ตอนที่ 131 ไร้จารีตภรรยา
ลู่เจียวมองแล้วใจก็เต้นแรงอยู่มาก แต่นางก็ไม่ได้คิดมาก คนงามย่อมได้เปรียบแต่กำเนิด เรื่องนี้นางเข้าใจ
“เอาละ เจ้ากินข้าวเถอะ ข้าจะออกไปกินข้างนอก”
ลู่เจียวกล่าวจบก็หันหลังออกไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นอมยิ้มมองนางออกไป
เพียงแต่พอลู่เจียวเพิ่งออกไป ยังไม่ทันได้กินข้าว ก็เห็นนอกประตูมีคนมากันสามคน
หร่วนซื่อแม่สามีนางกับเฉินซื่อพี่สะใภ้ใหญ่นาง ข้างกายเฉินซื่อยังมีหญิงสาวหน้าตาสะสวยตามมาอีกคน
หญิงสาวรูปร่างอวบอิ่มเล็กน้อย หน้าตาก็งดงามอยู่มาก โดยเฉพาะสองตาคู่งาม ขนตางอนขึ้นเล็กน้อย ราวกับว่าจะดูดวิญญาณได้
หญิงสาวผู้นี้พอเห็นลู่เจียว แววตาก็แอบมีความไม่พอใจ ราวกับดูถูกลู่เจียว
ลู่เจียวไร้วาจาจะกล่าว คนอะไรกัน มาบ้านคนอื่นยังทำยโสเช่นนี้
แต่ลู่เจียวก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ทันที ก่อนหน้านี้นางไล่โจวเสี่ยวเถาไป บอกว่าโจวเสี่ยวเถาหน้าตาขี้เหร่ เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่เข้าตา ดังนั้นครั้งนี้หร่วนซื่อจึงได้หาสาวน้อยหน้าตางดงามมา
นางตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะไล่นางไป จะได้ให้สตรีอื่นมาแทนตำแหน่ง
ลู่เจียวแอบโมโหในใจอย่างบอกไม่ถูก พวกนางคิดให้นางไป ก็รอสองสามเดือนไม่ได้หรือไง สองสามเดือนผ่านไป พวกนางไม่พูด นางย่อมถอยลงจากตำแหน่งให้เอง
สีหน้าลู่เจียวไม่พอใจ มองหร่วนซื่อกับเฉินซื่อ เฉินซื่อมองลู่เจียวสีหน้านิ่ง กล่าวว่า “น้องสะใภ้สามทำหน้าตาอย่างนี้ให้ใครดูกัน”
นางกล่าวจบก็ไม่สนใจลู่เจียว ตามหลังหร่วนซื่อเดินเข้าไปในเรือนนอนตะวันออก
นอกห้องย่อมมีเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กำลังกินข้าวกันวุ่นวาย พอเห็นหร่วนซื่อกับผู้หญิงข้างกายพวกนาง ก็คิดถึงโจวเสี่ยวเถาทันที เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไถลตัวลงจากเก้าอี้ แล่นปรู้ดไปยังเรือนนอนตะวันออก
ในเรือนนอนตะวันออกหร่วนซื่อพยายามแสดงหน้าตาเมตตาอารี น่าเสียดายนางด้อยวาสนา การเสแสร้งนี้เห็นชัดว่าน่าขันอย่างยิ่ง ทว่านางไม่ได้รู้สึกตัวแม้แต่น้อย ทำสีหน้าอ่อนโยนมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นบนเตียง กล่าวว่า
“เจ้าสาม ครั้งก่อนแม่ไม่ทันได้คิด ขอให้โจวเสี่ยวเถาหน้าตาอัปลักษณ์มาดูแลเจ้า แม่ลืมไปว่าตอนเด็กเจ้าชอบคนสวย ครั้งนี้แม่ขอให้หลานสาวของแม่พี่สะใภ้ใหญ่เจ้ามาดูแลเจ้าโดยเฉพาะ”
บนเตียง เซี่ยอวิ๋นจิ่นเปล่งรัศมีน่ากลัวออกมารอบกาย หน้าตาเย็นเยียบอย่างยากบรรยาย
ในห้องเฉินชุนสี่หลานสาวเฉินซื่อก้าวเข้ามาเรียกเซี่ยอวิ๋นจิ่น “ชุนสี่คำนับพี่สาม”
เฉินชุนสี่เพิ่งกล่าวจบ ในห้องเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไม่รอให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าว ก็รับคำตะโกนดังลั่นขึ้นมา
“เจ้าคิดมาเป็นอนุท่านพ่อข้า?”
