะการแพทย์ของนางจะเก่งกาจขนาดไหน แต่การผ่าตัดนั้นไม่ใช่สิ่งที่สตรีคนหนึ่งจะกล้าทำแน่นอน ภาพฉากที่เต็มไปด้วยเลือดไหลนองเช่นนั้น เกรงว่าสตรีคงรับไม่ไหว

พอเขาคิดได้เช่นนี้ ก็กล่าวพร้อมสายตาคมกริบ “ต่อให้ผ่าตัดไม่เป็น แต่ทักษะการแพทย์ของเจ้าก็ยังยอดเยี่ยมมากอยู่ดี”

ลู่เจียวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ข้าจะไปถกเถียงเรื่องทักษะการแพทย์กับผู้ชายคนนี้ทำไมกัน เจ้าหมอนี่ทักษะการสังเกตน่าทึ่งมาก หากนางเผยพิรุธแม้เพียงนิดเดียว เกรงว่าเขาคงจะเดาออกแล้ว

หลังจากนั้นลู่เจียวก็ยกชามเปล่าเตรียมจะเดินออกไป เซี่ยเอ้อร์จู้ก็เดินผ่านประตูเข้ามาเสียก่อน

พอเซี่ยเอ้อร์จู้เข้ามา ก็มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างรู้สึกผิด “น้องสาม ข้าขอโทษที่วันนี้ไม่ได้ไปเป็นเพื่อนเจ้าตอนเข้าผ่าตัด”

เซี่ยเอ้อร์จู้ก้มหน้าอย่างทุกข์ใจขณะที่พูด ที่จริงเขาอยากไปด้วยมาก แต่ท่านพ่อกับท่านแม่ไม่ยอมให้ครอบครัวของพวกเขาไป พาไปเพียงพี่ใหญ่ น้องสี่ และน้องสาวเท่านั้น

เซี่ยอวิ๋นจิ่นมีหรือที่จะไม่รู้ถึงเหตุผลที่ซ่อนอยู่ เขามองเซี่ยเอ้อร์จู้ด้วยแววตาอ่อนโยน “พี่รอง ข้ารู้ถึงเจตนาดีของท่านแล้ว ไม่โทษท่านหรอก”

เซี่ยเอ้อร์จู้ได้ยินดังนั้นก็เงยหน้ามองเซี่ยอวิ๋นจิ่นทันที “น้องสาม เจ้าไม่โทษข้าจริงหรือ”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นโค้งมุมปากเผยยิ้ม “ข้ารู้ว่าไม่ใช่เพราะท่านไม่อยากไป แต่ท่านพ่อกับท่านแม่ไม่ให้ท่านไปต่างหาก”

เซี่ยเอ้อร์จู้พยักหน้า สีหน้าเขาดูไม่ได้เอาเสียเลย พอนึกถึงสิ่งที่ท่านพ่อท่านแม่เตรียมการเมื่อเช้า เขาก็โมโหจนอยากต่อยคน

แต่พอได้ยินว่าน้องสามไม่โทษเขา ก็ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย

“น้องสาม ขาของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ต่อไปนี้จะไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้ว่าเซี่ยเอ้อร์จู้เป็นห่วงขาของเขาอย่างจริงใจ จึงกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “เดี๋ยวผ่านไปอีกสักระยะ ข้าก็จะเดินได้แล้ว ดังนั้นพี่รองไม่ต้องเป็นห่วง”

เซี่ยเอ้อร์จู้ได้ยินแล้วพยักหน้าแรงๆ กล่าวอย่างดีใจว่า “เช่นนั้นก็ดีมากเลย วันหน้าสามก็จะกลับไปเรียนหนังสือได้แล้ว”

หากน้องสามประสบความสำเร็จแล้ว เวลาเขาเดินไปไหนมาไหน ก็จะรู้สึกมีหน้ามีตาไปด้วย

ก่อนหน้านี้เวลาที่คนในตระกูลของพวกเขาไปไหนมาไหนก็มักได้รับการเคารพยกย่อง แม้แต่เขาก็ไม่มีใครมารังแก ทุกคนเกรงอกเกรงใจเขามาก ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะน้องสาม

