ตอนที่ 171 ไม่คิดเกี่ยวข้องกับพวกเขา
จ้าวหลิงเฟิงแอบโล่งใจ ม่อเป่ยหันหลังนำทางไปด้วยท่าทางเย็นเยียบ ลู่เจียวเดินตามเขาไปยังหอหลังเล็กด้านหลังหอยาเป่าเหอ ฉีเหล่ยตามมาเป็นเพื่อนลู่เจียว
ในห้อง ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างด้านหลังเห็นแล้วก็หวั่นใจ ลุกขึ้นจะตามไปด้วยสัญชาตญาณ จ้าวหลิงเฟิงรีบแสดงท่าทางให้พวกเขานั่งลงพลางอธิบายว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง ลู่เหนียงจื่อไม่เป็นไรหรอก คนเมื่อครู่คิดเชิญนางไปกล่าวขอบคุณ ก่อนหน้านี้นางช่วยเจ้านายพวกเขาไว้”
ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างแอบพึมพำกัน ท่าทางอย่างนั้นเหมือนมาขอบคุณหรือไง ดูแล้วเหมือนมาหาเรื่องวิวาท
ทั้งสองคนใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
ลู่เจียวตามม่อเป่ยมายังหอหลังเล็กด้านหลัง ตลอดทางม่อเป่ยอดเสียดสีไม่ได้ “เจ้าละโมบจริงนะ”
ลู่เจียวหันไปมองเขาด้วยสายตาเย็นชา กล่าวว่า “เจ้าก็เนรคุณจริงนะ”
ม่อเป่ยได้ฟังก็สีหน้าเย็นเยียบ ชะงักฝีเท้าตวาดถาม “เจ้าหมายความว่าไง”
ลู่เจียวไม่กลัวเขา กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ข้าช่วยเจ้านายพวกเจ้าไว้ไม่ใช่หรือ ผลก็คือเจ้าทำตัวกับข้าเช่นนี้ ไม่ใช่เนรคุณแล้วคืออะไร อีกอย่าง หรือว่าชีวิตนายเจ้าไม่คู่ควรกับห้าพันตำลึงเงิน”
ลู่เจียวกล่าวจบก็ไม่สนใจม่อเป่ย ก้าวเข้าไปยังหอหลังเล็กทันที ม่อเป่ยด้านหลังตามมาด้วยอารมณ์คุกรุ่น เดินไปกล่าวไปว่า “แต่ไรมาข้าไม่เคยเห็นคนช่วยคนอื่นดึงธนูต้องจ่ายห้าพันตำลึงเงิน”
ที่ม่อเป่ยไม่ถูกชะตากับลู่เจียวก็เพราะรู้สึกว่าสตรีนางนี้เหิมเกริมเกินไปแล้ว สตรีบ้านนอกคนหนึ่งถึงกับเหิมเกริมเช่นนี้ สตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวงยังไม่เหิมเกริมเช่นนี้ แต่นางกลับเป็นคนดึงธนูให้เจ้านายตน ทั้งยังต้องการตั๋วเงินห้าพันตำลึงเงิน นี่ยิ่งทำให้ม่อเป่ยไม่พอใจ
ลู่เจียวค่อยๆ กล่าวว่า “งั้นทำไมเจ้าไม่ไปหาหมอที่ไม่ต้องการห้าพันตำลึงเงินล่ะ”
นางกล่าวจบก็ไม่คิดจะคุยกับม่อเป่ยอีกแม้เพียงประโยคเดียว รีบก้าวเท้าเดินไปยังหอหลังเล็ก
หน้าประตูห้องนอนหลักในหอหลังเล็กมีลูกน้องเฝ้าอยู่สองคน คนพวกนี้พอเห็นม่อเป่ยก็รีบคำนับนอบน้อม “องครักษ์ม่อ”
ม่อเป่ยพยักหน้าเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “คุณชายต้องการพบนาง”
คนเฝ้าประตูสองคนปล่อยลู่เจียวกับฉีเหล่ยเข้าไป พอเข้าไปในห้องนอนหลัก บนเตียงห้องนอนหลักมีคนผู้หนึ่งพิงเตียงอ่านหนังสือ ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก็เงยหน้าขึ้นมอง
แวบแรกที่ลู่เจียวเห็นคนผู้นี้ก็เหมือนคุ้นเคยไม่น้อย แต่มองละเอียดก็พบว่าตนเองไม่รู้จักคนผู้นี้ ยิ้มบางพลางกล่าวว่า “คุณชายท่านนี้ต้องการพบข้า?”
