ตอนที่ 221 ยอมติดตามมารดาขอทาน ไม่ติดตามบิดาผู้เป็นขุนนาง
เถียนซื่อถลึงตาใส่นางทันที กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ข้ารู้สึกว่าตอนนี้ลูกเขยคนนี้ดีมาก เจ้าจับลูกเขยข้าคนนี้ให้ดีๆ”
พูดจนสุดท้าย เถียนซื่อคิดถึงใจลูกสาวที่ชอบลูกเขย หากลูกสาวอย่างไรก็ไม่อาจได้ใจลูกเขยมาครอง เกรงว่าชีวิตคงทุกข์ใจมาก อย่างไรลูกสาวตนก็มีใจรักมั่นต่อลูกเขย ความจริงตามความคิดของเถียนซื่อ ผู้ชายชอบก็ชอบ ไม่ชอบก็แล้วไป เลี้ยงดูเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ให้เติบใหญ่ วันหน้าเสพสุขวาสนาลูกชายก็พอ
แต่ฉับพลันนั้นเอง นางก็คิดถึงว่าตนเองก่อนหน้านี้นางทุกข์ใจแทบตายเพราะลู่ต้าเหนียนบ่นว่าหลายคำ หากลูกสาวนางชีวิตนี้ไม่อาจได้รับความรักจากผู้ชาย จะเจ็บปวดใจเพียงใด
เถียนซื่อครุ่นคิดแล้วก็หลับตาลงครู่หนึ่ง กัดฟันกล่าวว่า “หากลูกเขยไม่ชอบเจ้าจริงๆ หย่าก็หย่า คนต่อไปยิ่งดีกว่า”
ลู่เจียวคิดไม่ถึงว่าเถียนซื่อถึงกับกล่าวคำพูดเช่นนี้ออกมาได้ ก็รู้สึกขำขึ้นทันที
พอนางหัวเราะ เถียนซื่อก็โมโหยกมือทุบนางไปสองที “เจ้ายังหัวเราะออก เจ้ารู้ไหมสตรีถูกหย่ายากลำบากเพียงใด”
นางกล่าวจบ ก็คิดถึงเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ พลางถามอย่างห่วงใยลู่เจียว “งั้นเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ทำไง”
ลู่เจียวกล่าวอย่างละเอียดสักหน่อย “ให้ข้าดูแลไปก่อน หากเซี่ยอวิ๋นจิ่นสอบตำแหน่งจิ้นซื่อมาได้ก็ย่อมต้องเข้าเมืองไปเป็นขุนนาง ถึงตอนนั้นเขาก็จะพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปด้วย”
เถียนซื่อได้ยินคำพูดลู่เจียว ก็ยิ่งรู้สึกสงสารนางยิ่งขึ้น เจ้าหนูน้อยทั้งสี่น่ารักรู้ความขนาดไหน ถึงกับมอบให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นไปเสียอย่างนั้น สวรรค์ นางรู้สึกว่าใจตนเองปวดปลาบจนแทบทนไม่ไหว
“หรือว่าเหลือไว้ให้เจ้าสักคนก็ไม่ได้ ลูกเขยใจร้ายจริง”
ลู่เจียวจะพูดอะไรได้ ได้แต่ปลอบใจเถียนซื่อ “เขานำไปดูแลดีกว่าข้ามาก หากเขาเข้าเมืองไปเป็นขุนนาง เจ้าหนูน้อยทั้งสี่มีบิดาเป็นขุนนาง ย่อมดีกว่าติดตามอยู่กับข้า”
เถียนซื่อไม่เห็นด้วย ถลึงตาจ้องใส่ลู่เจียวกล่าวว่า “เจ้าไม่เคยได้ยินหรือว่า ยอมติดตามมารดาขอทาน ไม่ติดตามบิดาผู้เป็นขุนนาง ท่านพ่อที่เป็นขุนนางเบื้องหลังย่อมแต่งท่านแม่ใหม่ ท่านแม่ใหม่ล้วนร้ายกาจมาก เฮ้อ! วันหน้าจะดีกับพวกเขาหรือ”
ลู่เจียวพลันคิดถึงจุดจบเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ในนิยาย เลี้ยงดูอบรมเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ให้กลายเป็นตัวร้ายยิ่งใหญ่ได้ เช่นนั้นสตรีที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นแต่งก็คงไม่ได้ดีไปกว่ากัน
ลู่เจียวอดเป็นห่วงไม่ได้ วันหน้าเจ้าหนูแฝดสี่คงไม่กลายเป็นตัวร้ายดังเดิม ไม่ได้! นางต้องใช้ช่วงเวลาหนึ่งปีนี้ให้เป็นประโยชน์ บ่มเพาะนิสัยดีๆ ให้พวกเขา