เซี่ยเอ้อร์จู้ยิ่งคิดก็ยิ่งยินดี เดินมาข้างเตียงแล้วถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย “น้องสาม เจ้าต้องการถ่ายเบาหรือไม่ หรือจะถ่ายหนัก เดี๋ยวข้าช่วยดูแลเจ้า”

ลู่เจียวได้ฟังคำพูดของเซี่ยเอ้อร์จู้ ก็นึกบางเรื่องขึ้นได้ จึงหันไปบอกเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่บนเตียงทันที

“ในช่วงหนึ่งสัปดาห์หลังการผ่าตัด เจ้าห้ามลงจากเตียง ต่อไปจะถ่ายหนักหรือถ่ายเบาก็ต้องทำบนเตียง”

พอนางพูดจบก็เดินไปข้างเตียง ก้มลงหยิบส้วมนั่งที่นางทำจากไม้ไผ่ออกมาจากใต้เตียง

ในที่สุดของสิ่งนี้ก็มีประโยชน์แล้ว

“หลังจากนี้ให้เจ้าใช้สิ่งนี้”

หลังเซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นของแปลกประหลาดในมือลู่เจียว สีหน้าก็ไม่สู้ดีนัก ริมฝีปากบางเม้มแน่น สีหน้าต่อต้านชัดเจน

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ถึงได้กล่าวอย่างไม่ยินยอม “ข้าลงไปเดินบนพื้นได้”

“เจ้าไม่ต้องการขาแล้วใช่ไหม ถ้าไม่เอาแล้ว เจ้าก็ลงไปเดินได้เลย ถ้ายังต้องการขาอยู่ ภายในหนึ่งสัปดาห์นี้ห้ามเหยียบพื้น” ลู่เจียวกล่าวด้วยสีหน้าเหี้ยมโหด

เซี่ยอวิ๋นจิ่นหน้าดำคร่ำเครียด สุดท้ายก็ได้แต่ยอมรับชะตากรรม “แล้วอีกหนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้ล่ะ”

“หนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้นั่งถ่ายเบาบนถังไม้ได้ แต่ยังห้ามออกแรงขา”

ลู่เจียวพูดจบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เงยหน้ามองนางอย่างข้องใจ “ดูเหมือนเจ้าจะคุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้มาก”

ลู่เจียวสะดุ้งเฮือกในใจ รีบตอบว่า “ท่านหมอฉีใส่ใจรายละเอียดมาก ชี้แนะข้าทีละอย่าง ข้าก็เลยจำได้”

พอลู่เจียวพูดจบ เซี่ยเอ้อร์จู้ก็พูดต่อ “ท่านหมอฉีช่างเป็นหมอที่ดีจริงๆ หมอในเมืองพวกเราเทียบกับหมอที่มาจากเมืองหลวงเช่นเขาไม่ติดเลย”

พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นถูกเซี่ยเอ้อร์จู้เบี่ยงประเด็นเช่นนี้ จึงเลิกใส่ใจเรื่องของลู่เจียว

ลู่เจียวสอนวิธีใช้ส้วมนั่งให้เซี่ยเอ้อร์จู้ ก่อนไปนางกำชับเขาว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามให้เขาลงพื้นเด็ดขาด ตอนนี้เพิ่งผ่าตัดเสร็จ หากสะเพร่าเดิน ก็มีความเป็นไปได้สูงว่ากระดูกขาที่เพิ่งจัดเข้าที่ไปจะเคลื่อนซ้ำสอง ถ้าเป็นเช่นนั้น ทีนี้ก็เลิกหวังไปได้เลยว่าขาของเขาจะกลับมาเดินได้อีก”

เซี่ยเอ้อร์จู้ตกใจคำพูดนาง รีบกล่าวรับปากซ้ำๆ “น้องสะใภ้สามวางใจได้ ข้าไม่ให้น้องสามเดินแน่”

เมื่อเซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินที่ลู่เจียวบอก เขาก็ไม่กล้าฝืนลงไปเดินบนพื้นแล้วเช่นกัน

