ตอนที่ 154 น่องไก่และน่องเป็ดเก็บให้ท่านแม่
ลู่เจียวเทน้ำชาเดินเข้าไปในเรือนนอนตะวันออก เซี่ยอวิ๋นจิ่นรอให้นางวางน้ำชาลง ก็สั่งน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “วันนี้น้องชายเจ้ามา ก็ทำอาหารเพิ่มอีกสักสองสามอย่าง”
ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ลู่กุ้ยรู้สึกว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ปกติ แม้แต่ลู่เจียวก็รู้สึกว่าคนผู้นี้ไม่ปกติ
ก่อนหน้านี้เขายังรักษาระยะห่างกับบ้านตระกูลลู่อย่างมีมารยาทและเหินห่าง ทำไมตอนนี้อยู่ๆ จึงได้ต้อนรับอบอุ่นขึ้นมา
คนผู้นี้เป็นอะไรไป ลู่เจียวนึกถึงเรื่องเมื่อวานตอนค่ำ เจ้าหมอนี่ไม่ปกติแล้ว หรือว่ากำลังคิดแผนหลอกล่อให้นางตกหลุมพราง
ไม่ถึงขนาดนั้นมั้ง ระยะนี้นางก็ไม่ได้ล่วงเกินอะไรเขา อยู่ดีๆ มาวางแผนหลอกล่อให้นางตกหลุมพรางทำไม
ลู่เจียวครุ่นคิดในใจ แต่พยายามรักษาสีหน้าให้นิ่งสงบ “ได้ ข้าออกไปทำอาหารกลางวัน เจ้าคุยกับลู่กุ้ยไปก่อน”
แม้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นคุยกับลู่กุ้ยด้วยสีหน้าอ่อนโยน แต่ลู่กุ้ยก็ยังรู้สึกอึดอัด ไม่ทันรอให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นพูดอะไรก็ลุกขึ้นกล่าวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นว่า “ข้าไปช่วยพี่เจียวก่อน พี่เขยขายังไม่หายดี พักผ่อนมากๆ”
กล่าวจบก็รีบเผ่นออกไป ไม่เปิดโอกาสให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้พูดอะไร
ลู่เจียวมองลู่กุ้ยอย่างไร้วาจา ต้องถึงขนาดนี้ไหม
นางหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นแวบหนึ่ง เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมรอยยิ้มบาง “เจ้าไปทำงานเถอะ”
ลู่เจียวเห็นสีหน้าท่าทางเขาเช่นนี้ก็มักรู้สึกว่ามีอุบายซ่อนเงื่อนยิ่งใหญ่อะไรสักอย่างกำลังรอนางอยู่ ก็บ่นพึมพำก่อนจะหันหลังเดินออกไป สองพี่น้องท่าทางเหมือนกัน เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังมองสองพี่น้องที่เดินออกไปอย่างรู้สึกนึกขำ นี่มันอะไรกัน ราวกับเห็นผีอย่างนั้นแหละ
ตอนเที่ยงลู่เจียวก็ทำอาหารเต็มโต๊ะ ไก่ตุ๋นเห็ดหอม เนื้อน้ำแดง น้ำแกงเป็ดเห็ดหอม ผัดถั่ว ปลาตะเพียนน้ำแดง น้ำแกงหัวปลาเต้าหู้
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เห็นอาหารบนโต๊ะก็ยิ้มจนปากหุบไม่ลง แต่แม้เป็นเช่นนี้ก็ยังไม่ลืมท่านพ่อในเรือนนอนตะวันออก
ต้าเป่าวิ่งไปตรงหน้าลู่เจียว เงยหน้ามองนาง “ท่านแม่ ย้ายโต๊ะเข้าไปในเรือนนอนตะวันออก กินด้วยกันกับท่านพ่อนะ”
ไม่อย่างนั้นพวกเขากินกันอยู่ข้างนอก ท่านพ่อกินคนเดียวอยู่ในเรือนนอนตะวันออก น่าสงสารมาก
ลู่เจียวยกมือแตะหน้าผากเจ้าตัวน้อยทีหนึ่ง “ไม่ว่าตอนไหนก็ไม่เคยลืมท่านพ่อเจ้าเลยจริงๆ ไม่เสียแรงที่ท่านพ่อรักพวกเจ้า ได้ แม่ตามใจเจ้า”
ลู่เจียวพูดแล้วก็ย้ายโต๊ะเข้าไปในเรือนนอนตะวันออก
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ดีใจดึงลู่กุ้ยเข้าไปกินอาหารกลางวันในเรือนนอนตะวันออก
