ตอนที่ 214 ฉีกปากเจ้าทิ้ง
ผู้ใหญ่บ้านเซี่ยฟู่กุ้ยได้ยินลู่เจียววันนี้จะใช้รถเทียมวัว ไม่พูดสักคำก็รับปากทันที ยังกำชับเซี่ยเถี่ยหนิวให้ขับรถเทียมวัวช้าหน่อย อย่าเร็วเกินไปจนทำให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่บาดเจ็บ
ลู่เจียวกล่าวขอบคุณติดๆ กัน ก่อนจะกลับบ้านมาทำอาหารเช้า อาหารเช้าง่ายมาก โจ๊กกับแผ่นแป้งห่อไข่ไก่ ลู่เจียวยังหั่นแตงกวาฝอยห่อใส่ไว้ข้างในแผ่นแป้งไข่ด้วย
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รู้สึกสนุกกับวิธีการกินเช่นนี้ เอาแต่พูดว่าอร่อยไม่หยุด
ทั้งครอบครัวกินข้าวเช้าเสร็จ รถเทียมวัวของเซี่ยเถี่ยหนิวก็มาถึง
ลู่เจียวมอบสุนัข แพะ กระต่ายน้อยให้เซี่ยเสี่ยวเป่าช่วยดูแล ยังบอกว่าไว้กลับมาจะทำของอร่อยให้เขากิน
เซี่ยเสี่ยวเป่าตบหน้าอกแสดงท่าทีว่าจะช่วยพวกเขาเฝ้าบ้านอย่างดี
ลู่เจียวยังเก็บไข่ไก่และผักสดมาด้วย หมูป่าหนักสี่ห้าสิบชั่งกับไข่ไก่และผักสด นับว่าเป็นของฝากที่มีราคาพอแล้ว
รถเทียมวัวเร่งเดินทางออกจากหมู่บ้านตระกูลเซี่ย ตรงไปยังหมู่บ้านซิ่งฮวา
ตลอดทาง เจ้าหนูน้อยทั้งสี่คิดเรื่องแปรงสีฟันที่ลู่เจียวจะทำให้ ก็ถามอย่างเป็นห่วงว่า “ท่านแม่ ท่านไม่ได้บอกว่าจะทำแปรงสีฟันหรือ ทำไมยังไม่ทำ”
ลู่เจียวกล่าวกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ว่า “แม่กะว่าจะใช้กระดูกหมูกับขนหมูมาทำแปรงสีฟัน ขนหมูตัดไว้แล้ว กระดูกหมูก็ต้องรอวันนี้กินเนื้อหมดก่อนค่อยเอากลับมา”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่จ้องมองลู่เจียว “กระดูกหมูทำแปรงได้อย่างไร”
ลู่เจียวอธิบายว่า “เอากระดูกหมูมาเหลาให้เป็นด้ามแปรง ที่หัวแปรงก็เจาะรู จากนั้นก็ยัดขนหมูป่าลงไป ก็กลายเป็นแปรงแล้ว ไว้ทำให้พวกเจ้าดู”
ที่ลู่เจียวพูดถึงก็คือรูปแบบแรกเริ่มของแปรงสีฟันที่เพิ่งถูกค้นพบ ยุคสมัยนี้ทำได้แค่นี้เท่านั้น
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ดีใจกล่าวว่า “งั้นพวกเรากลับมาก็ทำกันเลย”
ลู่เจียวยิ้มรับปาก ”ตกลง”
แม่ลูกคุยกันเบิกบานใจ เซี่ยเถี่ยหนิวที่ขับรถม้าอยู่ด้านหน้าอดอุทานไม่ได้ กล่าวว่า “พี่สะใภ้สาม ท่านรู้อะไรมากจริง”
ลู่เจียวโบกมือ “ก็แค่นี้เท่านั้น”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นที่นั่งอยู่ในรถเทียมวัวอีกด้าน ก็หลุบตาหันเข้าหาด้านหนึ่งของรถเทียมวัว ทุกคนคิดว่าเขากำลังพักผ่อน ความจริงดวงตาเขาเอาแต่แอบสังเกตลู่เจียวเงียบๆ
ดูหน้าตางามกระจ่างของหญิงผู้นี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ท่วงท่าเคลื่อนไหวก็ราวกับมีแสงส่องประกาย ดึงดูดใจจนอดให้ความสนใจกับนางไม่ได้
