ตอนที่ 174 ล้วนแล้วแต่สมัครใจ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองไปยังลู่เจียว แสดงท่าทางให้นางพูด เรื่องนี้เดิมก็เป็นลู่เจียวคิดขึ้นมา ควรให้นางจัดการ
ลู่เจียวไม่ได้ปฏิเสธ วันนี้นางเรียกคนพวกนี้มาก็เพื่อให้พวกเขาลงนามในสัญญา นับว่าเป็นการช่วยเหลือผู้หญิงในหมู่บ้านอีกแรงหนึ่ง
“วันนี้เรียกทุกคนมา คิดว่าทุกคนก็คงรู้แล้วว่าเรื่องอะไร ถูกต้อง ก็เพื่อให้ทุกคนได้ลงลายนิ้วมือในสัญญา คิดว่าผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างบอกกับพวกท่านแล้ว ครอบครัวที่ร่วมเลี้ยงปลิง ต้องรับรองว่า วันหน้าเงินที่หามาได้ไม่ให้นำไปรับอนุ เงินในบ้านให้มอบให้ฝ่ายหญิงดูแล อีกอย่างให้แบ่งสัดส่วนตามแต่ละครอบครัวที่ลงแรง คนที่ร่วมการเลี้ยงปลิง เงินที่ได้มา มอบสองในสามให้ส่วนกลางของครอบครัว หนึ่งในสามบ้านตนเก็บไว้เอง”
ลู่เจียวกล่าวจบ ในห้องก็เซ็งแซ่กันขึ้นมา
แม้ว่าก่อนหน้านี้ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างบอกเรื่องนี้แล้ว แต่พวกเขายังคิดว่าลู่เจียวยุ่งมากเกินไปหน่อย
มีคนกล่าวว่า “ภรรยาอวิ๋นจิ่น การรับอนุหรือไม่เป็นเรื่องแต่ละครอบครัว เจ้าทำเช่นนี้เหมือนยุ่งมากไปไหม”
“ใช่ ทำไมต้องให้มอบเงินให้ฝ่ายหญิงดูแลด้วย ฝ่ายชายยุ่งกับเงินไม่ได้ด้วย”
“ครอบครัวยังไม่แยกบ้าน จะให้คนอายุน้อยได้หนึ่งในสามไปได้อย่างไร ควรให้ทั้งหมดเป็นของส่วนกลางครอบครัว”
ลู่เจียวเหลือบสายตาเย็นเยียบมองไปยังคนในห้อง กล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “ข้าหารือกับพวกท่านหรือ พวกท่านไม่เห็นด้วยก็ไม่ต้องร่วมเลี้ยงปลิงได้ อีกอย่าง ข้าไม่สอนก็ได้”
นางกล่าวจบ ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างก็สีหน้าแปรเปลี่ยน ตอนนี้พวกเขาได้รู้ถึงอารมณ์ของภรรยาอวิ๋นจิ่นแล้ว ไม่ค่อยดีนัก หากพวกเขาทำให้นางโมโหจนไม่ยอมสอนขึ้นมาจะทำอย่างไร
ก่อนหน้านี้พวกเขาลงนามสัญญากับหอยาเป่าเหอแล้ว ยังรับเงินมัดจำมายี่สิบตำลึงด้วย
ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างครุ่นคิดแล้วก็หันไปตำหนิคนที่พูด
ลู่เจียวกลับเอ่ยก่อนว่า “ข้าสอนให้ทุกคนได้รู้จักสมุนไพรและเลี้ยงปลิงก็เพื่อให้ชีวิตทุกคนดีขึ้น วันหน้าให้ใช้เงินไปกับการศึกษาของเด็กๆ ในหมู่บ้านได้ ให้คนหมู่บ้านตระกูลเซี่ยได้ออกไปสู่สังคมภายนอกได้ ได้เป็นคนรู้หนังสือที่มีประโยชน์ หรือได้เป็นพ่อค้าที่หาเงินได้ ไม่ใช่เพื่อให้พวกท่านมีเงินแล้วไปหาเรื่องเดือดร้อน”
“หรือผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างไม่ได้บอกพวกท่าน ตอนนี้หากพวกท่านมีความสามารถรับอนุ มีความสามารถหาเงินเอง ดูแลตัวเองได้ งั้นข้าก็จะไม่พูดสักคำ แต่อย่าคิดใช้เงินที่ข้าช่วยพวกท่านหามาไปทำเรื่องพวกนี้”
ลู่เจียวกล่าวจนประโยคสุดท้ายสีหน้าก็เริ่มไม่ค่อยดี ใบหน้าเยียบเย็นแล้ว
คนในห้องถูกนางพูดจนทำเอาแข็งทื่อกันไปหมดแล้ว ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างรีบกล่าวว่า “ภรรยาอวิ๋นจิ่น เจ้าอย่าสนใจพวกสมองทึบพวกนี้”
ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อยกล่าวว่า “แน่นอน พวกท่านไม่ยินดีทำตามกฎข้าก็ได้ ก็ถอนตัวไม่ร่วมเลี้ยงตัวอ่อนก็ได้ แต่หากร่วมเพาะเลี้ยงแล้ว หาเงินมาได้แล้วผิดสัญญาก็ต้องออกจากหมู่บ้านตระกูลเซี่ยไป”
ลู่เจียวกล่าวจบก็ยิ้มตาหยีกล่าวว่า “เอาละ ทุกคนแล้วแต่สมัครใจ ข้าไม่บังคับพวกท่าน”
ในเรือนนอนตะวันออก คนไม่น้อยกล่าวว่า “ภรรยาอวิ๋นจิ่นทำเช่นนี้ก็เพื่อให้ครอบครัวพวกเราสามัคคีกัน ที่นางทำก็เพื่อหมู่บ้านตระกูลเซี่ยเรา พวกเราเห็นด้วย”
“พวกเราก็เห็นด้วย พวกเราฟังเจ้า”
“ใช่ ที่นางว่ามาก็เพื่อให้ครอบครัวพวกเราได้ดี”
มีคนหนึ่งแอบถามเบาๆ ว่า “ภรรยาอวิ๋นจิ่น หากวันหน้าอวิ๋นจิ่นรับอนุทำไง”
วาจานี้แม้ว่าเบา แต่ก็โพล่งขึ้นมากะทันหันมาก ดังนั้นพอเขากล่าวออกมา ในห้องก็เงียบกริบไปหมด
ลู่เจียวหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น นึกขำอยากกล่าวว่า เขารับไม่รับอนุแล้วเกี่ยวอะไรกับนาง
แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับมีสีหน้าเข้ม แววตาคมกริบมองทุกคนในหมู่บ้านตระกูลเซี่ยกล่าวว่า “ข้าไม่รับอนุ บางทีคำพูดข้าวันนี้พวกท่านอาจสงสัย แต่วันหน้าพวกท่านก็จะได้เห็นเอง”
เขากล่าวจบก็หันไปมองลู่เจียว สีหน้าบอกว่า เจ้ารอดูการกระทำของข้านะ
ลู่เจียวอึ้งมองเขา เหมือนนางจะเข้าใจความหมายเขาผิดไป นางไม่ใช่ว่าจะหย่ากับเขาหรือ ที่เขามองนางเช่นนี้เพราะคิดแบบนี้หรือ
ในห้อง ลู่เจียวกำลังคิดอยู่ จู๋จ่างก็ยืนขึ้นโมโหกล่าวว่า “พวกเจ้าใครอยากจะลงลายนิ้วมือร่วมเลี้ยงปลิง ไม่รับอนุก็มา ไม่มีคนบังคับพวกเจ้า พูดจาจุกจิกอะไรกัน”
จู๋จ่างกล่าวจบก็เอ่ยก่อนว่า “ภรรยาอวิ๋นจิ่น ข้าลงลายนิ้วมือคนแรก”
คนในห้องไม่น้อยพากันส่งเสียงดัง “ข้า”
“ข้า”
“ข้าด้วย”
ลู่เจียวไม่มีเวลาไปสนใจสีหน้าประหลาดของเซี่ยอวิ๋นจิ่น มองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “เจ้าช่วยพวกเราร่างสัญญาได้ไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรับคำทันที “อืม เจ้าว่ามา ข้าเขียน”
