ตอนที่ 178 ยุส่ง
หร่วนซื่อเห็นทุกคนในห้องร่วมพูดคุยหัวเราะกันไม่มีคนสนใจนาง
นางรู้สึกตนเองใกล้โมโหตายแล้ว โชคดีที่นางไม่ได้อยู่ร่วมกับพวกเจ้าสาม หากอยู่ร่วมกับพวกเขา ไม่เกินสามวัน ก็คงถูกครอบครัวนี้ทำเอาโมโหตาย
หร่วนซื่อแค่นเสียงฮึดัง แต่น่าเสียดายไม่มีคนสนใจนางสักคน
ครอบครัวหกคนห่อเกี๊ยวกันอย่างมีความสุข หร่วนซื่อเห็นไม่มีคนสนใจนาง ก็หน้าดำคร่ำเครียดเดินออกไป
ตอนนี้นางไม่อาจมีเรื่องกับเจ้าสามและสะใภ้สาม ดังนั้นโทสะนี้นางต้องอดกลั้นเอาไว้
หลายปีมานี้หร่วนซื่อไม่เคยต้องระงับโทสะ ในใจตอนนี้อดกลั้นจนแทบทนไม่ไหวแล้ว
เกี๊ยวตอนเที่ยงนี้กินไปถึงสองชามใหญ่ กินไปก็บ่นไป
“ดูพวกเจ้ามีชีวิตราวกับเทพเซียน วันๆ กินแต่ข้าวขาวแป้งขาว ไม่รู้จักมอบให้พ่อแม่บ้าง พ่อแม่น่าสงสารอายุปูนนี้ ยังต้องกินแต่ผักแต่รำ ไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเจ้ากินลงไปได้อย่างไร”
หร่วนซื่อพูดจนน้ำลายแตกฟอง ทั้งครอบครัวบนโต๊ะต่างกินไม่ลง
ลู่เจียวมองหร่วนซื่อด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร “ข้าวและแป้งล้วนเป็นชาวบ้านในหมู่บ้านมอบให้ ข้าสอนให้ชาวบ้านในหมู่บ้านรู้จักสมุนไพร คนเขาเกรงใจก็เลยมอบข้าวและแป้ง ไข่ไก่กับผักให้ บ้านผู้ใหญ่บ้านก็ยังซื้อซาลาเปาไส้เนื้อให้ข้าถุงใหญ่ ข้าก็คิดถามท่านแม่ว่า พวกท่านหาเงินมาได้ ทำไมไม่มอบของกินให้พวกเราบ้าง”
“ท่านพ่อท่านแม่กินแต่ผักแต่รำก็เพื่อจัดงานแต่งให้เจ้าสี่ ได้ยินว่าหมั้นหมายใช้ไปถึงสิบห้าตำลึง ยังมีเสื้อผ้าและกำไลเงิน พวกท่านยอมกินแต่ผักแต่รำเพื่อมอบให้เจ้าสี่ เกี่ยวอะไรกับพวกเรา”
ลู่เจียวขี้เกียจจะสนใจหร่วนซื่อ เก็บถาดบนโต๊ะเดินออกไปทันที
ตอนนี้นางคร้านจะสนใจหร่วนซื่อจริงๆ เรื่องตลกอะไรกัน คิดว่าตัวเองเป็นแม่สามีนางจริงๆ หรือ
หร่วนซื่อคิดไม่ถึงว่าลู่เจียวถึงกับสะบัดหน้าใส่ต่อหน้า รีบหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วยท่าทางน่าสงสาร
“เจ้าสาม เจ้าเห็นไหม ข้าพูดคำสองคำ ภรรยาเจ้าก็สะบัดหน้าใส่ข้า มีสะใภ้เช่นนี้ที่ไหนกัน”
สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นนิ่งเฉย แววตาเย็นเยียบกล่าวรับคำว่า “อาจเพราะมีแม่สามีอย่างไรก็มีลูกสะใภ้อย่างนั้นกระมัง แต่ลู่เจียวยังสู้ท่านแม่ไม่ได้ ได้ยินว่าตอนนั้นท่านแม่แต่งเข้าตระกูลเซี่ย เคยทำเอาท่านปู่ท่านย่าโมโหจนเป็นลมไปด้วย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวเช่นนี้ หร่วนซื่อก็สีหน้าดำคล้ำ กัดฟันจะระเบิดโทสะ แต่พอคิดถึงสัญญานั่น ก็ลุกขึ้นด้วยสีหน้าดำคล้ำ บ่นงึมงำคนฟังไม่ออก