แต่หญิงที่งามราวกับดอกไม้ราคาแพงสูงค่าเช่นนี้ เกลียดใครขึ้นมาก็เกลียดจริง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดถึงว่านางไม่ลังเลที่จะหย่า ก็หลับตาลงไม่อยากมองหญิงผู้นี้อีก
ตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจ หญิงผู้นี้รู้ว่าหญิงที่หย่าแล้วจะยากลำบาก แต่ก็ยังจะหย่า นี่ไม่ใช่หมายความว่านางยอมรับความยากลำบากทั้งหมด แต่ไม่ยอมอยู่ข้างกายเขาต่อ เขามันแย่ขนาดนั้นหรือ
มีบางครั้งที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นแอบหมดความมั่นใจไปเหมือนกัน
แต่เขาก็เข้าใจว่า หญิงผู้นี้ไม่เหมือนหญิงคนใดที่เขาเคยพบมาในอดีต เขาเดาจิตใจนางไม่ออก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิด ปลอบตนเองว่า เอาเถอะ ในเมื่อนางตัดสินใจจะหย่า ก็ตามใจนางละกัน
รถเทียมวัววิ่งไปยังหมู่บ้านซิ่งฮวา
เริ่มแรกเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ยังพูดจากับลู่เจียวอย่างดีใจ แต่สุดท้ายก็ถูกรถเทียมวัวโยกเยกจนหลับไป
ลู่เจียวเองก็หลับตาพัก จนกระทั่งรถเทียมวัววิ่งเข้าหมู่บ้านซิ่งฮวา
พวกเขายังไม่ทันถึงบ้านตระกูลลู่ ปากทางหมู่บ้านก็มีคนมาขวางทางไว้ คนที่ขวางรถเทียมวัวไว้ก็คือสองลุงป้าที่ก่อนหน้านี้ไปหมู่บ้านตระกูลเซี่ยให้ลู่เจียวรักษา
“ไอ้โหยว นี่ไม่ใช่หมอเทวดาหรือ หมอเทวดามาหมู่บ้านซิ่งฮวาเล็กๆ ของพวกเราทำไม พวกเราหมู่บ้านซิ่งฮวาไม่กล้าให้คนยิ่งใหญ่อย่างหมอเทวดาเข้ามาหรอก”
บนรถเกวียนเทียมวัว ลู่เจียวกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ต่างตกใจตื่น ทุกคนหันไปมองคนพูดทันที
ลู่เจียวจำได้ทันทีว่าเป็นสองลุงป้าที่ก่อนหน้านี้ไปหมู่บ้านตระกูลเซี่ยให้ลู่เจียวรักษาอาการป่วย
หญิงผู้นี้กำลังด่าทอน้ำลายแตกฟอง ชี้มือชี้ไม้กับคนข้างๆ เยาะนางอยู่
“พวกเจ้าไม่รู้ล่ะสิ หมอเทวดาอะไร นักต้มตุ๋นแท้ๆ นางเป็นคนยังไง พวกเราไม่รู้ใช่ไหม เป็นคนขี้เกียจเอาแต่กินและก็ล่อลวงผู้ชาย ถึงกับอ้างตัวเป็นหมอเทวดา”
“เฮอะ ทุกคนล้วนถูกนางต้มตุ๋น วันนี้ข้าจะเปิดโปงโฉมหน้าแท้จริงของนาง”
ลู่เจียวสีหน้าเข้ม ดวงตาเย็นเยียบกำลังจะโดดลงจากรถเทียมวัว เจ้าหนูน้อยทั้งสี่บนรถเทียมวัวก็โมโหตะโกนออกไปแล้วว่า “เจ้าคนชั่ว ท่านแม่ข้าไม่ได้หลอกคน วิชาการแพทย์นางร้ายกาจมาก”
“ใช่ ท่านแม่ข้ารักษาคนป่วยหลายคน ทุกคนต่างบอกว่าท่านแม่ข้าร้ายกาจมาก”
“เจ้าสินักต้มตุ๋น หน้าไม่อาย”
หญิงชราหน้ารถเทียมวัวได้ฟังเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ สีหน้าแปรเปลี่ยนทันที หันไปชี้หน้าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ด่าทอว่า “ผู้ใหญ่ก็นักต้มตุ๋น เด็กก็นักต้มตุ๋น ทั้งครอบครัวไม่มีดีสักคน”