ลู่เจียวเลิกสนใจคนในห้อง ถือชามเดินออกไป

ส่วนเซี่ยเอ้อร์จู้ที่อยู่ในห้องก็เริ่มปรนนิบัติดูแลเซี่ยอวิ๋นจิ่น เนื่องจากเป็นพี่น้องแท้ๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าเซี่ยเอ้อร์จู้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นจึงผ่อนคลายขึ้นมาก อย่างไรเสียพี่รองก็เป็นคนดูแลเขามาตั้งแต่เด็ก

หลังจากลู่เจียวกับเถียนซื่อเก็บชามกับตะเกียบแล้ว ก็พาเจ้าตัวเล็กทั้งสี่ออกไปอาบน้ำที่ลานบ้าน

เถียนซื่อบอกลู่เจียวว่า “เจียวเจียว อวิ๋นจิ่นผ่าตัดเสร็จแล้ว ต่อไปพักฟื้นอย่างสบายใจเถอะ แม่ไม่อยู่ให้เป็นภาระเจ้าแล้ว พรุ่งนี้แม่กับน้องชายเจ้าก็จะกลับเสียที”

ลู่เจียวไม่ได้รู้สึกผิดคาดกับคำพูดของเถียนซื่อ

“พรุ่งนี้ท่านแม่กินมื้อเที่ยงก่อนแล้วค่อยกลับเถอะ”

เถียนซื่อพักอยู่ที่บ้านเล็กสกุลเซี่ยมาหลายวัน รู้ดีว่าตอนนี้ลู่เจียวไม่ขาดเงิน ดังนั้นจึงไม่ได้ยืนกรานจะรีบกลับตั้งแต่เช้า

“ได้ จัดการตามที่เจ้าบอก”

จากนั้นลู่เจียวก็วางแผนในหัวว่าพรุ่งนี้จะขึ้นเขาไปล่าสัตว์แต่เช้า นำขนมแป้งอบที่ได้รับมาจากเพื่อนร่วมเรียนของเซี่ยอวิ๋นจิ่น นำผลไม้จำนวนหนึ่งออกมาจากห้วงอากาศ แล้วก็ผักกวางตุ้งที่ปลูกไว้ในลานบ้านให้มารดานำกลับไปสักหนึ่งตะกร้า

เมื่อนำของเหล่านี้มารวมกันก็นับว่าเป็นของขวัญที่ไม่เลว เท่านี้ก็ได้แล้ว

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

Status: Ongoing

เพราะสามีดันเป็น ‘ตัวร้าย’ สุดโหด ภารกิจแก้เดธแฟลคจึงเริ่มต้นขึ้น!

แพทย์ทหารจิตใจงดงามจากศตวรรษที่ 21 ผู้หนึ่งได้รับบาดเจ็บจนต้องนอนโรงพยาบาลเลยซื้อนิยายมาอ่าน

ในเนื้อหานิยายมีตัวร้ายอยู่สี่คน ไม่มีเรื่องชั่วใดไม่ทำ สังหารคนโดยไม่กะพริบตา

ทว่าภายหลังตัวร้ายสี่คนนี้ถูกพระเอกนางเอกร่วมมือกันสังหาร แต่ชายสี่คนนี้ดันมีบิดาเป็นถึงโส่วฝู่

เพื่อที่จะแก้แค้นแทนบุตรชาย เขาจึงกลายเป็นจอมปีศาจชั่วร้าย

สุดท้ายพระเอกนางเอกล้วนถูกฆ่าตาย…และนางก็ดันทะลุมิติเข้ามาเป็นภรรยาที่จะตายแต่ยังสาวของตัวร้ายผู้นั้น!

เพื่อเปลี่ยนชะตาความตายที่จะเกิดขึ้นนางจำต้องหลีกหนีให้ไกลจากตัวร้ายผู้นี้

ทั้งสองจึงทำสัญญากันหากนางสามารถรักษาขาที่บาดเจ็บของ เซี่ยอวิ๋นจิ่น ตัวร้ายจอมโหดจนหายดีได้

เขาจะหย่าให้นาง และนางจะได้ไปใช้ชีวิตอิสระหลีกหนีเดธแฟลคที่จะเกิดขึ้น!

ปฏิบัติการการเอาอกเอาใจสามีตัวร้ายและขุนลูกชายแฝดสี่ให้จ้ำม่ำจึงเริ่มต้นขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท