ตอนที่ 199 ให้สะใภ้สามดูแลครอบครัวใหญ่
เซี่ยเหล่าเกินให้เซี่ยต้าเฉียงเข้าไปช่วยมารดาเก็บของ ให้เขาพานางไป
หร่วนซื่อเห็นเรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว นางมองคนรอบกายอย่างสิ้นหวัง พบว่าไม่มีคนช่วยนางพูดสักคน
หร่วนซื่อรู้ดีแก่ใจ ครั้งนี้นางถูกหย่าแน่แล้ว นางอดร้องไห้ออกมาไม่ได้
แต่พอร้องไปๆ ก็คิดถึงเงินทองที่สะสมอยู่ในห้อง แม้ถูกหย่า นางก็ต้องเอาเงินทองที่สะสมมาหลายปีไปด้วย มีเงินติดตัว นางอยู่บ้านตระกูลหร่วนย่อมมีชีวิตที่ดีหน่อย
หร่วนซื่อครุ่นคิดแล้วก็ตะกายเข้าไปในห้องตนเอง คนในห้องโถงเห็นท่าทางนางเช่นนี้ก็นึกเป็นห่วงนางคิดสั้น
“หร่วนซื่อไม่ได้คิดสั้นกระมัง”
“ใช่ รีบให้คนเข้าไปดูนาง”
เซี่ยเหล่าเกินแค่นฮึกล่าวว่า “ไม่จำเป็น นางไม่ตายหรอก”
คนห้องโถงมองเซี่ยเหล่าเกิน แต่ละคนรู้สึกว่าผู้ชายผู้นี้อ่อนแอและเห็นแก่ตัว ก่อนหน้านี้แต่งกับหร่วนซื่อทำบิดามารดาโมโหตายไป ตอนนี้หย่ากับหร่วนซื่อเพื่อแม่หม้ายหวัง
วันนี้หากไม่มีแม่หม้ายหวัง พวกเขามั่นใจได้ว่าเซี่ยเหล่าเกินไม่มีทางหย่าหร่วนซื่อ
หร่วนซื่อไม่ดีอย่างไร แต่ก็ดีกับเซี่ยเหล่าเกิน หลายปีนี้ดูแลอาหารการกินให้เขาอย่างดี ไม่ได้ทำกับเขาไม่ดี
ตอนนี้ล่ะ เขาว่าหย่าก็หย่าหร่วนซื่อทันที ทุกคนยิ่งรู้สึกไม่ดีกับเซี่ยเหล่าเกินขึ้นเรื่อยๆ
ทุกคนแอบคิด แม่หม้ายหวังในห้องโถงอีกทางเดินมาข้างเซี่ยเหล่าเกิน มองเซี่ยเหล่าเกินอย่างห่วงใย กล่าวว่า “เหล่าเกิน ท่านพี่ถูกหย่า กลับตระกูลหร่วนตัวคนเดียว เกรงว่าไม่เหมาะ เจ้าก็ให้เงินนางติดตัวไปหน่อยดีกว่า”
แม่หม้ายหวังไม่พูดยังดี พอพูด เซี่ยเหล่าเกินก็นึกถึงเงินทองที่หร่วนซื่อเก็บไว้ นั่นเป็นเงินของตระกูลเซี่ย ไม่อาจให้นางผู้นั้นเอาไปหมดได้
ยามนี้หร่วนซื่อถือห่อผ้าเดินออกมาพอดี เซี่ยต้าเฉียงกับเซี่ี่ยเอ้อร์จู้ช่วยนางถือมาคนละห่อใหญ่
เซี่ยเหล่าเกินก้าวเท้าเข้ามา คว้าห่อผ้าหร่วนซื่อ หร่วนซื่อสีหน้าแปรเปลี่ยนยกมือคิดแย่ง
เซี่ยเหล่าเกินกระชากสองสามที ห่อผ้าก็ถูกกระชากออก ในห่อผ้านอกจากเสื้อผ้า ยังมีเครื่องประดับอย่างพวกต่างหูเงิน กำไลเงิน ยังมีเงินถึงห้าหกสิบตำลึง
หร่วนซื่อกรีดร้องเข้าไปแย่ง คิดแย่งเงินคืน เฉินหลิ่วรีบเข้ามาแย่งเงินไว้ แย่งไปก็พูดไปว่า
“ท่านแม่ ตอนนี้ท่านไม่ใช่คนตระกูลเซี่ยแล้ว ถือสิทธิ์อะไรมาเอาเงินตระกูลเซี่ยเราไป เงินพวกนี้ท่านต้องทิ้งไว้”
หร่วนซื่อเข้าไปแย่งอย่างบ้าคลั่ง เฉินหลิ่วตัวใหญ่กว่านาง กดนางจนขยับไม่ได้
เซี่ยเหล่าเกินเข้าไปเก็บต่างหูและกำไลกับเงินขึ้นมา แน่ใจว่าในตัวหร่วนซื่อไม่มีเงินแล้วเขาจึงเอ่ยว่า “ส่งนางกลับตระกูลหร่วนไป”