ลู่เจียวโดดลงจากรถเกวียนเทียมวัวทันที ยื่นมือไปคว้าตัวหญิงชราที่สาดวาจาไม่หยุด เอ่ยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “เจ้าลองด่าอีกคำ ดูว่าข้าจะใช้เข็มปักปากเน่าๆ นี้ของเจ้าอย่างไร”
ท่าทางลู่เจียวทำหญิงชราตกใจ ลืมตอบสนองไปชั่วขณะ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังก็ลงจากรถเกวียนเทียมวัวมา เขาก้าวมาถึงหน้าหญิงชรา ก็มองลงมาที่นาง “เจ้าคิดว่าด่าคนไม่ผิดงั้นหรือ ด่าคนก่อความวุ่นวาย ส่งตัวไปที่ว่าการอำเภอมีโทษตบปาก”
คนหมู่บ้านซิ่งฮวาถูกลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นพูดกันคนละคำก็พากันหวาดกลัวนิ่งงัน และในนั้นยังมีคนเคยได้รับการช่วยเหลือจากลู่เจียว เคยไปรักษาที่หมู่บ้านตระกูลเซี่ย ต่างก็รีบบอกว่าลุงป้าสองคนนั้นเป็นคนไม่ดี
“ปากเจ้าเน่าเหม็นจริง อยู่ดีๆ ไปด่าคนอื่นเขาทำไม”
“นิสัยชอบหาเรื่องของเจ้านี่หลายปีมานี้ไม่เคยเปลี่ยน หากยังไม่แก้ไข วันหน้าต้องเกิดเรื่องแน่”
ทุกคนกำลังพูดคุยกันอย่างออกรส เถียนซื่อก็พาลู่ต้าเหนียนกับสองสะใภ้เร่งมาถึง เมื่อครู่นางกำลังกวาดลานบ้านอยู่ ก็มีคนวิ่งมาส่งข่าวที่บ้านนาง ว่าหลินซื่อรังแกลูกสาวกับลูกเขยนาง
เถียนซื่อรีบนำคนบุกไปทันที พอไปถึงก็เห็นหลินซื่อที่บ้านอยู่ห่างจากบ้านตระกูลลู่ไปสองหลังกำลังรังแกลูกสาวนาง เถียนซื่อไหนเลยจะทนได้
นางมาถึงก็ปรี่ไปถึงตัวหลินซื่อที่กำลังหาเรื่องพอดี “นังหลิน เจ้าบัดซบไข่เต่า ถึงกับกล้ารังแกลูกสาวกับลูกเขยข้า เจ้ารนหาที่ตายหรือไง”
เถียนซื่อตัวสูงใหญ่ แต่หลินซื่อไม่สูง จึงถูกนางกดไว้กับพื้นตบตี
หลินซื่อผู้นี้ไม่เป็นที่ชื่นชอบของชาวหมู่บ้านซิ่งฮวา กอปรกับบ้านยากจน ปกติอยู่ในหมู่บ้านก็ไม่ค่อยมีใครอยากคบหา
ก่อนหน้านี้พวกเขาไปถึงหมู่บ้านตระกูลเซี่ยให้ลู่เจียวรักษา ก็เพราะไม่ต้องเสียเงิน หากจ่ายเงินพวกเขาย่อมไม่แล
คิดไม่ถึงว่ากลับถูกลู่เจียวขับไล่ออกจากหมู่บ้านตระกูลเซี่ย หลินซื่อโมโหมาก กลับมาถึงหมู่บ้านก็เอาแต่ด่าว่าลู่เจียวไปทั่วว่าเป็นนักต้มตุ๋น ปรากฏถูกเถียนซื่อนำคนมาจัดการไปยกหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าดีได้ไม่กี่วัน ก็ลืมการสั่งสอนไปอีกแล้ว
เถียนซื่อกดหลินซื่อไว้จัดการไปยกหนึ่ง ก่อนจะตบปากนางอย่างแรง “วันหน้ายังกล้าว่าลูกสาวข้าอีก ข้าจะฉีกปากเจ้าทิ้ง ดูซิว่าเจ้ายังจะกล้าพูดจามั่วซั่วอีกไหม”
หลินซื่อดิ้นรน น่าเสียดายแรงน้อยเกินไป นางร้องตะโกนไปรอบๆ “มีคนจะฆ่าคน ช่วยด้วย”
ลู่เจียวรีบเข้ามาดึงท่านแม่นางขึ้นมา ก็เพราะไม่อยากให้เป็นว่าพอกลับบ้านท่านแม่ก็ก่อเรื่องกองโตไว้ให้ “ท่านแม่ เอาละ ไม่ต้องไปสนใจนาง นางมันหมาบ้าตัวหนึ่ง”
ลู่เจียวกล่าวจบ ก็หันไปถลึงตาใส่หลินซื่อ “นังหมาบ้า หากก่อเรื่องอีก ก็ตีให้ตายไปเลย”