ตอนที่ 230 พวกเราจะรักนางมาก
คนหมู่บ้านตระกูลเซี่ยรู้กันรวดเร็วว่า เซี่ยอวิ๋นจิ่นจะทุบบ้านเก่าทิ้งแล้วสร้างใหม่ ยังเป็นบ้านใหญ่ที่สร้างด้วยอิฐชิงจวน
บ้านอิฐชิงจวนแพงมาก ตอนนี้ทั้งหมู่บ้านตระกูลเซี่ยไม่มีบ้านอิฐชิงจวนสักหลัง
อย่าว่าแต่หมู่บ้านตระกูลเซี่ย แม้แต่หมู่บ้านละแวกนี้ ก็มีแค่บ้านสองสามหลังที่มีเงินพอจะสร้างบ้านอิฐชิงจวน บ้านที่เหลือส่วนใหญ่ก็เป็นบ้านกำแพงดิน
ไม่กล่าวถึงว่าอิฐชิงจวนราคาแพง บางครั้งยังหาไม่ได้ด้วย
ชาวบ้านในหมู่บ้านได้ยินเรื่องนี้ ก็ไม่ได้คิดอิจฉาอะไร เพราะระยะนี้แต่ละครอบครัวในหมู่บ้านล้วนหาเงินได้ อย่างน้อยก็ครอบครัวละสิบตำลึง คนที่ได้มากก็หลายสิบตำลึง ดังนั้นไม่มีคนอิจฉาตาร้อนเซี่ยอวิ๋นจิ่น แต่ละคนกลับใส่ใจเรื่องว่าบ้านอิฐชิงจวนนี้ราคาเท่าไร
“อวิ๋นจิ่น สร้างบ้านอิฐชิงจวนนี้น่าจะต้องใช้เงินเท่าไร”
บ้านคนมีเงินในหมู่บ้านเริ่มคิดเรื่องนี้กัน รอให้พวกเขามีเงินมากแล้ว ก็จะสร้างบ้านอิฐชิงจวนที่สวยงามอลังการกว่าบ้านดินมาก และพอสร้างเสร็จ ก็จะได้อยู่กันไปหลายรุ่นลูกหลาน บ้านดินใช้ได้สิบกว่าปีก็ปริแล้ว ต้องสร้างใหม่
แม้เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้ว่าอิฐชิงจวนราคาแพง แต่ไม่รู้ว่าสร้างบ้านอิฐชิงจวนต้องใช้เงินเท่าไร เขาตอบกล้อมแกล้มไปว่า
“น่าจะหลายสิบตำลึง ราคาจริงๆ ก็ยังต้องรอดูว่าสร้างบ้านใหญ่ขนาดเท่าไร”
“ครอบครัวพวกเราก็เก็บสะสมเงินมาสร้างบ้านอิฐชิงจวนบ้างดีกว่า”
“รอพวกเราเลี้ยงปลิงสำเร็จ วันหน้ามีรายได้ทุกปี ถึงตอนนั้นทุกบ้านก็สร้างบ้านอิฐกันได้แล้ว”
คำพูดผู้ใหญ่บ้านทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านพากันดีใจ แต่ละคนคุยกันครึกครื้น
ลู่เจียวได้ฟังคำพูดชาวบ้านในหมู่บ้าน ก็อดคิดถึงอิฐชิงจวนที่จะใช้สร้างบ้านไม่ได้ อิฐชิงจวนต้นทุนสูง งานฝีมือซับซ้อน ผลิตได้น้อยมาก ไม่อาจผลิตด้วยเครื่องจักรได้ ดังนั้นราคาสูงมาก แต่อิฐแดงค่อนข้างง่ายกว่า และอิฐแดงก็ผลิตด้วยเครื่องได้ ผลิตได้มาก ราคาก็ถูกหน่อยได้
หากตั้งโรงผลิตอิฐแดงได้ก็ไม่เลว
แต่ลู่เจียวคิดได้ทันทีว่า โรงหีบน้ำมัน โรงเวชสำอางและโรงผลิตยาใกล้จะได้ทำงานแล้ว
นางก็เพลาๆ หน่อยดีกว่า สามอย่างนี้ก็ยุ่งมากพอแล้ว อย่าหาเรื่องดีกว่า
ในลานบ้าน ผู้ใหญ่บ้านหันไปมองชาวบ้านในหมู่บ้านด้านนอกลานบ้านกล่าวว่า “บ้านอวิ๋นจิ่นเล็กไปหน่อย จะขยายออกไปทางตะวันออก สองวันนี้เขาจะขอให้ทุกคนมาช่วยปรับกดอัดพื้นทำฐานเรียบ เดิมตามความคิดข้า ทุกคนช่วยงานก็พอ แต่อวิ๋นจิ่นยืนยันจะจ่ายค่าแรง คนที่มาช่วยได้วันละสามสิบเหวิน มีอาหารกลางวันกิน”
ผู้ใหญ่บ้านกล่าวจบ ก็มีคนในหมู่ชาวบ้านในหมู่บ้านตะโกนขึ้นว่า “พวกเราไม่เอาเงิน ขอแค่อาหารกลางวันก็พอ”
