ตอนที่ 134 เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ที่เปลี่ยนแปลงไปขนานใหญ่
ลู่เจียวรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา หันหลังกลับเข้าห้องคิดกล่าวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วยสัญชาตญาณ แต่พอคิดว่าในห้องมีหันถงอยู่ นางก็อดไว้ก่อน
คืนนี้หันถงเป็นแขกที่บ้าน ลู่เจียวตัดสินใจทำอาหารถนัดสองสามอย่าง อย่างไรตอนนี้ที่บ้านมีหม้อสองใบ ทำได้หมด
ลู่เจียวต้มน้ำเชือดไก่ตัวหนึ่งตุ๋นน้ำแกง
นางยังฆ่าปลาตัวหนึ่ง หมักเกลือเตรียมไว้
เอาเนื้อหมูชิ้นหนึ่งออกมา เตรียมทำไชเท้าผัดหมู
อีกอย่างก็ไปในแปลงผักบ้านตน เด็ดผักกวางตุ้ง ตัดกุยช่าย
ปรากฏว่าในลานด้านหลัง บวบ มะเขือเทศและถั่วแขกต้องสร้างนั่งร้านแล้ว ลู่เจียวก็ตั้งนั่งร้านบวบ มะเขือเทศ ถั่วแขกอย่างคล่องแคล่ว
พอนางจัดการเรื่องพวกนี้เสร็จก็สายแล้ว เจ้าหนูน้อยทั้งสี่สอนหนังสือเสร็จแล้ว เด็กๆ ตามหานางเจอก็ส่งเสียงเรียกอย่างตื่นเต้นดีใจ
“ท่านแม่ ตอนเช้าท่านแม่ว่าทุกวันตอนบ่ายจะพาพวกเราขึ้นเขา”
ตอนเช้าลู่เจียวบอกเล่าแผนการในแต่ละวันให้พวกเด็กๆ เจ้าแฝดสี่จดจำมาตลอด โดยเฉพาะทุกวันตอนบ่ายท่านแม่จะพาพวกเขาขึ้นเขาไปออกกำลังกายด้วยตนเอง
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รู้สึกสนใจเรื่องขึ้นเขามาก ดังนั้นจึงตั้งหน้าตั้งตารออย่างยิ่ง
ลู่เจียวมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ พบว่าพวกเขาวาดหวังจะตามนางขึ้นเขาด้วย ดังนั้นนางเงยหน้ามองดูท้องฟ้า ยังไม่สายมาก นางพาเด็กๆ ขึ้นเขาได้ แล้วค่อยกลับมาเตรียมอาหาร
“เอาละ งั้นพวกเราขึ้นเขากัน จะได้ถือโอกาสเก็บหญ้าสดมาให้แม่แพะด้วย พรุ่งนี้เช้าแม่จะบีบนมแพะต้มให้พวกเจ้าดื่ม”
“อืม อืม ได้”
แม่ลูกห้าคนกลับเข้าครัวหยิบกระบุงหลังเดินทางขึ้นเขา
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ขึ้นเขาครั้งแรกก็ตื่นเต้นมาก ตลอดทางมาก็เดินไปข้างหน้าอย่างฮึกเหิม แต่พอเดินไปได้ชั่วครู่หนึ่ง เด็กๆ เริ่มหอบแฮกเดินไม่ไหวแล้ว ทั้งสี่ชะเง้อมองไปรอบๆ ฝีเท้าเริ่มชะลอ แต่ยังกัดฟันทน ไม่ให้ลู่เจียวอุ้ม
ลู่เจียวเห็นสภาพพวกเขาก็เสนอให้หยุดพักกันก่อน
“พวกเรานั่งพักกันสักครู่ กินลูกท้อแล้วค่อยเก็บหญ้าสดกลับไปให้แพะกัน”
ต้าเป่ารู้สึกพวกเขาเป็นเช่นนี้ไม่ได้เรื่องเอาอย่างมาก หันไปมองลู่เจียวสายตาแน่วแน่กล่าวว่า “ท่านแม่ พวกเรายังเดินไหว”
เอ้อร์เป่าพยักหน้าหนักแน่นแสดงท่าทีเห็นด้วย
ซานเป่า ซื่อเป่าไม่พูดจา โดยเฉพาะซื่อเป่า หน้าแดงไปหมด นั่งอยู่บนพื้นลุกไม่ขึ้นแล้ว เขามองลู่เจียวออดอ้อนกล่าวว่า “ท่านแม่ เดินไม่ไหวแล้ว ขาข้าอ่อนแรงไปหมดแล้ว ขาไม่เชื่อฟังแล้ว”
ลู่เจียวนึกขำยกมือลูบใบหน้าเล็กของซื่อเป่า จากนั้นก็หันไปมองต้าเป่า เอ้อร์เป่ากล่าวว่า
“ออกกำลังกายไม่ใช่เรื่องที่จะร้อนใจได้ ต้องยืนหยัดให้นาน และสภาพร่างกายพวกเจ้าอ่อนแอ ไม่อาจรีบร้อนเดินทางไกลในทีเดียว จะทำให้ร่างกายบาดเจ็บได้ง่าย พวกเราค่อยเป็นค่อยไป ไว้วันหน้าพวกเจ้าสุขภาพดีขึ้น ก็จะขึ้นเชาลงเขาได้ตามสบายแล้ว”
