ตอนที่ 210 โรงผลิตสามโรงใหญ่
ลู่เจียวไม่รู้ความคิดผู้จัดการหลี่ อารมณ์ดีมองผู้จัดการหลี่กล่าวว่า “เจ้าของร้านพวกเจ้าผู้นี้น่าสนใจไม่น้อย”
ผู้จัดการหลี่หัวเราะแหะๆ
รถม้าตรงไปยังหอยาเป่าเหอ ในหอยาเป่าเหอ จ้าวหลิงเฟิงพาฉีเหล่ยมารออยู่นานแล้ว
ฉีเหล่ยคำนับลู่เจียวก่อน “อาจารย์มาแล้ว”
ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย จ้าวหลิงเฟิงข้างๆ ยิ้มบางกล่าวว่า “ลู่เหนียงจื่อ เรียนเชิญยากจริง”
ลู่เจียวไม่ได้สนใจคำสัพยอกของเขา ถามจ้าวหลิงเฟิงอย่างตื่นเต้นดีใจว่า “ได้ยินผู้จัดการหลี่บอกว่า เจ้าตามข้ามาแบ่งเงิน?”
ไม่รู้แบ่งให้นางเท่าไร ก่อนหน้านี้นางตั้งใจจะซื้อที่ปลูกสมุนไพร ปรากฏพบว่าเงินห้าพันตำลึงไม่อาจซื้อที่ผืนดีๆ ได้สักเท่าไร คิดไม่ถึงว่าจ้าวหลิงเฟิงจะมอบเงินให้นางอีก เพียงแต่ไม่รู้ว่าเจ้าหมอนี่จะมอบเงินให้นางเท่าไร
ลู่เจียวมองจ้าวหลิงเฟิง จ้าวหลิงเฟิงเหล่มองฉีเหล่ย ฉีเหล่ยแทบยกมือปิดตา ก่อนหน้านี้จ้าวหลิงเฟิงพนันกับเขา อาจารย์เขาได้ยินว่าแบ่งเงินต้องดีใจอย่างมากแน่นอน ฉีเหล่ยยังแก้ตัวแทนลู่เจียว ไม่ถึงขั้นนั้นมั้ง
คิดไม่ถึงว่าเวลาครู่เดียวก็เผยออกมาแล้ว
จ้าวหลิงเฟิงหัวเราะเบาๆ หยิบบัญชีจากข้างโต๊ะออกมาส่งให้ลู่เจียว ลู่เจียวยื่นมือไปรับไว้ นี่คือบัญชีรายได้ที่จ้าวหลิงเฟิงสั่งคนให้ทำน้ำแข็ง ตั้งแต่แรงงานคนจนกระทั่งขายน้ำแข็งได้กำไรมา แต่ละก้อนจดไว้อย่างละเอียด ลู่เจียวอ่านละเอียด ก็รู้ว่าบัญชีนี้ไม่ได้ปลอม
ตอนนี้อากาศใกล้ปลายเดือนเจ็ดแล้ว น้ำแข็งก้อนขายได้ราคาเช่นนี้ก็ไม่เลวแล้ว พร้อมกับแสดงให้เห็นว่าคุณชายสามจวนหย่งหนิงโหวอย่างจ้าวหลิงเฟิงมีความสามารถมาก ไม่ใช่ชื่อเสียงจอมปลอม
ลู่เจียวอดยิ้มพอใจไม่ได้ กล่าวว่า “ไม่เลว ท่านจ้าวเป็นคนทำการค้าเป็นดังคาด ดูท่าข้าร่วมมือกับท่านก็ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว”
พอลู่เจียวกล่าว จ้าวหลิงเฟิงก็วางใจ ความจริงเขารู้ ก่อนหน้านี้สองฝ่ายแม้ว่าลงนามในสัญญา แต่หากลู่เจียวคิดไม่อยากทำแล้ว ย่อมมีวิธี ดังนั้นก่อนหน้านี้การขายน้ำแข็งก็คือความจริงใจที่เขาต้องทำให้นางเห็น
ตอนนี้ได้ยินลู่เจียวกล่าวเช่นนี้ เห็นชัดว่าการคาดเดาของเขาไม่ผิด ลู่เจียวเอาเรื่องการทำน้ำแข็งมาทดสอบเขา ตอนนี้จึงจะเป็นการร่วมมือของทั้งสองฝ่ายอย่างแท้จริง
จ้าวหลิงเฟิงครุ่นคิดแล้วอารมณ์ก็ผ่อนคลายลง หยิบตั๋วแลกเงินกองหนึ่งที่ข้างโต๊ะส่งให้ลู่เจียว กล่าวว่า “การทำน้ำแข็งนี้ได้กำไรมาหกหมื่นตำลึง แน่นอนยังเหลืออีกนิดหน่อย แต่ตอนนี้แม้ว่าใกล้ปลายเดือนเจ็ดแล้ว หลังจากนี้ยังทำกำไรได้อีกนิดหน่อย ดังนั้นเงินเศษๆ ข้าจึงไม่ได้แบ่ง ตรงนี้มีเงินหนึ่งหมื่นแปดพันห้าร้อยตำลึง”