กล่าวจบก็มีคนยืนขึ้นกล่าวว่า “เจียวเจียว ให้ผู้ชายบ้านข้าช่วยบ้านเจ้ากดอัดพื้นดิน เจ้าไม่ต้องจ่ายเงิน”
ป้ากุ้ยฮวากล่าวจบก็มีอีกหลายคนยืนขึ้นแสดงท่าทีว่าไม่ต้องการเงิน
บ้านตระกูลหลินลุกขึ้นพร้อมกัน
แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับปฏิเสธ เขามองชาวบ้านในหมู่บ้านในรั้วและนอกรั้วกล่าวว่า “ทุกคนล้วนทำมาหากิน ไม่อาจทำงานกันฟรีๆ หากยอมมาช่วย ก็ทำตามที่ข้าว่า ทุกวันคนละสามสิบเหวินรวมอาหารกลางวัน หากไม่เอาเงิน ข้าก็ไม่รบกวนทุกคนแล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวเช่นนี้ ชาวบ้านในหมู่บ้านก็ไม่ดึงดันต่อ แต่ทุกคนก็แอบนึกดีใจ มีเงินและยังมีอาหารกลางวัน เป็นเรื่องดี
พริบตา คนไม่น้อยก็เบียดเข้ามาในลานบ้านตระกูลเซี่ยว่าจะช่วยงาน
ไม่เพียงแต่ชาวบ้านในหมู่บ้าน ตระกูลเซี่ย เซี่ยเหล่าเกิน เซี่ยต้าเฉียง เซี่ี่ยเอ้อร์จู้ เซี่ยอวิ๋นหวาเองก็มาช่วยกันหมด
เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ไม่ได้ปฏิเสธ ขอเพียงตั้งใจทำงาน เขาไม่สนใจว่าจะเป็นใคร
สุดท้ายเซี่ยอวิ๋นจิ่นกำหนดคนยี่สิบคนถางที่ปรับดิน
ตอนนี้การขุดวางฐานบ้านในชนบท ล้วนใช้ไม้ท่อนใหญ่เหลาให้เป็นเสากลมรัดด้วยเชือก สี่มุมมีคนยกขึ้นสูงและปล่อยกระแทกลงมา ให้กดลงพื้นตามธรรมชาติ เพื่อปรับอัดดินให้แน่นเป็นฐาน
ลู่เจียวเห็นเรื่องนี้ก็นึกถึงยุคหกสิบถึงยุกเจ็ดสิบได้ทันทีว่าชนบทใช้ก้อนหินกลมใหญ่บดอัดดิน ก้อนหินกลมใหญ่บดอัดย่อมแน่นหนากว่าไม้มาก
เดิมลู่เจียวไม่คิดยุ่งเรื่องนี้ แต่พอคิดว่าเป็นที่อยู่วันหน้าของเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ หากสร้างให้ดีหน่อยได้ย่อมดี
นางครุ่นคิดแล้วก็เรียกเซี่ยอวิ๋นจิ่นมากล่าวเบาๆ ว่า “ข้ารู้สึกว่าใช้ไม้บดอัดไม่แข็งแรงเท่าแท่นหินกลม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้สถานะลู่เจียว ดังนั้นพอนางกล่าว เขาก็เดาได้ว่าน่าจะเป็นวิธีการกดอัดดินวางรากฐานบ้านของที่ลู่เจียวเคยอยู่ และแท่นหินกลมบดอัดย่อมแน่นกว่าไม้มาก เพียงแต่จะหามาได้อย่างไร
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองไปยังลู่เจียวกล่าวว่า “จะเอาแท่นหินกลมพวกนี้มากดอัดพื้นได้อย่างไร”
ลู่เจียววาดมือให้ดู กล่าวว่า “หาก้อนหินมีรู ร้อยเชือกผ่านรู คนกดอัดดินลากเชือกคนละเส้นไว้หัวท้าย ใช้แรงดึงขึ้นพร้อมกัน จากนั้นปล่อยลงมา แรงกดอัดก็จะหนักกว่าฐานไม้”
พอลู่เจียวกล่าว เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เข้าใจ หินกดอัดกับไม้กดอัด วิธีการเดียวกัน แต่หาหินมีรูสี่มุมเกรงว่าไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่วิธีการที่ลู่เจียวว่าย่อมดีกว่าใช้ไม้กดอัดฐานมาก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นตัดสินใจให้คนขึ้นเขาไปหาก้อนหินเช่นนี้