ชายหนุ่มบนเตียงเกล้าผมครอบด้วยเครื่องประดับจากเงิน โครงหน้าเด่นชัด แววตาราวกับแอบซ่อนประกายดุร้าย พอเหลือบตามองก็ทำให้คนรู้สึกได้ถึงกระแสเย็นเยียบพาดผ่านมาปะทะ
แต่เขาก็เก็บงำสายตาเย็นเยียบลงอย่างรวดเร็ว สีหน้าอ่อนโยนเอ่ยว่า “ได้ยินว่าเจ้าเป็นคนดึงลูกธนูหัวแฉกให้ข้า?”
ลู่เจียวกล่าวอย่างไม่สนใจนักว่า “ข้าเป็นหมอ รับเงินทำงาน”
เซียวอวี้บนเตียงมองสตรีที่ท่าทางไม่ใส่ใจอะไรนักผู้นี้ด้วยแววตาประหลาดใจ สตรีนางนี้ไม่เหมือนที่ม่อเป่ยว่าเป็นพวกละโมบเงินทองจริงๆ กิริยาท่าทางนางกลับดูเปิดเผยตรงไปตรงมา
เซียวอวี้มองม่อเป่ยแวบหนึ่ง ม่อเป่ยกำลังมองลู่เจียวอย่างไม่พอใจอยู่
เซียวอวี้เห็นแล้วก็นึกขำ ม่อเป่ยติดตามข้างกายเขา มีความหยิ่งทะนง สตรีธรรมดาเขาล้วนไม่ให้ความสนใจ เขาน่าจะเสียเปรียบให้สตรีนางนี้ ดังนั้นจึงได้โมโห
เซียวอวี้วันนี้ได้พบลู่เจียวก็เพราะม่อเป่ยบ่นต่อหน้าเขาหลายครั้งว่า สตรีนางนี้ทำไมละโมบเงินทองเช่นนี้ ทำไมเหิมเกริมเช่นนี้ ความจริงสำหรับเขามองแล้วก็แค่นิสัยทำตัวตามสบายและไม่ใส่ใจธรรมเนียมเล็กน้อยเท่านั้น
เซียวอวี้ไม่สนใจม่อเป่ยอีก มองไปยังลู่เจียวกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจว่า “ขอบคุณเจ้าที่ช่วยข้าดึงลูกธนูออกมา วันนี้ข้าติดค้างเจ้า หากวันหน้าต้องการให้ข้าทำอะไร ข้าก็ย่อมให้ความช่วยเหลือ”
ลู่เจียวไม่คิดเกี่ยวข้องกับคนพวกนี้มากนัก คนผู้นี้ถูกคนลอบสังหาร ผู้ใดจะรู้ว่าเบื้องหลังเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง ดังนั้นก็อย่าดีกว่า
“ข้าทำงานรับเงินแล้ว คุณชายไม่จำเป็นต้องเกรงใจเช่นนี้”
เซียวอวี้มีหรือจะฟังไม่ออก คนเขาไม่อยากข้องเกี่ยวกับเขา ก็คงไม่ต้องกล่าวอะไรมากอีก
“ม่อเป่ย ไปส่งเหนียงจื่อกลับด้วย”
เซียวอวี้ออกคำสั่ง ม่อเป่ยก็ออกไปส่งลู่เจียว ตลอดทางไม่กล่าวอะไรอีก ลู่เจียวก็ไม่คิดพูดจามากความกับเขา ชายผู้นี้ดูแคลนผู้หญิง ดังนั้นก่อนหน้านี้จึงได้ไร้เหตุผลกับนางเช่นนั้น บุรุษที่ไม่ให้เกียรติสตรี นางไม่ชอบ
ลู่เจียวเดินออกจากหอยาเป่าเหอไปซื้อของในเมือง
ของกินที่บ้านไม่มีแล้ว ดังนั้นลู่เจียวจึงซื้อเนื้อจำนวนมาก ไก่ เป็ด ปลา และเนื้อต่างๆ รวมทั้งกระดูกหมู ขาหมู จากนั้นก็ซื้อข้าว น้ำมัน ซีอิ๊ว ซอสเปรี้ยว ยังซื้อน้ำตาลไม่น้อย
ที่บ้านมักมีแขกมา น้ำตาลหมดเร็วมาก นอกจากน้ำตาลทรายขาว ลู่เจียวยังซื้อลูกอมและขนมให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่อีกไม่น้อย สุดท้ายจึงได้กลับไปหอยาเป่าเหออย่างพอใจ
ในหอยาเป่าเหอ จ้าวหลิงเฟิงได้ลงนามสัญญากับพวกผู้ใหญ่บ้านแล้ว
ผู้ใหญ่บ้านเห็นนางมาก็เอาสัญญาให้นางดู ลู่เจียวหยิบมาอ่านจำได้บ้างเดาเอาบ้าง สุดท้ายก็อ่านเข้าใจ จ้าวหลิงเฟิงไม่ได้วางอุบายคนหมู่บ้านตระกูลเซี่ย กล่าวตามจริง เงินแค่นี้ เขาไม่ควรวางอุบายอะไร
