ตอนที่ 115 โสมและเห็ดหลิงจือ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่บนเตียงนอนหลับลึกจนไม่รู้ว่าตัวเองโดนเข็มเจาะ
หลังจากให้น้ำเกลือเสร็จ ลู่เจียวก็เดินไปเปิดประตูเรือนตะวันตกด้วยความง่วงเหงาหาวนอน
วันรุ่งขึ้น นางเพิ่งจะตื่นก็ได้ยินเสียงตะโกนจากเรือนตะวันออก “ลู่เจียว”
ลู่เจียวนึกว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นตื่นเช้าเพราะกระหายน้ำ จึงลุกขึ้นเดินไปที่เรือนตะวันออก แล้วถามด้วยความเป็นห่วง “เป็นอะไร จะดื่มน้ำหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นจับจ้องลู่เจียวด้วยแววตาลุ่มลึก
ลู่เจียวมองออกว่าเจ้าหมอนี่ไม่สบอารมณ์ จึงแกล้งถามลองเชิง “นี่เจ้าเป็นอะไรไป”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยกมือขึ้น ลู่เจียวเห็นแขนของเขามีรอยเข็ม เจ้าหมอนี่ไม่สบอารมณ์เพราะสังเกตเห็นรอยแผลตรงแขนตัวเองใช่ไหม
ลู่เจียวครุ่นคิดอย่างรวดเร็วว่าจะอธิบายอย่างไรดี
เซี่ยอวิ๋นจิ่นถามอย่างไม่เป็นมิตรว่า “เจ้าบอกข้ามา แขนของข้ามีรอยเข็มได้อย่างไร เจ้าเอาเข็มทิ่มข้าใช่ไหม”
สิ้นเสียง เขาก็หรี่ตาครุ่นคิด อยู่ดีๆ นางเอาเข็มมาทิ่มทำไม อยากจะแก้แค้นหรือ แต่นางไม่ใช่ลู่เจียวคนเดิมนี่นา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ลู่เจียวจึงเอ่ยแทรกขึ้นก่อน “เมื่อคืนเจ้าหลับลึกเกินไป ข้าเรียกอย่างไรก็ไม่ยอมตื่น ข้าเป็นห่วงเจ้า เลยเอาเข็มทิ่มเจ้าหนึ่งที”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยถามอย่างข้องใจ “ก่อนหน้านี้เจ้าก็เคยเอาเข็มทิ่มข้า?”
ก่อนหน้านี้เขาก็เห็นรอยแผลแล้ว ทว่านึกว่าเป็นแผลที่หมอฉีผ่าตัด ตอนนี้ดูๆ แล้วเหมือนไม่ใช่ฝีมือของหมอฉี
ลู่เจียวรีบแต่งเรื่องขึ้นทันที “หมอฉีบอกว่าฤทธิ์ยาบางอย่างที่ใช้ตอนผ่าตัดครั้งที่แล้วยังไม่สลายไปทันที สองสามวันมานี้ข้าเลยต้องคอยเฝ้าดูอาการของเจ้า ถ้าเห็นว่าเจ้าหลับลึกเกินไป ให้ข้าเอาเข็มทิ่มเจ้าหนึ่งทีเพื่อที่เจ้าจะได้ไม่หลับลึก”
ลู่เจียวพูดจบก็พลันพูดสมทบต่อ “แต่เจ้าวางใจเถอะ หมอฉีบอกให้ข้าทำเช่นนี้แค่สองสามวันนี้เท่านั้น หลังจากฤทธิ์ยาหมดก็ไม่เป็นไรแล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินคำพูดของลู่เจียวก็ขมวดคิ้วครุ่นคิดครู่หนึ่งถึงยอมเชื่อคำพูดลู่เจียว
ผ่าตัดต้องใช้ยาเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว อีกอย่างลู่เจียวจะเอาเข็มทิ่มเขาไปไย ถ้าเป็นร่างเดิมก็ว่าไปอย่าง ตอนนี้นางไม่ได้มีเรื่องบาดหมางใจอะไรกับเขา ไม่มีทางจงใจเอาเข็มทิ่มเขาแน่นอน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดแล้วก็ขอโทษลู่เจียวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ก่อนหน้านี้ข้านึกว่าเจ้าจงใจใช้เข็มทิ่มข้า ข้าขอโทษ”