ครั้งนี้หร่วนซื่อสติแตกขึ้นมาแล้วจริงๆ โมโหราวกับคนบ้า อ้าปากด่า “เซี่ยเหล่าเกิน เจ้าคนขี้ขลาดไร้ประโยชน์ เจ้าเห็นผู้หญิงก็ยืดตัวไม่ขึ้น เจ้าแก่จะตายแล้วยังเอาแต่มุดหว่างขาผู้หญิง เจ้าก็แค่เห็นแก่หว่างขานางแพศยาหวัง เจ้าหย่าข้าก็เพราะตอนนี้ข้าแก่แล้ว ไม่อาจทำให้เจ้าพึงพอใจได้แล้ว วันนี้แม้เจ้าหย่าข้า ก็ไม่อาจเปลี่ยนนิสัยเห็นแก่หว่างขาเจ้าได้หรอก”
“ใช่ ข้ามันไม่ดี แต่ตอนนั้นที่ข้ามีเรื่องกับท่านพ่อท่านแม่เจ้า ทำไมเจ้าไม่ก้าวออกมา เพื่อหว่างขาข้า เจ้าไม่พูดอะไรเลย ตอนนี้เพื่อหว่างขาแม่หม้ายหวัง เจ้าก็หย่าข้า ฮ่าๆ พวกเจ้ารีบมาดูคนหน้าไม่อายเร็ว”
เซี่ยเหล่าเกินถูกหร่วนซื่อด่าจนโมโหอับอาย ไม่อยากเห็นหน้าหร่วนซื่ออีกแม้สักนาที มองเซี่ยต้าเฉียงกับเซี่ี่ยเอ้อร์จู้กล่าวว่า “พานางไป”
เซี่ยต้าเฉียงรีบยื่นมือไปดึงหร่วนซื่อ
ห้องโถง เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยว่า “เอาต่างหูและกำไลเงินให้ท่านแม่ไป อีกอย่าง ให้นางติดตัวไปสิบตำลึง”
แม้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ชอบมารดาตน แต่สิ่งที่เขาควรทำเขาก็ต้องทำ
เขาเพียงแต่ดำรงความเป็นมนุษย์ของตนให้ดีเท่านั้น
ความจริงก่อนหน้านี้เขาให้แม่หม้ายหวังเข้าตระกูลเซี่ย ก็เพื่อให้นางรั้งมารดาเขาไว้ที่บ้าน ไม่ได้จะให้นางถูกหย่า และเพราะท่านแม่ยังหาเรื่องยัดอนุให้เขา เขาจึงไม่เข้าใจว่า ในเมื่อท่านแม่ยัดอนุให้ลูกชายได้ ทำไมไม่อาจยอมให้ผู้ชายตนรับอนุได้ นางก็อายุปูนนี้แล้ว
เพราะคำพูดหร่วนซื่อ เซี่ยเหล่าเกินยามนี้กำลังเดือดจัด ไหนเลยจะยอม
“นี่คือเงินตระกูลเซี่ย ถือสิทธิ์อะไรให้นาง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองเซี่ยเหล่าเกินด้วยสีหน้าเคร่งเครียดดุดัน
“ข้าบอกแล้วไง ว่าให้นาง”
หากไม่ใช่หร่วนซื่อหาเรื่องไร้เหตุผลจนเกินไป เก็บไว้วันหน้านางก็อาจเป็นหายนะของเขาได้ และต่อให้เขาไม่ยอมให้เซี่ยเหล่าเกินหย่านาง แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็รู้ดีว่า การตัดหรวนซื่อทิ้งเช่นนี้ ชีวิตเขาคงหาความสงบไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่ได้ทำกับนางเกินไปนัก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเสียงแข็ง เซี่ยเหล่าเกินแอบกลัวลูกชายตนเอง สุดท้ายก็คืนต่างหูเงินกำไลเงินให้หร่วนซื่อ และยังควักอีกสิบตำลึงคืนหร่วนซื่อ
หร่วนซื่ออ้าปากมองลูกๆ ในห้อง สุดท้ายมองไปยังเจ้าสามที่แต่ไรมาเป็นที่รังเกียจของนาง
เจ้าสามนี่เป็นลูกที่นางรังเกียจที่สุด แต่เล็กไม่เคยได้รับความรักทะนุถนอมจากนางแม้แต่น้อย สุดท้ายเป็นเขาที่ช่วยนาง ลูกคนอื่นๆ ที่นางรักไม่ออกหน้าพูดจาสักคน