ต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าคิดแล้วก็รู้สึกว่าท่านแม่กล่าวได้ถูกต้อง ดังนั้นจึงเห็นด้วย
“อืม ฟังคำท่านแม่”
ลู่เจียวหยิบลูกท้อห้าลูกออกจากกระบุงหลัง ลูกท้อห้าลูกนี้นางล้างแล้วใส่ไว้ในกระบุงไว้
“มา กินท้อคนละลูก แล้วไปเก็บหญ้าให้แม่แพะกัน”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่คว้าลูกท้อนั่งอยู่บนพื้นหญ้ากัดกินอย่างมีความสุข
ลู่เจียวเองก็ถือลูกท้อกินเช่นกัน นางกินไปก็พูดคุยกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไป
“พวกเจ้ารู้ไหมว่าแพะชอบกินอะไร กินหญ้าสดแบบไหนไหม”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ส่ายหน้า ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่รู้จักแพะ แต่ตอนนี้รู้จักแล้ว
ลู่เจียวอธิบายให้พวกเด็กฟังว่า “แพะชอบกินหญ้าตระกูลถั่ว เช่นหวงฮวามู่ซวี่ ชอบกินหญ้าไม่มีหนาม หญ้าบนสนามหญ้ามีหนามแพะไม่ชอบกิน อีกอย่าง มันชอบกินหญ้าอ่อน”
ลู่เจียวกล่าวจบก็หาจากละแวกใกล้ๆ จากนั้นก็หาหวงฮวามู่ซวี่เจอ ความจริงหวงฮวามู่ซวี่ก็คือมู่ซวี่ป่า
“ดูนี่ นี่ก็คือหวงฮวามู่ซวี่ พวกเจ้าเห็นแบบนี้ ก็เก็บมาให้แพะกินได้ และแพะชอบกินครึ่งเดียว ครึ่งล่างส่วนรากแก่ไป มันไม่ชอบกิน”
ในบรรดาแฝดสี่ ต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าลุกขึ้นหาในละแวกใกล้ๆ ได้ก่อน สองพี่น้องหามาได้จำนวนหนึ่งอย่างรวดเร็ว แล้วถอนกลับมา
ซานเป่ากับซื่อเป่าถูกพวกเขาทำให้รู้สึกฮึกเหิม พากันตะกายขึ้นมาร่วมวง ไม่นานก็เก็บหวงฮวามู่ซวี่ได้กองหนึ่ง
“เอาละ สายแล้ว แม่ควรกลับไปเตรียมทำอาหารเย็นแล้ว วันนี้ที่บ้านมีแขก พรุ่งนี้พวกเราค่อยขึ้นเขาต่อ”
พอลู่เจียวพูดขึ้น เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็ดีใจ ลืมความเหนื่อยล้าไปหมดสิ้น เอ้อร์เป่าฮึกเหิมที่สุด เขาโผเข้าไปข้างกายลู่เจียวดึงมือนางกล่าวว่า “ท่านแม่ อย่าลืมนะ พรุ่งนี้พวกเราต้องขึ้นเขาอีกนะ ใช่แล้ว ข้าจะเอาหนังสติ๊กของข้ามายิงด้วย”
ลู่เจียวรู้สึกกับคำพูดเขา “ได้ พรุ่งนี้มากันอีก”
แม่ลูกห้าคนเก็บหวงฮวามู่ซวี่กลับบ้าน เจ้าหนูน้อยทั้งสี่พอถึงบ้านก็เอาหวงฮวามู่ซวี่ไปเลี้ยงแม่แพะ คิดอยากรู้ว่าแม่แพะชอบกินหญ้าจริงหรือไม่ ปรากฏว่าแพะชอบกินจริงๆ
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ลืมความเหนื่อยทันที พากันส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์เอ็ดอึง
พวกเขาอายุขนาดนี้กำลังอยู่ในวัยสนใจในทุกสิ่ง ลู่เจียวพาพวกเขาผ่านประสบการณ์แต่ละเรื่อง ก็เหมือนให้พวกเขาได้เปิดประตูสู่โลกใหม่ ตอนนี้พวกเขาร่าเริงและแจ่มใส มั่นใจในตัวเองอย่างมาก
ทั้งสี่ศึกษาเรื่องแพะอยู่ครู่หนึ่ง ก็วิ่งไปเรือนนอนตะวันออกถกเรื่องนี้กับเซี่ยอวิ๋นจิ่น
ในห้องหันถงมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ร่าเริงน่ารัก ก็อดแปลกใจไม่ได้อย่างมาก
เจ้าหนูสี่คนนี้ใช่เจ้าเด็กที่น่าสงสารสี่คนนั่นจริงหรือ เปลี่ยนแปลงไปมากจริงๆ
เจ้าแฝดสี่ไม่รู้ความคิดหันถง พูดคุยกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างตื่นเต้น
“ท่านแม่สอนพวกเรา แพะชอบกินอะไร นางว่าแพะชอบกิน กิน?”