ลู่เจียวรู้สึกโล่งอกทันที สำหรับคำขอโทษจากเขา นางย่อมรับไว้อยู่แล้ว
“อืม วันหลังอย่าระแวงคนอื่นไปเรื่อยก็พอ”
พูดจบก็หันหลังเดินจากไปทันที นางกลัวว่าจะหลุดพูดเรื่องอะไรออกไปอีก หลังจากนางได้ใช้ชีวิตอยู่กับเซี่ยอวิ๋นจิ่นมาระยะหนึ่ง นางรู้ว่าเขาฉลาดหลักแหลมและเจ้าเล่ห์มาก
ต่อให้ตอนนี้เขาจะเป็นผู้ป่วยติดเตียง ทำอะไรไม่สะดวก ทว่าหลังจากเขาหายดีต้องเจ้าเล่ห์กว่านี้แน่นอน มิน่าล่ะถึงได้เป็นวายร้ายที่ทำให้พระเอกนางเอกปวดหัวมากที่สุด
หลังจากทุกคนกินมื้อเช้าเสร็จ ชาวบ้านในหมู่บ้านเซี่ยต่างยกเก้าอี้ของตัวเองมารวมตัวกันที่บ้านของเซี่ยอวิ๋นจิ่น เพราะมีคนมาเป็นจำนวนมาก เก้าอี้ในบ้านไม่พอ จึงต้องให้พวกเขายกมากันเอง
เมื่อคืนหลังจากที่เข้าประชุมหมู่บ้านกัน ผู้ใหญ่บ้านสั่งให้ตอนเช้าทุกคนเอาเก้าอี้ของตัวเองมา ถ้าไม่เอามาก็ให้ยืนเรียน ทุกคนถึงได้ยอมยกเก้าอี้ของตัวเองมา
ผู้ที่มาเยือนนอกจากจะเป็นคนในตระกูลเซี่ยแล้ว ยังมีคนสกุลอื่นมาด้วย
แต่ละคนทักทายลู่เจียวอย่างเป็นมิตร “ภรรยาอวิ๋นจิ่น เจ้ากินข้าวเช้าหรือยัง”
“ข้ารู้สึกว่าเจ้าผอมลงไม่น้อย ดูสวยขึ้นเยอะเลย”
“ข้าว่าเอ้อร์เป่าและซานเป่ายิ่งอยู่ยิ่งเหมือนภรรยาอวิ๋นจิ่นขึ้นไปทุกที”
“จริงด้วยๆ”
ลู่เจียวทักทายชาวบ้านที่มาทุกคนด้วยความเป็นมิตร
ชาวบ้านไม่น้อยรู้สึกว่าตอนนี้ลู่เจียวยิ่งอยู่ยิ่งใจกว้าง ยิ่งอยู่ยิ่งมากความสามารถขึ้นเรื่อยๆ แตกต่างจากนางเมื่อก่อนราวกับฟ้ากับเหว ทุกคนเลยคิดว่าที่ลู่เจียวทำไม่ดีเพราะถูกหร่วนซื่อบีบบังคับให้เป็นแบบนั้น ตอนนี้พอออกจากเรือนใหญ่ ก็กลายเป็นคนดีทันที
ยิ่งไปกว่านั้น แต่ก่อนคนที่ชอบว่าลู่เจียวไม่ดีที่สุดก็คือหร่วนซื่อ คำพูดของแม่เฒ่าคนนั้นเชื่อได้ด้วยหรือ
ไหนๆ ลู่เจียวก็ตกลงให้ความรู้ด้านสมุนไพรกับชาวบ้าน นางไม่ได้พูดคุยอะไรมาก เพียงยืนอยู่ตรงหน้าประตูสวนพลางกวาดตามองทุกคน ตอนนี้น่าจะมากันแปดสิบเก้าสิบคนแล้ว ส่วนมากเป็นสตรี มีคนเฒ่าและเด็กเป็นส่วนน้อย แค่เพียงกวาดมองก็รู้ว่ามีคนมาเยือนไม่น้อย
ลู่เจียวก็ไม่พูดจาไร้สาระ เพียงกระแอมไอทีหนึ่ง มองไปที่ทุกคนด้วยความมุ่งมั่น
“คิดว่าทุกคนก็คงจะรู้ดีว่าวันนี้พวกเจ้ามาเพื่ออะไร ข้าก็ไม่อยากพูดเรื่องไร้สาระ ตอนนี้พวกเรามาเริ่มรู้จักกับสมุนไพรกันเถอะ”
ลู่เจียวพูดพลางหันหลังเดินไปที่ห้องครัว เอาสมุนไพรสิบกว่าชนิดออกจากห้วงอากาศ
“ทุกคนดูใบนี้กันก่อน ลักษณะเป็นก้านยาว ใบเป็นสีเขียวเข้ม โตเป็นวงก้นหอย มีสามถึงหกแฉก…”