ในเรือนนอนตะวันออก เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองเห็นทุกอย่าง ในใจก็ดีใจอย่างบอกไม่ถูก สายตาที่มองลู่เจียวก็อ่อนโยนขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
ลู่เจียวเห็นแล้วก็ขนลุกซู่ขึ้นมาทั้งตัว คนผู้นี้ไม่ปกติ ไม่ปกติเอามากๆ
นางคิดออกแล้ว เหมือนนึกถึงความเป็นไปได้หนึ่งผุดขึ้นมาจากช่องสมองได้ คนผู้นี้คงไม่ใช่ว่าไม่ใช่เซี่ยอวิ๋นจิ่นคนนั้น เปลี่ยนวิญญาณมาเหมือนนางกระมัง
ลู่เจียวครุ่นคิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นทันที มองชายบนเตียง เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นนางมองเขา ก็เอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยนอบอุ่นว่า “ทำไมหรือ”
ลู่เจียวมองอย่างละเอียด รู้สึกว่าชายบนเตียงยังคงเป็นคนนคนเดิม
“ไม่มีอะไร”
สายตาเซี่ยอวิ๋นจิ่นลุ่มลึกลง มุมปากแย้มยกเผยรอยยิ้มบาง เขาย่อมมองออกถึงท่าทางสงสัยของลู่เจียว นี่เห็นเขาดีกับนางเลยทำตัวไม่ถูกหรือ
วันหน้าเขาต้องยิ่งดีกับนาง อย่างไรนางก็ทุ่มเทเพื่อพวกเขาพ่อลูก เขาไม่ใช่คนใจดำ
“เจ้ายุ่งมาทั้งเช้าแล้ว กินข้าวเถอะ”
ลู่เจียวได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก็พลันกระจ่างขึ้นมา คนผู้นี้อ่อนโยนกับนางเช่นนี้ น่าจะเพราะว่าระยะนี้นางดูแลพวกเขาพ่อลูก ดังนั้นเป็นนางคิดมากไปเอง?
เอาละ ไม่คิดละ ดูแลพวกเขาไปอย่างสบายใจดีกว่า อีกหนึ่งเดือนกว่า เขาก็เดินได้ปกติแล้ว ถึงตอนนั้นนางก็จะพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่จากไปอย่างมีความสุขแล้ว
คิดถึงตรงนี้ ลู่เจียวก็อารมณ์ดี ยิ้มตาหยีตักข้าว ตักน้ำแกงเป็ดครึ่งชามให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น “เจ้าอยากกินอะไร บอกข้าได้เลย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเงยหน้ามองนาง เห็นสีหน้าเปี่ยมด้วยรอยยิ้มของนาง แววตาราวกับมีประกายแสงสาดส่อง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เขาพยักหน้าเล็กน้อย แสดงท่าทางบอกให้ลู่เจียวไปกินข้าว
ลู่เจียวหันเดินไปหน้าโต๊ะ ลู่กุ้ยกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ยังไม่ได้ลงมือกิน แต่ละคนรอนางอยู่
ลู่เจียวกำลังจะพูด นอกหน้าต่างเรือนนอนตะวันออกก็มีคนเรียกนาง “ภรรยาอวิ๋นจิ่น”
ลู่เจียวหันไปมอง พบว่าเป็นจ้าวซื่อข้างบ้าน จ้าวซื่อขยิบตาให้นางท่าทางลับๆ ล่อๆ ให้นางออกไปคุยด้วย
ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย บอกให้ลู่กุ้ยกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กินไปก่อน นางออกไปครู่หนึ่ง
ลู่กุ้ยรับคำ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ดีใจกล่าวว่า “ท่านแม่ พวกเราเก็บน่องไก่ไว้ให้”
“ใช่ ยังมีน่องเป็ด ก็เก็บไว้ให้ท่านแม่กิน”
ลู่เจียวมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ รอยยิ้มบนใบหน้าสาดแสงราวกับดวงตะวัน