“ท่านพ่อข้าบอกแล้วว่าไม่ต้องการอนุ และจะไม่มีลูกกับอนุด้วย”
“เจ้ารีบไป ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าด่าเจ้าหน้าไม่อาย”
“เจ้าหน้าตาขี้เหร่ ท่านพ่อข้าไม่ต้องตาเจ้าหรอก”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เพิ่งกล่าวจบ หร่วนซื่อสีหน้าแปรเปลี่ยน นางแสร้งปั้นหน้าตาเมตตาก่อนหน้าต่อไปไม่ไหวแล้ว พลันชี้หน้าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ด่าอย่างโมโหว่า “เจ้าลูกกระต่ายสี่ตัวนี่ พูดจาอะไรกัน หรือเพราะท่านแม่พวกเจ้าสอนให้พวกเจ้าพูดจาอย่างนี้”
หร่วนซื่อกล่าวจบก็ไม่รอให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่พูด หันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น กล่าวว่า “เจ้าสาม เจ้าดูเจ้าเด็กสี่คนนี่ถูกนางสอนจนกลายเป็นอะไรไปแล้ว หญิงผู้นี้สอนลูกไม่ได้ ไม่สู้แม่ช่วยเจ้าพากลับไปอบรมสั่งสอน รับรองว่าสอนแทนเจ้าจนเชื่อฟังอย่างดีแน่”
หร่วนซื่อเพิ่งกล่าวจบ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็ตกใจร้องไห้ พวกเขากลัวจริงๆ ว่าจะถูกหร่วนซื่อพากลับไป เจ้าแฝดสี่หันหลังวิ่งไปข้างเตียงเซี่ยอวิ๋นจิ่น
ลู่เจียวเห็นเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ร้องไห้ก็อดปวดใจไม่ได้ ก้าวเดินไปข้างเตียง มองหร่วนซื่อสายตาเย็นชา
“ท่านแม่เล่นไม่เลิก จะส่งหญิงสาวขึ้นเตียงเซี่ยอวิ๋นจิ่นให้ได้ ขาเขายังไม่หายดีนะ”
ในห้องสีหน้าสตรีทั้งสามพากันแปรเปลี่ยน
หร่วนซื่อกับเฉินหลิ่วคิดไม่ถึงว่าลู่เจียวถึงกับกล่าวออกมาตรงๆ อย่างนี้
หร่วนซื่อส่งเสียงดังขึ้นก่อน “ลู่เจียว เจ้าพูดเหลวไหลอะไร ข้าเห็นว่าเจ้ายุ่งมาก ก็เลยหาคนมาช่วยเจ้าดูแลเจ้าสาม”
ลู่เจียวรับคำต่ออย่างไม่เกรงใจว่า “ดูแลถึงบนเตียงงั้นหรือ”
ครั้งนี้เฉินชุนสี่โมโหจนร้องไห้แล้ว นางอย่างไรก็เป็นหญิงสาว และเป็นหญิงสาวที่บ้านรักเอ็นดู ความจริงหากไม่ใช่ป้าตนเองบอกนางว่าแต่งกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ประโยชน์มากมายอย่างไรบ้างแล้ว นางย่อมไม่คิดแต่งเป็นภรรยาคนที่สอง ยังต้องดูแลเด็กสี่คนนี่อีก
แต่พอคิดถึงท่านป้าบอกว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นวันหน้าต้องได้เป็นขุนนางใหญ่ นางแต่งกับเขา วันหน้าย่อมได้เป็นฮูหยินขุนนาง
เฉินชุนสี่มาเพราะเหตุนี้ คิดไม่ถึงว่าถูกคนว่าเป็นอนุ
นางไม่ยอมเป็นอนุ
เฉินชุนสี่คิดแล้วก็มองลู่เจียว สะอื้นกล่าวว่า “เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล ข้าไม่เป็นอนุ”
ลู่เจียวพลันหัวเราะขึ้นมา “เจ้าไม่เป็นอนุ หรือว่ามาช่วยข้าดูแลคนป่วย?”