ลู่เจียวยังพูดไม่ทันจบ ก็มีคนตะโกนขึ้น “ภรรยาลู่เจียว พวกเราฟังไม่ค่อยรู้ความ อธิบายให้พวกเราฟังว่ามีคุณประโยชน์อะไรก็พอ”
คนคนหนึ่งพูดจบ คนอื่นๆ ก็พยักหน้าสมทบ “เป็นเช่นนั้น เจ้าแค่บอกว่าสมุนไพรตัวนี้คืออะไรก็พอ”
ลู่เจียวพลันดึงสติกลับมา อดไม่ได้ที่จะนึกถึงตอนที่สอนลู่กุ้ยให้รู้จักกับสมุนไพรในป่า ลู่กุ้ยฟังไม่รู้ความเช่นเดียวกัน ชาวบ้านพวกนี้และลู่กุ้ยก็เหมือนกัน นางอธิบายมากไปก็ฟังไม่รู้ความเหมือนเดิม
ลู่เจียวครุ่นคิดดูแล้วก็ไม่อธิบายละเอียดเหมือนเมื่อครู่ เพียงส่งสมุนไพรในมือให้ทุกคนดู “ทุกคนจำลักษณะใบให้ดี นี่คือใบโสม”
เพิ่งจะสิ้นเสียง ก็มีคนตะโกนเสียงดังขึ้น “โสมราคาแพงมาก”
“เป็นเช่นนั้น โสมยิ่งแก่ก็ยิ่งแพง ถ้าขุดโสมที่มีอายุร้อยปีแล้วจะขายได้ราคาสูงเท่าใดกันเชียว”
สตรีนางหนึ่งชูมือทั้งสองข้างขึ้น แล้วถามนางด้วยความใจร้อน “ขนาดเท่าใด ใบนี้ขายได้เท่าใด”
“หนึ่งร้อยตำลึงเงิน”
เวลานี้รอบทิศเต็มไปด้วยเสียงวุ่นวาย “โอ้สวรรค์ จริงหรือ ล้ำค่าขนาดนี้เลยหรือ”
หนึ่งในนั้นคือป้ากุ้ยฮวาที่ถามลู่เจียว “เจียวเจียว โสมที่ให้ดูราคาเท่าไหร่กันเชียว”
ลู่เจียวกวาดมองทุกคนเพียงปราดหนึ่ง แล้วพูดด้วยความแน่ใจ “เป็นเช่นนั้น แค่เป็นโสมก็ราคาแพงแล้ว อย่าว่าแต่โสมหนึ่งร้อยปีเลย แค่อายุยี่สิบสามสิบปีก็ได้ราคาร้อยกว่าตำลึงเงินแล้ว ถ้ามีโสมหนึ่งร้อยปีจริงๆ อย่างน้อยก็ต้องได้เจ็ดแปดร้อยตำลึงเงิน”
นี่ยังเป็นราคาในเมืองเล็กๆ ถ้าเอาไปขายในเมืองใหญ่ก็ยิ่งแพง
ด้านล่างมีเสียงเอะอะวุ่นวะวุ่นวายดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ละคนต่างสนทนากันอย่างตื่นเต้นดีใจ ราวกับขุดเจอโสมจริงๆ
บางคนถึงกับบอกว่าถ้าตัวเองขุดเจอโสมและเอาไปขายจริงๆ จะซื้ออันนี้กิน ซื้ออันนั้นใช้
ลู่เจียวได้ยินก็ปั้นหน้าอ่อนเพลีย โสมจะขุดเจอง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร
นางยกมือให้ทุกคนหยุดพูด “เอาเถอะ สมุนไพรชนิดต่อไปคือเห็ดหลินจือ”
ลู่เจียวไม่มีทางเอาเห็ดหลินจือในห้วงอากาศออกมาใช้ในการสอนแน่นอน ฉะนั้นนางเลยพูดถึงลักษณะของเห็ดหลินจือคร่าวๆ เท่านั้น
“เห็ดหลินจือชอบอากาศเปียกชื้น ส่วนมากจะขึ้นตรงรากของต้นไม้ใบกว้างและท่อนไม้พุผัง เห็ดหลินจือมีราคาสูงลิ่ว ดอกที่มีอายุห้าสิบปีก็ได้ราคาราวๆ สองร้อยกว่าตำลึงเงินแล้ว”
นี่คือราคาในอำเภอ ถ้าเอาไปขายในมณฑลใหญ่ ก็ได้แพงกว่านี้
ทุกคนต่างก็พูดคุยกันอีกครั้ง ลู่เจียวก็แนะนำไฉหูต่อ “ไฉหูเป็นราก ไม่มีลำต้นและใบ พวกเจ้าอย่าจำผิดล่ะ”
“นี่เป็นเหลียนเฉียว เหลียนเฉียวและดอกยิงชุน พวกเจ้าอย่าจำสลับกันเชียว เหลียนเฉียวมีลำต้นที่สูงใหญ่กว่า ปลายก้านห้อยลงเป็นระย้า ส่วนดอกยิงชุนก้านจะเป็นทรงโค้ง”