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่มีจิตใจดี นางทุ่มเทสอนสั่งอบรมพวกเขา แม้สุดท้ายพวกเขาจะกลับไปข้างกายท่านพ่อของพวกเขา ก็ย่อมจดจำความดีนางได้ ไม่แน่วันหน้าอาจมาเยี่ยมนางบ่อยๆ นี่ก็ไม่เลว
ลู่เจียวยิ่งคิดก็ยิ่งเบิกบานใจ ยิ้มตาหยีกล่าวว่า “ลูกแม่ช่างกตัญญู แม่ไม่กินก็เบิกบานใจ พวกเจ้ากินเถอะ”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ส่งเสียงพร้อมกันว่า “พวกเรากินอย่างอื่นได้ น่องไก่กับน่องเป็ดต้องเก็บให้ท่านแม่”
ต้าเป่ากล่าวจบก็เอาชามมาคีบน่องไก่กับน่องเป็ดใส่ชาม
เขาคีบน่องไก่กับน่องเป็ดเสร็จ ก็ยังไม่ลืมกล่าวกับสามตัวน้อยข้างๆ ว่า “อีกน่องให้ท่านพ่อ น่องเป็ดให้ท่านน้า พวกเรากินอย่างอื่นได้ ท่านน้าดู มีของอร่อยมากมาย”
อีกสามคนที่เหลือมองอาหารบนโต๊ะ ก็ส่งเสียงพร้อมกันว่า “ทราบแล้ว”
ลู่เจียวเดินออกไป รอยยิ้มบนใบหน้าอย่างไรก็หุบไม่ลงแล้ว
นอกบ้าน จ้าวซื่อเห็นนางออกมา ก็ยื่นมือไปดึงนางไปที่หน้าประตูครัว รอให้รอบๆ ไม่มีคน จ้าวซื่อก็กระซิบบอกลู่เจียวว่า “เจ้ารู้ไหม วันนี้ข้ากับชุนเยี่ยนขึ้นเขาเก็บสมุนไพร เห็นพี่สะใภ้ใหญ่เจ้ากับน้องสาวสามีเจ้าขึ้นเขาไปกับพี่สะใภ้รองเจ้า พี่สะใภ้รองเจ้าสอนพวกนางสองคนให้รู้จักสมุนไพรแล้ว ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ชอบพี่สะใภ้ใหญ่กับน้องสาวสามีเจ้า ดังนั้นเลยมาบอกเจ้าหน่อย”
ลู่เจียวได้ฟังจ้าวซื่อ สีหน้าก็ไม่ค่อยดีนัก แม้ว่าเรื่องนี้ไม่นับว่าเป็นเรื่องอะไร แต่อย่างไรก็ทำให้นางอารมณ์ไม่ดี
นางเป็นคนนิสัยแบบนี้ คนหาเรื่องนาง นางไม่ยินดีให้พวกนางได้อาศัยอานิสงส์จากนาง
หากไม่เช่นนั้น ก่อนหน้านี้นางก็คงยอมให้เฉินหลิ่วกับน้องห้าเรียนแล้ว ไยต้องทะเลาะกับพวกนาง
ตอนนี้พี่สะใภ้ก็ดีนัก กล้าไปสอนพวกนานเสียแล้ว
จ้าวซื่อเห็นสีหน้าลู่เจียวไม่ดีนัก ปลอบใจกล่าวว่า “ข้าบอกเจ้าก็เพื่อให้เจ้ารู้ไว้ ไม่ใช่ให้เจ้าโมโห”
ลู่เจียวรีบเก็บงำสีหน้า กล่าวขอบคุณจ้าวซื่อ ไม่ว่าอย่างไร จ้าวซื่อมาบอกเรื่องนี้กับนาง นางก็ยังรู้สึกดีใจ
“ขอบคุณพี่มาก พี่จะอยู่กินข้าวบ้านข้าหน่อยไหม”
จ้าวซื่อรีบส่ายหน้า ยิ้มกล่าวว่า “วันนี้บ้านข้าฆ่าไก่ ข้าจะกลับไปกินข้าวที่บ้าน”
เมื่อวานบ้านผู้ใหญ่บ้านเก็บหวงจิงได้เงินมามากมาย หลินชุนเยี่ยนที่บ้านฮูหยินผู้เฒ่ารองข้างบ้านขุดเก่อเกินได้ ขายไปได้ราวสามตำลึง ดังนั้นครอบครัวพวกเขาวันนี้จึงฆ่าไก่
จ้าวซื่อคิดว่าวันนี้จะได้กินไก่ก็เดินออกไปอย่างดีใจ
สีหน้าลู่เจียวไม่ได้เบิกบานเหมือนก่อนหน้านี้ นางอารมณ์ไม่ดีเดินเข้าไปในเรือนนอนตะวันออก
คนในเรือนนอนตะวันออกต่างเห็นว่า นางอารมณ์ไม่ค่อยดี
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รีบถามก่อนว่า “ท่านแม่ เป็นอะไรไป”
ลู่เจียวไม่ทันได้ตอบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นบนเตียงก็สีหน้าเย็นเยียบ กล่าวว่า “ภรรยาไหลฝูพูดอะไรกับเจ้า”
ภรรยาไหลฝูก็คือจ้าวซื่อ