ลู่เจียวลุกขึ้นไปหน้าโต๊ะหนังสือเอาแท่นหมึก พู่กันและกระดาษมา เห็นว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นนั่งบนเตียงเขียนไม่สะดวก นางก็วิ่งไปเอาโต๊ะเล็กตัวเก่าที่เอามากินข้าวก่อนหน้านี้ขึ้นมาวางไว้บนเตียง
โต๊ะเล็กค่อนข้างเตี้ย วางตรงหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก็พอดีให้เขานั่งเขียนสัญญาได้
ลู่เจียวจัดการเสร็จแล้วก็กล่าวว่า “สัญญาต้องระบุสองข้อ หนึ่ง เงินที่ได้จากการเลี้ยงปลิงมอบให้ฝ่ายหญิงดูแล ฝ่ายชายห้ามรับอนุ สอง คนที่เข้าร่วมเลี้ยงปลิงเงินที่ได้มาสุดท้ายต้องมอบให้ครอบครัวส่วนกลางสองในสาม อีกหนึ่งส่วนเก็บไว้เอง”
พอลู่เจียวกล่าว แววตาเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ส่องประกายวาบขึ้นมา เขารู้ว่าข้อหลังของลู่เจียวก็เพื่อช่วยพี่รองเขา นางพยายามช่วยพี่รองเขาอย่างเต็มที่
ในใจเขาอดรู้สึกหวานล้ำไม่ได้ สีหน้าก็อบอุ่นและอ่อนโยนขึ้นมา
“ได้”
อักษรในสัญญาไม่มาก เซี่ยอวิ๋นจิ่นเขียนได้เร็วมาก เขียนเสร็จก็เขียนชื่อคนประทับลายนิ้วไว้ท้ายกระดาษ
แม้ว่าคนมากันมาก แต่ครอบครัวหนึ่งลงลายนิ้วมือแค่คนเดียว ดังนั้นจึงเร็วมาก
ทางท่านพ่อท่านแม่เซี่ยอวิ๋นจิ่น คนที่มาคือเซี่ยเหล่าเกิน เซี่ยเหล่าเกินรู้เรื่องเลี้ยงปลิง สะใภ้สามจะสอนให้ลูกชายคนรองของตน
คิดถึงว่าในสัญญาบอกว่าคนเข้าร่วมเลี้ยงปลิง สองในสามให้เป็นของส่วนรวม หนึ่งในสามรับไปเอง ในใจเซี่ยเหล่าเกินก็ไม่พอใจอย่างมาก
หนึ่งในสามรับไปเอง นั่นมันไม่น้อยนะ หากแบ่งได้สิบตำลึง หนึ่งในสามก็สามตำลึงกว่า นี่ลูกชายรองเขาก็ได้ไปคนเดียว
ครอบครัวลูกชายรองล้วนมีแต่ลูกผู้หญิง เขาจะเอาเงินไปทำอะไร เงินพวกนี้ควรมอบให้กับลูกชายคนโตของเขา
ตอนเซี่ยเหล่าเกินลงลายนิ้วมือ อดกล่าวไม่ได้ว่า “เจ้าสาม หนึ่งในสามรับไปเองไม่ค่อยเหมาะ ครอบครัวอยู่ด้วยกัน กินดื่มอะไรก็ร่วมกัน จริงไหม”
สีหน้าอ่อนโยนเซี่ยอวิ๋นจิ่นพลันเย็นเยียบทันที มองเซี่ยเหล่าเกินด้วยสายตาเย็นชา
เซี่ยเหล่าเกินเห็นสีหน้าเขาเช่นนี้ก็ขนลุก สัญญาที่ลงลายนิ้วมือไปก่อนหน้านี้ยังอยู่ในกำมือเจ้าสาม
หากเขาทำให้อีกฝ่ายโมโห ก็จะถูกขับออกจากหมู่บ้านตระกูลเซี่ย เซี่ยเหล่าเกินรีบกล่าวว่า “เอาละๆ ถือว่าข้าไม่ได้พูด”
เขากล่าวจบก็ลงลายนิ้วมือ สุดท้ายค่อยสำทับอีกประโยคอย่างระแวดระวังว่า “แต่พี่ใหญ่เจ้าไปเลี้ยงปลิงได้ใช่ไหม”
เช่นนี้เจ้าใหญ่ก็จะได้หนึ่งในสามเป็นของตนเอง ไม่เลว
เซี่ยเหล่าเกินกำลังคิดอยู่ ลู่เจียวก็ส่งเสียงไปทางด้านหลังเขา กล่าวว่า “คนถัดไป รีบหน่อย สายแล้ว”
นางยังต้องพาเจ้าหนูสี่คนไปขึ้นเขาอีกนะ ไม่มีเวลามาเสียเวลาพูดกับพวกเขา