“ข้าขอให้สองสามคนขึ้นเขาไปหาดูว่ามีหินเช่นนี้ไหม”
ลู่เจียวพยักหน้า ความจริงห้วงอากาศนางก็มีสว่านไฟฟ้า แต่นางไม่อาจหยิบออกมาใช้ต่อหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ ดังนั้นนางตัดสินขึ้นเขาไปหา ดูว่ามีก้อนหินที่มีรูสี่มุมหรือไม่ หากมีก็แล้วไป หากไม่มี นางคิดหาทางเอาสว่านไฟฟ้าออกมาเจาะรูสักสองสามรูก็แล้วกัน
“ข้าขึ้นเขาไปหากับพวกเขา”
ลู่เจียวกล่าวจบ ก็ลุกขึ้นเตรียมไปจัดการอาหารกลางวัน เซี่ยอวิ๋นจิ่นยกมือรั้งนางไว้ กำชับว่า “เจ้าขึ้นเขาก็ระวังหน่อย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบ ตัวเขาเองก็ยังอึ้ง ลู่เจียวเองก็อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รับคำ “ข้าจะระวัง”
ทั้งสองคนกล่าวจบก็หันไปเตรียมงานตนเอง ไม่คิดว่าได้ยินเสียงหัวเราะของชาวบ้านในหมู่บ้านไล่หลังมา
“ต้าเป่า ดูท่านพ่อเจ้ารักท่านแม่ขนาดไหน เจ้าอยากให้ท่านพ่อท่านแม่มีน้องสาวให้พวกเจ้าไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวหันไปมองคนหยอกทันที
วันนี้นอกจากคนที่ช่วยวางฐานบ้าน ยังมีพวกผู้หญิงในหมู่บ้านยอมมาช่วยปัดกวาด พร้อมกับช่วยลู่เจียวทำอาหารกลางวัน
ยามนี้พวกผู้หญิงกำลังหยอกเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ฟังก็ดีใจมาก พากันยิ้มกว้าง
“คิด ไม่ว่าน้องชายหรือน้องสาว พวกเราก็จะรัก รักมากๆ”
“ข้าจะเอาของเล่นข้าให้น้องชายน้องสาวเล่น ยังจะพาพวกเขาไปเล่นด้วย”
“ข้าจะสวมเสื้อผ้าให้นาง ป้อนข้าวนาง”
“ข้าโตขึ้นจะหาเงินให้น้องสาวใช้ ให้น้องสาวซื้อของกินของเล่น”
พอเจ้าหนูน้อยทั้งสี่พูด ชาวบ้านในหมู่บ้านก็พากันหัวเราะดัง พวกผู้หญิงอดชมไม่ได้ว่า “โอ๊ย เด็กน้อยทั้งสี่นี่รู้ความจริง วันหน้าน้องชายน้องสาวเจ้ามีวาสนาแล้ว”
“ใช่แล้ว เด็กน้อยสี่คนดูอย่างไรก็ดีไปหมด”
พอทุกคนกล่าวจบก็เงยหน้าเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวมองมา สัพยอกทันทีว่า “อวิ๋นจิ่น ภรรยาอวิ๋นจิ่น พวกเจ้าต้องพยายามมีน้องชายน้องสาวให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่แล้ว เห็นไหมพวกเขาอยากได้น้องชายน้องสาวขนาดไหน”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รีบหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวอย่างวาดหวัง ยังพยักหน้าเต็มแรงผสมโรงไปด้วย
ใช่แล้ว พวกเขาอยากได้น้องชายน้องสาว หากมีน้องชายน้องสาว ก็แสดงว่าท่านพ่อท่านแม่รักกันดี วันหน้าท่านแม่ย่อมไม่ไปแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ท่านยายบอก