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็มองไปยังเถียนซื่อกล่าวว่า “ท่านแม่อย่าได้เป็นห่วง ไม่แน่สุดท้ายข้าอาจจะอยู่กับเขาก็ได้ นี่เป็นเรื่องของวันหน้า”
นางกล่าวจบก็มองท้องฟ้าว่าดึกมากแล้ว จึงเร่งให้เถียนซื่อไปนอน ก่อนไปยังกำชับเถียนซื่อ “ท่านแม่ เจ้าแฝดสี่คิดว่าข้ากับท่านพ่อพวกเขาดีกันแล้ว เรื่องนี้ท่านอย่าได้พูดไป”
“ได้ ข้ารู้แล้ว” เถียนซื่อปวดหัวจนต้องนวดขมับ ตาแดงๆ กล่าวว่า “หลานชายที่น่าสงสารของข้า ทำไมจึงมาเจอบิดาเช่นนี้ได้”
ลู่เจียวมุมปากลึก ไม่กล้ากล่าวอันใด หันหลังเดินเข้าห้องลู่กุ้ยไป
ในห้องเซี่ยอวิ๋นจิ่นยังคงนั่งอยู่บนเตียงไม่ขยับ เขาไม่รู้ว่าเถียนซื่อจะมาอีกไหม ดังนั้นจึงไม่กล้าเอาผ้าห่มบนเตียงลงไปปูพื้น
ยามนี้เห็นลู่เจียวกลับมาคนเดียว เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบอุ้มผ้าห่มลงจากเตียง เริ่มปูพื้น
ลู่เจียวนั่งบนเตียงมองเขาปูพื้น นางคิดถึงคำพูดเถียนซื่อก่อนหน้านี้ ยอมติดตามมารดาขอทาน ไม่ติดตามบิดาผู้เป็นขุนนาง
ลู่เจียวมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอดเอ่ยไม่ได้ว่า “เซี่ยอวิ๋นจิ่น หลังจากพวกเราหย่ากัน วันหน้าเจ้าคงต้องแต่งงานใหม่ เจ้าอย่าได้เป็นคนที่พอมีภรรยาใหม่ ก็กลายเป็นบิดาใหม่ไปด้วย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วมองไปยังลู่เจียวข้างเตียง เห็นเพียงใบหน้างามกระจ่างใสของนางเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มใจ เหมือนว่าเป็นห่วงสภาพวันหน้าของเจ้าหนูน้อยทั้งสี่
เซี่ยอวิ๋นจิ่นอดเลิกคิ้วไม่ได้ ท่านแม่ยายคุยอะไรกับหญิงผู้นี้
ลู่เจียวเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ตอบ ก็กล่าวต่อว่า “สตรีบนโลกนี้หากคิดจะวางอุบายเด็ก ล้วนมีวิธีกันมากมาย บ้างก็ต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง แม้จะเกลียดชังเด็กๆ แต่ต่อหน้าเจ้าก็แสร้งทำเป็นรักใคร่ได้ แต่ก็มีบางคนที่ดีกับเด็กๆ มากต้องการอะไรก็ให้ นี่เรียกว่าเอาใจเสียคน…”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่รอให้ลู่เจียวกล่าวจบก็กล่าวว่า “ในเมื่อเป็นห่วงพวกเขาเช่นนี้ ทำไมต้องหย่า”
ลู่เจียวอึ้งไป มองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่น แววตาเขาดำขลับมองนางลุ่มลึก แววตาดำราวกับมีความรู้สึกนับพันหมื่น
ลู่เจียวอึ้งไป จากนั้นก็คิดถึงว่าก่อนหน้านี้ตนเองเคยถามผู้ชายคนนี้ว่าชอบตนหรือไม่ เขาบอกนางว่าอย่าคิดเหลวไหล ดังนั้นนางก็อย่าได้คิดเหลวไหลดีกว่า
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็พลิกตัวขึ้นนอนบนเตียงพร้อมกับกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “นอน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นบนพื้นถอนสายตากลับมานอนที่พื้น แต่ทั้งสองคนเพราะมีเรื่องเถียนซื่อเช่นนี้ จึงทำให้นอนไม่หลับในทันที