“เงินที่ได้แบ่งมาจากการทำน้ำแข็งหนึ่งหมื่นแปดพันตำลึง ส่วนห้าร้อยตำลึงคือเงินที่ก่อนหน้านี้เจ้าช่วยสะใภ้นายอำเภอสองแม่ลูกไว้ ตระกูลหูก่อนหน้านี้มอบมาให้ทั้งหมดห้าร้อยตำลึง หอยาเป่าเหอไม่ขอแบ่ง มอบให้เจ้าหมด”
ดวงตาลู่เจียวสว่างวาบ มุมปากมีรอยยิ้มกดลึก นางยกมือไปตบปึกตั๋วแลกเงิน กล่าวเสียงดังฟังชัดว่า “ท่านจ้าวทำงานตรงไปตรงมา เชื่อว่าวันหน้าพวกเราจะร่วมมือกันได้อย่างราบรื่น”
ที่จ้าวหลิงเฟิงไม่คิดเล็กคิดน้อยกับลู่เจียว ก็เพราะความสามารถที่ลู่เจียวแสดงให้เห็น ทำให้เขายอมสยบ
เขารู้ว่าคนมีความสามารถต้องรั้งเอาไว้ ไม่ใช่คิดมองระยะสั้นๆ คิดแค่ประโยชน์เล็กน้อยพวกนั้น จ้าว หลิงเฟิงได้ฟังคำพูดลู่เจียว ใบหน้าสง่างามสูงส่งก็เต็มไปด้วยแววยินดีปลาบปลื้มใจ
“ลู่เหนียงจื่อดีใจก็พอ”
ลู่เจียวยื่นมือไปรับตั๋วแลกเงินมานับ ไม่ได้รู้สึกเก้อเขินที่จะนับตั๋วแลกเงินต่อหน้าผู้อื่นแม้แต่น้อย
จ้าวหลิงเฟิงกับฉีเหล่ยเห็นจนชินแล้ว ทั้งสองคนสีหน้าปกติ
จ้าวหลิงเฟิงมอบเงินส่วนหนึ่งของฉีเหล่ยให้กับฉีเหล่ย
“นี่ของเจ้า”
ฉีเหล่ยคิดไม่ถึงว่าตนเองอยู่ๆ จะมีเงินมากขนาดนี้ อยู่ๆ ก็ไม่รู้ควรทำอย่างไรดี เขายกเงินหกพันตำลึงของตนให้กับลู่เจียว “อาจารย์ ของข้ามอบให้ท่าน”
ในเมื่ออาจารย์ชอบเงินทอง งั้นเขาก็มอบส่วนของเขาให้อาจารย์ก็แล้วกัน
ลู่เจียวรีบค้อนฉีเหล่ย “เงินรับแล้วคันมือหรือไง”
นี่มันคนโง่อะไร ไม่รู้จักเอาเงิน
ฉีเหล่ยเห็นลู่เจียวไม่รับ ก็หันไปมองจ้าวหลิงเฟิง เขากับจ้าวหลิงเฟิงล้วนเป็นคนทำงานให้คุณชายห้า แอบรับคนละหกพันตำลึงดูเหมือนไม่เหมาะเท่าไร
ฉีเหล่ยครุ่นคิดมองไปยังจ้าวหลิงเฟิงกล่าวว่า “วันหน้าส่วนหนึ่งของข้า หักส่วนของอาจารย์แล้ว หนึ่งส่วนก็พอ”
ความหมายของเขาก็คือส่วนหนึ่งของเขา หักสามส่วนของลู่เจียวก่อน แล้วค่อยเอาจากอีกส่วนที่เหลือก็พอ
เช่นวันนี้ตั๋วแลกเงินหกหมื่นตำลึง หักส่วนของลู่เจียวหมื่นแปดพัน เขาค่อยเอาหนึ่งส่วนจากสี่หมื่นสองก็คือสี่พันสองร้อยตำลึง
ฉีเหล่ยดึงสี่พันสองร้อยตำลึงจากในนั้นมา จ้าวหลิงเฟิงไม่ได้พูดอะไร ลู่เจียวข้างๆ สีหน้าเหมือนมองคนโง่ไม่อาจสอนสั่ง “เจ้านี่โง่จริง มีเงินยังรังเกียจว่ามาก”
แต่เจ้าหมอนี่ก็นิสัยเช่นนี้ นางก็ขี้เกียจจะพูดมาก
ลู่เจียวเก็บเงิน มองไปยังจ้าวหลิงเฟิงกับฉีเหล่ยกล่าวว่า “ข้าอยากซื้อที่ดินปลูกสมุนไพร พวกท่านรู้ไหมว่าในอำเภอชิงเหอที่ไหนมีที่นาดีขาย”
ในเรื่องนี้จ้าวหลิงเฟิงรู้มากกว่าฉีเหล่ย เขามองไปยังลู่เจียว ถามอย่างห่วงใยว่า “เจ้าคิดซื้อที่นาในเมืองหรือว่าที่นาในละแวกเมือง?”