“ไม่มีปัญหา จู๋จ่างเก็บไว้เถอะ”
จู๋จ่างตอบรับแล้วก็เก็บไว้ ลู่เจียวพาพวกเขาออกจากหอยาเป่าเหอ
ทุกคนกลับหมู่บ้านตระกูลเซี่ยอย่างยินดีปรีดา ระหว่างทางลู่เจียวยังกล่าวกับผู้ใหญ่บ้านและจู๋จ่างว่า “ตอนนี้ลงนามสัญญาแล้ว เรื่องเลี้ยงปลิงใกล้จะเริ่มแล้ว บ่ายนี้ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างเรียกประชุมแจ้งให้แต่ละครอบครัวที่จะเข้าร่วมเพาะเลี้ยงทุกครอบครัวลงนามสัญญาฉบับหนึ่ง ในสัญญามีสองประเด็นหลัก หนึ่ง เงินที่หามาได้ให้มอบให้ฝ่ายหญิงดูแล ฝ่ายชายห้ามรับอนุ สอง ครอบครัวไหนร่วมงาน เงินที่หามาได้หนึ่งในสามก็ให้ฝ่ายหญิงบ้านนั้นดูแล สองในสามมอบให้ครอบครัวใหญ่ส่วนรวม”
ประการหลังนั้นลู่เจียวทำเพื่อเซี่ี่ยเอ้อร์จู้ และผู้หญิงเช่นเซี่ยเหลียนที่ถูกกดขี่จากผู้ใหญ่ในหมู่บ้าน
ลู่เจียวกล่าวจบก็พลันนึกได้ว่าเซี่ยเหล่าเกินบิดาสามีตนเองที่พัวพันกับแม่หม้ายหวัง หากนางกำหนดกฎว่าห้ามมีอนุ เช่นนั้นแม่หม้ายหวังก็ไม่อาจแต่งเข้าตระกูลเซี่ยงั้นหรือ
ลู่เจียวรีบเสริมอีกประโยคว่า “แน่นอนว่า ตอนนี้รับอนุได้ ข้าหมายถึงเงินที่อาศัยการเลี้ยงปลิงหามาได้ ไม่อาจรับอนุเด็ดขาด หากครอบครัวใดรับอนุ ก็ให้ขับออกจากหมู่บ้านตระกูลเซี่ย”
ความจริงก่อนหน้านี้ลู่เจียวเดิมก็คิดสอนให้สตรีในหมู่บ้านเลี้ยงปลิง เป็นการรับประกันให้สตรี ปรากฏตอนนี้ทำจนเป็นรูปแบบนี้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางย่อมต้องให้ผู้ชายพวกนั้นลงนาม
เพราะนางรู้นิสัยชั่วร้ายของบุรุษดี โดยเฉพาะในยุคสมัยที่สามภรรยาสี่อนุเป็นเรื่องปกติเช่นนี้ ผู้ชายหากมีเงินก็ย่อมต้องรับอนุ นางช่วยพวกเขาหาเงิน ไม่ใช่เพื่อให้ทำร้ายสตรี จะทำให้นางรู้สึกรังเกียจตนเอง
ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างก็ไม่ได้คัดค้านคำพูดลู่เจียว
วันนี้พวกเขาตามลู่เจียวเข้าเมืองมา นับว่าพอมองออก หากว่าอวิ๋นจิ่นเป็นคนฉลาด ภรรยาอวิ๋นจิ่นก็เรียกว่าร้ายกาจ ต่อหน้าบุคคลที่ร้ายกาจพวกนั้น นางไม่กลัวเกรงแม้แต่น้อย ไม่เสียทีที่เป็นภรรยาอวิ๋นจิ่นจริงๆ
“ตกลง บ่ายนี้พวกเรากลับไปก็จะรีบเปิดประชุม”
ตอนลู่เจียวกลับถึงบ้าน ก็เห็นในลานบ้านมีคนยืนอยู่ไม่น้อย ในห้องโถงก็มีคนไม่น้อยคุยกันอยู่ แต่ละคนคุยกันเสียงดังครึกครื้น
คนพวกนี้พอเห็นลู่เจียวกลับมาก็รีบทักทายอย่างดีใจ
ฮูหยินผู้เฒ่ารองรีบเข้ามาหา กล่าวว่า “เจียวเจียว เจ้ารีบเข้าไปดูเร็ว เจ้าโหย่วไฉทำเก้าอี้เข็นอะไรสักอย่างให้อวิ๋นจิ่น บอกว่านั่งบนเก้าอี้แล้วไปมาอิสระได้”
คนอื่นพยักหน้า “ใช่ เข็นได้ด้วยตนเองด้วย วันหน้าอวิ๋นจิ่นไม่ต้องอุดอู้แต่ในบ้านแล้ว”