หร่วนซื่อหัวเราะดัง สุดท้ายก็เป็นลมล้มไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองไปยังเซี่ี่ยเอ้อร์จู้กล่าวว่า “พี่พาท่านแม่ไปส่งบ้านท่านน้า ไปบอกพวกเขาว่า ดูแลท่านแม่ให้ดี ไว้พวกเราจะไปเยี่ยมนาง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวเช่นนี้ก็เพื่อเตือนน้าชายตนเองแทนหร่วนซื่อ อย่าได้ปฏิบัติต่อท่านแม่ไม่ดี พวกเขาจะไปเยี่ยมนาง
เซี่ี่ยเอ้อร์จู้รีบรับคำ “ข้ารู้แล้ว น้องสาม”
พอหร่วนซื่อถูกส่งกลับไป แต่ละคนในหมู่บ้านตระกูลเซี่ยก็ล้วนพูดว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นมีคุณธรรมจริงๆ หร่วนซื่อไม่เคยสนใจไยดีลูกคนที่สามผู้นี้มาตั้งแต่เล็ก ปรากฏว่าสุดท้ายคนที่ออกหน้าให้นางก็คือลูกคนที่สามผู้นี้
โอ นี่มันเรื่องอะไรกัน
ในห้องโถงตระกูลเซี่ย เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองไปยังคนในหมู่บ้านกล่าวว่า “เอาละ จากนี้ที่บ้านยังมีเรื่องต้องจัดการอีก ทุกคนกลับไปก่อน”
ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างอยากจะจากไปตั้งนานแล้ว พอได้ยินคำพูดเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก็โบกมือพาคนจากไป
ในห้องโถงตระกูลเซี่ย ทุกคนนั่งลง เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองไปยังเซี่ยเหล่าเกินกล่าวว่า “จากนี้ท่านพ่อคิดทำเช่นไร ที่บ้านไม่มีท่านแม่ก็ไม่มีคนจัดการ ที่บ้านตอนนี้ต้องการผู้หญิงสักคนมาดูแลการงาน”
เซี่ยเหล่าเกินพอได้ฟัง ก็คิดไปเองตามสัญชาตญาณว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดให้ลู่เจียวมาดูแล รีบมองไปยังลู่เจียวกล่าวว่า “หรือว่าให้สะใภ้สามมาดูแล”
ลู่เจียวค้อนใส่ทันที สมองนางคงต้องไม่ดีขนาดไหนกันจึงจะมาดูแลครอบครัวที่เละเทะเช่นนี้
ลู่เจียวไม่ทันพูด เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับเอ่ยว่า “พวกเราแยกตัวออกไปแล้ว อย่างไรก็ใช่ลู่เจียวที่ต้องมาดูแลทางนี้”
เขากล่าวจบก็มองไปยังเฉินหลิ่ว เฉินหลิ่วตื่นเต้นขึ้นมาทันที วันหน้านางจะได้ดูแลครอบครัวใหญ่แล้วหรือ เงินทองพวกนี้ก็จะมอบให้นางใช่ไหม
เฉินหลิ่วมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างรู้สึกเป็นมิตร
แม่หม้ายหวังแอบยื่นมือไปดึงแขนเสื้อเซี่ยเหล่าเกิน น่าเสียดายที่ต่อหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่น เซี่ยเหล่าเกินไม่กล้ากล่าวว่าให้แม่หม้ายหวังดูแล
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ดังมารดา ท่านแม่ไม่อยู่ วันหน้าทางนี้ก็ให้พี่สะใภ้ใหญ่ดูแลจัดการการงานในบ้านละกัน”
เฉินหลิ่วดีใจอย่างมาก ส่งเสียงดังขึ้น “ได้ ข้าต้องดูแลครอบครัวอย่างดี”
เงินเอ๋ยเงิน วันหน้าก็เป็นของนางหมดแล้ว
ในห้องโถงตระกูลเซี่ย เซี่ยอวิ๋นหวาส่งเสียงดังขึ้น “พี่สะใภ้ใหญ่ดูแลข้าเห็นด้วย เพียงแต่เงินแต่งที่ข้าต้องใช้ อย่าได้ให้ข้าน้อยลง”
เฉินหลิ่วรีบยิ้มกล่าวว่า “ย่อมเป็นเช่นนั้น น้องสี่อย่าได้เป็นห่วง”