ในห้องโถง เจ้าหนูน้อยทั้งสี่มองเซี่ยอวิ๋นจิ่น “ท่านพ่อ เมื่อไรท่านย่าจะไป ข้าไม่อยากให้นางอยู่บ้านพวกเรา”
“ข้าเองก็ไม่อยากให้นางอยู่บ้านพวกเรา อารมณ์ไม่ดี”
“ท่านแม่เองก็อารมณ์ไม่ดี”
ซื่อเป่าลุกขึ้นกล่าวแก้มป่อง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นสายตาหม่นลง ในแววตาลึกๆ เย็นเยียบ ในเมื่อท่านแม่เขาว่างเช่นนี้ งั้นก็ให้นางมีงานยุ่งก็แล้วกัน
หากวันนี้ท่านแม่เขาต้องทนเก็บกลั้นอารมณ์จากบ้านเขา กลับไปก็ต้องไปลงใส่ท่านพ่อเขา ท่านพ่อเขาตอนนี้มีคนให้ระบายความในใจแล้ว ต้องไปหาคำปลอบใจจากนางผู้นั้นแน่
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิด เงยหน้ามองไปยังเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ปลอบใจกล่าวว่า “เอาละ ค่ำวันนี้ท่านย่าก็จะกลับแล้ว”
ต้าเป่ารีบรุกถามต่อว่า “งั้นพรุ่งนี้นางจะมาอีกไหม”
มุมปากเซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้มเย็นเยียบ หัวเราะเบาๆ กล่าวว่า “พรุ่งนี้นางน่าจะไม่ว่างมาแล้ว”
วันนี้เขาจะช่วยยุส่งอีกครั้ง ทำให้ค่ำคืนนี้เรื่องของท่านพ่อเขากับแม่หม้ายหวังแดงขึ้นมา เรื่องนี้แดงขึ้นมา ท่านแม่เขาก็จะยุ่ง ยังจะมีเวลามาทางนี้อีกหรือ
แต่ไรเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็เชื่อมั่นท่านพ่อพวกเขา ได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่น ในที่สุดอารมณ์ก็ดีขึ้นมา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเข็นเก้าอี้เข็นออกไป ธรณีประตูบ้านเซี่ยถูกลู่เจียวใช้เลื่อยเลื่อยทิ้งแล้ว เซี่ยอวิ๋นจิ่นนั่งเก้าอี้เข็นไปมาในบ้านได้อิสระ
เขาเข็นเก้าอี้เข็นเข้าไปในครัว ในครัวลู่เจียวกำลังล้างจานอยู่ สีหน้าย่ำแย่ วันนี้ตอนเที่ยงห่อเกี๊ยว นางไม่ได้กินสักเท่าไร จะอารมณ์ดีได้อย่างไร
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเข็นเก้าอี้เข็นเข้ามาในครัว ลู่เจียวก็รู้ได้ทันที นางหันไปมองแวบหนึ่งแล้วก็ไม่ได้สนใจ ก้มหน้าล้างถาดต่อไป
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเข็นเก้าอี้เข็นมาข้างกายนาง ก้มลงยื่นมือไปรับถาดมา คิดช่วยลู่เจียวล้างถาด
ลู่เจียวยกมือกั้นไว้ “ไม่เป็นไร ก็แค่ถาดและชามไม่กี่ใบ ไม่ต้องล้างกันสองคนหรอก”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้ดึงดัน เขามองลู่เจียวประกายตาอ่อนโยน ค่อยๆ กล่าวว่า “อารมณ์ไม่ดี?”