เซี่ยอวิ๋นจิ่นอดถามลู่เจียวไม่ได้
“ลู่เจียว ทำไมเจ้าต้องหย่าให้ได้”
ลู่เจียวแอบปวดหัว เรื่องนี้พูดไม่กระจ่างไหม ที่ต้องพูดมีมากมายนัก
เช่นว่า นางไม่ชอบนางคนเดิม นางจะมาครอบครองผู้ชายกับลูกของคนอื่นได้อย่างสบายใจได้หรือ อีกอย่างนางเป็นคนยุคปัจจุบัน มีความเห็นไม่ตรงกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นมากมาย อีกอย่างนี่คือนิยาย ในนิยายเขา มีภรรยาที่กำหนดไว้ ที่สำคัญที่สุดก็คือนางคิดหาคนที่รักนางด้วยใจรักจริง
ความจริงตัวตนเบื้องลึกของลู่เจียวนั้นขาดความรักเช่นกัน ตอนเด็กๆ ไม่อาจได้ความรักจากบิดามารดา ดังนั้นในใจนางจึงได้เฝ้าปรารถนาความรักมาตลอด
โลกก่อนของนางยุ่งแต่กับการงาน ไม่ทันได้หาคนที่รักนางได้สักคน ชีวิตนี้นางคิดหาคนที่รักนางด้วยใจจริง ทุ่มเทเพื่อนาง
คนที่รักนางด้วยใจจริง นางไม่อาจปฏิเสธได้สักคน เช่นเถียนซื่อ เช่นเจ้าหนูน้อยทั้งสี่
แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้นางไม่อาจกล่าวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นได้
บนเตียง ลู่เจียวแสร้งทำหลับ ไม่สนใจเซี่ยอวิ๋นจิ่น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเองก็ไม่ถามนางอีก เขาหลุบตาครุ่นคิดหาเหตุผลที่ลู่เจียวจะหย่า หรือว่าเพราะเขาไม่ชอบนาง หรือว่านางไม่ชอบเขา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิดไปมา พลันคิดถึงเถียนซื่อขึ้นมา ความจริงคนอื่นไม่รู้ แต่เขารู้ ลู่เจียวตอนนี้ไม่ใช่ลู่เจียวคนเดิม แต่นางถึงกับยอมรับเถียนซื่อ ยังดีกับเถียนซื่อมากเป็นพิเศษ
ทำไมลู่เจียวดีกับเถียนซื่ออย่างนั้น ยอมรับเถียนซื่อเพื่อคนที่ตายไปแล้วคนนั้นหรือ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิดแล้วก็ค่อยๆ หลับไป ลู่เจียวบนเตียงเองก็หลับแล้ว
วันรุ่งขึ้น พอฟ้าสาง ลานบ้านตระกูลลู่ก็คึกคักกันขึ้นมา เจ้าหนูน้อยทั้งสี่พร้อมกับหู่จื่อและเถาจื่อ ทั้งลานเต็มไปด้วยเสียงคุยดังของเด็กๆ
หู่จื่อเอาแต่ไม่ชอบเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ แต่เช้ามาเห็นเจ้าหนูน้อยทั้งสี่เอากระดูกหมูที่กินกันเมื่อวานตอนค่ำไปเก็บ ก็แปลกใจมาก อดถามต้าเป่าไม่ได้ “เจ้าอยู่ดีๆ เอากระดูกไปเก็บทำไม”
ต้าเป่าบอกหู่จื่อว่า “ท่านแม่ข้าจะเอากระดูกเหลาเป็นด้ามแปรงสีฟัน จากนั้นก็ทำเป็นแปรงสีฟัน พวกเราทุกคนก็จะมีแปรงสีฟันคนละอัน”
หู่จื่อไม่เข้าใจว่าแปรงสีฟันคืออะไร รีบถามอย่างแปลกใจ “อะไรคือแปรงสีฟัน”
“แปรงสีฟันน่ะหรือ เจ้าเห็นคนในหมู่บ้านใช้กิ่งหลิ่วขัดฟันไหม ท่านแม่ข้าว่าแปรงสีฟันดีกว่ากิ่งต้นหลิ่ว”
หู่จื่อได้ฟังก็แอบอยากได้ อดถามต้าเป่าไม่ได้ว่า “งั้นให้ท่านอาทำให้ข้าอันหนึ่งได้ไหม”
เถาจื่อน้อยปรี่เข้ามากอดต้าเป่า “พี่ชาย พี่ชาย ข้าเอา ข้าเอา”