นางกล่าวจบก็สะบัดหน้าไปมองหร่วนซื่อกล่าวว่า “ท่านแม่ ท่านแน่ใจนะว่าคนผู้นี้มาช่วยงานข้า”
หร่วนซื่อรีบพยักหน้า “ไม่ผิด ดังนั้นอย่าได้วันๆ เอาแต่คิดเหลวไหล ดูซิว่าเจ้าอบรมลูกๆ เป็นอย่างไรไปแล้ว”
ลู่เจียวไม่ได้สนใจหร่วนซื่อ หันไปมองเฉินชุนสี่กล่าวว่า “เจ้าเชื่อฟังคำแม่สามีข้าหรือ เจ้ามาก็เพื่อช่วยงานข้า ดังนั้นตอนนี้ข้าต้องบอกเจ้าสักคำ อยู่บ้านข้าย่อมได้ แต่ไม่อนุญาตให้เข้าไปในเรือนนอนตะวันออก ไม่อนุญาตเข้าใกล้เซี่ยอวิ๋นจิ่น เขาไม่ต้องการเจ้าดูแล เขามีภรรยาของเขาดูแลได้”
“เจ้าเป็นหญิงสาวยังไม่ออกเรือน มาดูแลใกล้ชิด เกรงว่าจะถูกครหา ถึงตอนนั้นอวิ๋นจิ่นก็ต้องรับเจ้าเป็นอนุใช่ไหม เจ้าอยู่บ้านข้าช่วยข้าปัดกวาดบ้าน หาบน้ำ ขึ้นเขาตัดฟืน ผ่าฟืน เลี้ยงแพะ…”
ลู่เจียวกล่าวไม่ทันจบ เอ้อร์เป่าก็แย่งกล่าวว่า “ยังต้องช่วยพวกเราเลี้ยงหมาด้วย ทำความสะอาดกรงหมา”
ในห้องเฉินชุนสี่สีหน้าแปรเปลี่ยน รีบหันไปมองเฉินซื่อผู้เป็นป้านางทันที
ตอนนางมา ไม่ได้บอกว่าให้นางทำเรื่องพวกนี้นี่ บอกแค่ว่าให้นางมาดูแลพี่สาม ดูแลไปมาก็เกิดความผูกพันเองไม่ใช่หรือ ตอนนี้แม้แต่เข้าใกล้เขาก็ไม่ได้ งั้นนางจะอยู่ต่อทำอะไร
เฉินซื่อรีบมองไปทางหร่วนซื่อ “ท่านแม่”
หร่วนซื่อสีหน้าไม่ดีนัก ถลึงตาจ้องใส่ลู่เจียวกล่าวว่า “คนเขาเป็นสาวเป็นนาง เจ้าให้เขาทำเรื่องพวกนี้ เหมาะสมหรือ”
ลู่เจียวหน้าบึ้งทันที กล่าวเย็นเยียบว่า “ท่านแม่ไม่ได้บอกว่าให้นางมาช่วยข้าหรือ ช่วยข้าแล้วไม่ทำงาน มาบ้านข้าทำไม หรือว่ายังคิดให้ข้ารับใช้นางด้วย นางฝันหวานไปเถอะ”
หร่วนซื่อได้ยินก็ดวงตาแผดเผาลุกโชน แต่พอเห็นสีหน้าดุดันของลู่เจียว ในใจนางก็นึกกลัว
หร่วนซื่อสะบัดหน้าไปหาเซี่ยอวิ๋นจิ่น กล่าวว่า “เจ้าสาม เจ้าไม่อบรมภรรยาเจ้าบ้าง แม่หาคนมารับใช้เจ้า นางถึงกับทำกับหญิงสาวตัวน้อยเช่นนี้ นี่เรียกว่าริษยานะ วันหน้าเจ้าสอบจอหงวนได้ หากคิดรับอนุอะไร หญิงผู้นี้ขัดขวางเจ้าจะทำเช่นไร หญิงไร้จารีตภรรยาเช่นนี้ เจ้ายังเก็บนางไว้ทำไม เป็นหญิงต้องดำรงจารีตกุลสตรี”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ฟังคำพูดหร่วนซื่อ ก็พุ่งออกมากันหน้าลู่เจียว ต้าเป่าสะบัดหน้าหันไปกล่าวอย่างโมโหว่า “พวกเราไม่ให้ท่านแม่ไป ท่านพ่อข้าย่อมไม่รับอนุ พวกท่านไปเสีย”
หร่วนซื่อหน้าดำคล้ำ กัดฟันแทบจะฟาดเจ้าหนูน้อยทั้งสี่อย่างโกรธแค้น