เอ้อร์เป่าชะงัก ต้าเป่าเตือนเขาทันที “หวงฮวามู่ซวี่”
เอ้อร์เป่าพยักหน้าหงึก “ใช่ ท่านแม่ว่าแพะชอบกินหญ้าที่ไม่มีหนาม ชอบกินหญ้าอ่อน”
ความสนใจของซานเป่ากับซื่อเป่าไม่ได้อยู่ในเรื่องนี้ เจ้าหนูสองคนมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “ท่านแม่ว่าพรุ่งนี้ก็จะได้ดื่มนมแพะ”
หันถงมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ก่อนจะมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น กล่าวว่า “เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ตอนนี้ร่าเริงดีจริงๆ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้มพยักหน้า สีหน้าอ่อนโยนอบอุ่น
“ลู่เจียวสอนลูกเป็นจริงๆ”
หันถงมองสีหน้าอ่อนโยนของเซี่ยอวิ๋นจิ่นยามเอ่ยถึงลู่เจียว ทำให้มั่นใจอีกครั้งว่า ระยะนี้อวิ๋นจิ่นอยู่ร่วมกันกับลู่เจียวได้ดีมาก ไม่เลวๆ
ตกค่ำลู่เจียวทำอาหารโต๊ะหนึ่ง นอกจากซุปแม่ไก่แก่ หมูผัดไชเท้า ชิ้นปลาน้ำแดงแล้ว ยังมีปลาหลากชนิดเผาอีกจานใหญ่
ปลาหลากชนิดเป็นเซี่ยเสี่ยวเป่านำมา มีปลาตะเพียนขนาดเท่าฝ่ามือ ยังมีปลาหนีชิวกับกุ้ง แม้ว่าของไม่มาก แต่ก็ไม่น้อย
ลู่เจียวจึงนำไปตุ๋นหม้อหนึ่ง ต้มรวมปลาน้ำแดงจานใหญ่อีกจาน
และยังทำกุยช่ายผัดไข่กับเห็ดหอมผัดผักกวางตุ้ง อาหารเรียกน้ำย่อยก็คือแตงกวาเปรี้ยว
หันถงมาจากอำเภอ เข้าออกร้านอาหารใหญ่กินอาหารบ่อย แต่พอได้เห็นอาหารคาวเต็มโต๊ะนี้ ก็ยังชื่นชมว่า
“พี่สะใภ้ฝีมือทำอาหารไม่เลวเลย สีกลิ่นรสครบครัน”
ลู่เจียวพยักหน้ารับคำชมของเขา
เพราะที่บ้านมีหันถงเป็นแขกแค่คนเดียว ลู่เจียวจึงยกโต๊ะข้างนอกเข้าไปในห้องกินด้วยกันกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น
เช่นนี้ครึกครื้นหน่อย ส่วนท่านหมอซือที่มากับหันถงก่อนหน้านี้ นั่งรถม้าตระกูลหันไปหมู่บ้านชีหลี่หาหมอฉีแล้ว
ตอนลู่เจียวรู้เรื่องนี้ เขาก็ไปแล้ว ลู่เจียวจะพูดอะไรได้ ได้แต่ปล่อยเขาไปแล้ว
นางเชื่อว่าฉีเหล่ยจะจัดการเรื่องนี้ได้เรียบร้อย
“มา กินปลาหน่อย กินปลาสมองจะได้ฉลาด”