จ้าวหลิงเฟิงกล่าวจบก็ไม่รอให้ลู่เจียวกล่าว วิเคราะห์ต่อว่า “ที่นาละแวกหมู่บ้านชีหลี่น่าจะเจ็ดแปดตำลึงต่อหมู่ ที่ชนบทยิ่งถูก เพียงหมู่ละสี่ห้าตำลึง แต่ละแวกอำเภอชิงเหอ ที่นาหมู่หนึ่งอย่างน้อยก็ต้องสิบห้าตำลึง”
“แต่ข้าขอแนะนำให้เจ้าซื้อที่นาดีในละแวกตัวเมือง ประการแรกการคมนาคมสะดวก วันหน้าพวกเราจะเปิดสามโรงผลิตก็จะเปิดที่นอกตัวเมือง เช่นนี้ ที่นาเจ้าก็ใกล้กับสามโรงผลิต สะดวกมาก”
ลู่เจียวคิดแล้วก็เห็นด้วย สามโรงผลิตสร้างที่อำเภอ ดีกว่าสร้างในเมืองเล็กมาก อำเภอชิงเหอไม่เพียงแต่การคมนาคมสะดวก และมีน้ำท่าไม่เลว สิ่งที่สามโรงผลิตผลิตออกมา ย่อมต้องขนส่งไปรอบทิศ ดังนั้นเส้นทางเดินทางสำคัญมาก
ในเมื่อโรงผลิตสร้างที่อำเภอ งั้นนางก็จะซื้อที่นาในละแวกอำเภอก็สะดวกมากจริงๆ
ลู่เจียวครุ่นคิดมองไปยังจ้าวหลิงเฟิงกล่าวว่า “เช่นนั้นก็รบกวนท่านจ้าวช่วยข้าดูๆ หน่อยแล้ว ข้าจะซื้อที่นาหนึ่งพันหมู่ไว้ปลูกสมุนไพรก่อน”
จ้าวหลิงเฟิงพยักหน้า “ได้ ข้าช่วยเจ้าหาดู หากมี ข้าจะแจ้งเจ้า”
“ได้”
กล่าวเรื่องซื้อที่จบ ก็พูดถึงเรื่องสร้างสามโรงผลิตกันทันที จ้าวหลิงเฟิงเล่าแผนการขั้นต้นที่ตนวางไว้รอบหนึ่ง ถามลู่เจียวว่ามีอะไรแก้ไขไหม
ความหมายของจ้าวหลิงเฟิงก็คือซื้อที่ห้าร้อยหมู่ไว้ตั้งโรงผลิตสามโรง ลู่เจียวรีบเพิ่มเป็นพันหมู่ ความหมายของนางก็คือป้องกันวันหน้าอาจเปิดโรงผลิตอื่นอีก สถานที่ใหญ่หน่อยดีกว่า
พอจ้าวหลิงเฟิงได้ฟังนางก็เห็นด้วย แสดงท่าทางว่าจะเตรียมการเรื่องนี้ในทันที ลู่เจียวบอกว่าตนเองไว้กลับไปจะวาดเครื่องหีบน้ำมันและโรงงาน วาดเสร็จจะรีบส่งมาให้จ้าวหลิงเฟิง
คุยธุระเสร็จ ลู่เจียวก็ลุกขึ้นเตรียมกลับ จ้าวหลิงเฟิงรีบเอาสัญญาที่เขาไปลงทะเบียนไว้ที่ที่ว่าการอำเภอมอบให้ลู่เจียว “นี่คือสัญญาที่ข้าเอาไปลงทะเบียนที่ที่ว่าการอำเภอมา เจ้าเก็บให้ดี”
ลู่เจียวรีบรับมาอย่างนอบน้อม วันหน้านี่คือกิจการของนาง นางก้มลงมอง จ้าวหลิงเฟิงถึงกับตั้งชื่อให้กับสามโรงผลิตแล้ว โรงหีบน้ำมันชื่อว่าโรงน้ำมันลู่จี้ โรงเวชสำอางชื่อว่าโรงเจียวเหยียน ส่วนโรงผลิตยาชื่อว่าโรงผลิตยาหมิงเหริน