ลู่เจียวหันหน้ามามองเขาสีหน้านิ่ง “เจ้าว่าไงล่ะ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นขยับตัว พลันเข้าไปใกล้ลู่เจียว ลู่เจียวผงะถอยด้วยสัญชาตญาณ ปรากฏร่างกายโงนเงน เห็นว่ากำลังจะทิ่มใส่กะละมังไม้ล้างชาม เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ยื่นมือออกไปคว้าเอวนางดึงมาด้านหน้า
ลู่เจียวไม่ได้ทันระวังเหตุการณ์กะทันหันเช่นนี้แม้แต่น้อย ทั้งร่างก็ตกเข้าสู่อ้อมกอดของเซี่ยอวิ๋นจิ่น
ใบหน้านางแนบเข้ากับหน้าอกเขาอย่างบังเอิญพอดี
เหนือศีรษะ ใบหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็อดแดงไม่ได้ ใจเต้นแรงโครมครามเร็วไม่เป็นจังหวะ สัญชาตญาณเขาบอกว่าควรปล่อยมือ แต่มือกลับเหมือนติดหนึบกับตัวลู่เจียวไม่ยอมปล่อย
เริ่มแรกลู่เจียวก็ยังงง แต่ก็ตั้งสติได้รวดเร็ว ดิ้นรนเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าจ้องเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างไม่พอใจ กล่าวว่า “จะพูดก็พูด อยู่ดีๆ เขยิบเข้ามาใกล้ทำไมกัน”
หากไม่ใช่คนผู้นี้อยู่ๆ เขยิบเข้ามาใกล้นาง นางคงไม่ตกใจจนหงายหลัง จากนั้นก็ถูกเขาดึงล้มลงในอ้อมกอดของเขา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองดวงตาเมล็ดซิ่งของลู่เจียวที่จ้องมองเล็กน้อย ก็รู้สึกคันมือ อยากจะบีบแก้มอิ่มของนางสักที แต่พอเห็นท่าทางนางอายจนโมโหก็ไม่อยากยั่วโมโหนางอีก
เขากระซิบเบาๆ ว่า “เจ้าไม่อยากให้ท่านแม่ข้าอยู่ที่บ้านต่อใช่ไหม”
ลู่เจียวได้ฟังก็เม้มปากมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น คิดถึงเรื่องที่เขาวางอุบายหร่วนซื่อครั้งก่อน แสดงว่าคิดจะวางอุบายหร่วนซื่ออีกแล้วสิ
ลู่เจียวอารมณ์ดีขึ้นมาทันที ลืมเรื่องก่อนหน้าไปหมดสิ้น นางถามเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างตื่นเต้น
“เจ้ามีวิธีดีๆ อะไร”
“หากท่านแม่ข้าถูกพวกเราทำให้โมโหที่นี่ กลับไปต้องไประบายใส่ท่านพ่อข้าแน่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบก็เงียบ แต่ลู่เจียวไม่ใช่คนโง่ พอได้ฟังก็เข้าใจ นี่คือให้นางระเบิดอารมณ์ใส่ท่านแม่เขา เช่นนี้ท่านแม่ก็จะกลับไประบายใส่ท่านพ่อ
หากหร่วนซื่อระบายใส่เซี่ยเหล่าเกินมากไป เซี่ยเหล่าเกินย่อมไปหาคำปลอบใจจากแม่หม้ายหวัง
ลู่เจียวกำลังคิดอยู่ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า “ระยะนี้ป้ากุ้ยฮวาเหนื่อยไปใช่ไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบก็หันหลังเข็นเก้าอี้เข็นออกไป ลู่เจียวด้านหลังเบิกตาโตก่อนจะค่อยๆ หัวเราะดังขึ้น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเตือนให้นางไปยุป้ากุ้ยฮวาสินะ ระยะนี้ป้ากุ้ยฮวาอาจจะเหนื่อยจริง ดังนั้นจึงไม่ได้จับจ้องบ้านแม่หม้ายหวัง
แต่หากนางรู้ว่าข้างบ้านมีความเคลื่อนไหว ย่อมไม่หลับไม่นอนก็ต้องจับคนให้ได้
ในใจลู่เจียวก็มีความคิดรับมือหร่วนซื่อทันที แน่นอนความคิดนี้เป็นความคิดที่ได้รับการชี้แนะจากใครบางคน
แต่พอคิดถึงหร่วนซื่อ ลู่เจียวก็แอบด่าว่าสมน้ำหน้า เห็นๆ ว่าไม่เป็นที่ต้องการของลูกชาย ยังแล่นมาหาเรื่องถึงที่
ลู่เจียวล้างชามเสร็จ นอกลานบ้านเซี่ยก็มีคนเดินเข้ามาอย่างร้อนใจ เดินเข้ามาพลางกล่าวว่า “ภรรยา ซิ่วไฉอยู่ไหม”
ลู่เจียวได้ฟังเสียงเรียกด้านนอกก็หันเดินออกไป เห็นนอกรั้วบ้านมีผู้หญิงสองคนเดินเข้ามา คนหนึ่งเป็นหญิงอายุมาก อีกคนเป็นหญิงที่อายุน้อยหน่อย
หากไม่เหนือความคาดหมายทั้งสองคนมาให้นางช่วยรักษาอาการป่วย เพราะก่อนหน้านี้ลู่เจียวเขียนเทียบยาถ่ายพยาธิให้ถงเสี่ยวอวี๋ คนในหมู่บ้านละแวกนี้ก็รู้ว่ามีคนชื่อลู่เจียว
ได้ยินว่าวิชาการแพทย์นางร้ายกาจยิ่งกว่าหมอใหญ่ในเมืองและในอำเภอ ประเด็นคือรักษาอาการป่วยไม่คิดเงิน ดังนั้นนอกจากหมู่บ้านตระกูลเซี่ย คนหมู่บ้านอูถง ต้าหลิ่วและซิ่งฮวารอบๆ ต่างก็พากันมาให้ลู่เจียวรักษา