ตอนที่ 228 เบื้องหลังความจริงของบุญคุณดุจขุนเขา
พอเซี่ยเหล่าเกินได้ฟัง ก็รีบส่งเสียงดัง “นางถูกข้าหย่าไปแล้ว เจ้ารับนางกลับมาไม่ได้ ตอนนี้นางไม่ใช่คนตระกูลเซี่ยเราแล้ว และก็ไม่ใช่ท่านแม่เจ้าแล้ว เจ้าอย่าได้เอาแต่เรียกท่านแม่ๆ ท่านน้าอะไรอีก พวกเขาไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า”
วันหน้าอย่าได้แล่นมาอาศัยอานิสงส์ลูกชายเขา ลูกชายเขามีแต่เขาที่รับอานิสงส์ได้คนเดียว
เซี่ยเหล่าเกินกำลังคิดอยู่ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็กล่าวว่า “ข้าคิดว่าท่านแม่อยู่บ้านตระกูลหร่วนไม่แน่อาจถูกน้าสะใภ้รังแก ดังนั้นจึงรับปากพวกเขาว่าวันหน้าจะมอบเงินสิบตำลึงให้พวกเขาทุกปีเป็นค่าดูแลท่านแม่ยามชรา”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบ ก็ไม่รอให้เซี่ยเหล่าเกินพูด พูดต่อทันทีว่า “ท่านแม่มี ท่านพ่อย่อมมี แม้ว่าท่านพ่อตอนนั้นมอบให้ข้าแค่ห้าตำลึงแล้วก็ไล่ข้าแยกบ้านออกมา แต่ข้าไม่อาจทำตัวเป็นลูกอกตัญญูได้ ดังนั้นวันหน้าเงินเลี้ยงดูวัยชราท่านพ่อ ข้าก็จะมอบให้ปีละสิบตำลึงเช่นกัน”
พอเซี่ยเหล่าเกินได้ฟังว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นมอบให้เขาเป็นค่าเลี้ยงดูแค่สิบตำลึง ก็เลิกคิ้วไม่พอใจกล่าวว่า
“หร่วนซื่อถูกข้าหย่าไปแล้ว เจ้าอยู่ดีๆ ให้เงินนางทำไม เจ้าควรมอบส่วนของนางให้ข้า ให้ข้ายี่สิบตำลึงก็ได้”
เซี่ยเหล่าเกินยิ่งคิดก็ยิ่งเสียเปรียบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นเตือนเขาว่า “ท่านพ่อ ท่านมีลูกชายหลายคน ข้ามอบแค่ส่วนของข้าคนเดียวก็พอ ท่านพ่อควรถามพี่ใหญ่สักหน่อย แต่ละปีเขาจะมอบเงินแสดงความกตัญญูให้ท่านพ่อได้เท่าไร”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบ เซี่ยเหล่าเกินก็ใบ้กิน พูดไม่ออกสักแอะอยู่เป็นนาน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ไม่อยากอยู่นาน มองไปยังคนในห้อง กล่าวว่า “วันหน้าพี่รองก็ไม่อยู่ที่นี่แล้ว ครอบครัวพวกเขาจะไปอยู่บ้านเราทางนั้น”
เซี่ยต้าเฉียงส่งเสียงร้องขึ้นก่อน “ทำไม”
“บ้านข้าทางนั้นต้องการคนดูแลบ้าน ขอให้ครอบครัวพี่รองไปช่วยพวกเราดูแลบ้าน ทำไมหรือ”
คนในห้องทุกคนมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น สุดท้ายมองไปยังเซี่ี่ยเอ้อร์จู้ แต่ละคนแอบนึกเข้าใจได้ เกรงว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นสร้างบ้านก็เพื่อเซี่ี่ยเอ้อร์จู้
เซี่ี่ยเอ้อร์จู้เห็นทุกคนมองเขา เริ่มแรกยังไม่เข้าใจ ต่อมาก็ค่อยๆ พอเข้าใจแล้ว ขอบตาเขาแดงทันที มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “น้องสาม ความจริงเจ้า เจ้าไม่จำเป็นต้อง…”
เขากล่าวไม่ทันจบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เอ่ยว่า “พี่รองก็จะช่วยข้าดูแลบ้านไง วันหน้าข้าไม่อยู่ พี่รองอย่าลืมช่วยปัดกวาดบ้านข้าให้หน่อย”
เซี่ี่ยเอ้อร์จู้ขอบตายิ่งแดง พยักหน้าหงึกๆ “ตกลง”
เซี่ยต้าเฉียงกับเฉินหลิ่วอิจฉาตาร้อนไปหมด เซี่ยอวิ๋นหวากับเซี่ยหลานก็อิจฉาไม่น้อย
น่าเสียดายที่ได้แต่มอง เซี่ยอวิ๋นจิ่นขี้เกียจจะสนใจพวกเขา ลุกขึ้นพาลู่กุ้ยกลับ
เซี่ี่ยเอ้อร์จู้ก้าวตามไปด้านหลัง ตอนทุกคนเดินออกนอกประตูไป เซี่ี่ยเอ้อร์จู้จึงได้ยื่นมือไปดึงเซี่ยอวิ๋นจิ่น กล่าวว่า “น้องสาม เจ้าไม่ต้องสร้างบ้านให้ข้าโดยเฉพาะหรอก ข้าอยู่ทางนี้ก็ได้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นดึงมือเขา กล่าวอ่อนโยนว่า “วันหน้าแม้ว่าข้าไปไกลเพียงใด ก็จะต้องกลับมา พี่รองอย่าลืมดูแลบ้านข้าให้สะอาด”
“อืม อืม ข้ารู้แล้ว”
เซี่ี่ยเอ้อร์จู้รู้สึกลำคอตีบตันพลางพยักหน้า เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวเบาๆ กับเซี่ี่ยเอ้อร์จู้ “ข้าสร้างสองหลังฝั่งตะวันออกกับตะวันตก พี่รองเป็นพี่ วันหน้าบ้านตะวันออกก็มอบให้พี่รองอยู่ พวกเราอยู่ตะวันตกก็ได้”
เซี่ี่ยเอ้อร์จู้กลับไม่เห็นด้วย โบกมือไปมา “น้องสาม เจ้าอยู่ตะวันออก ข้าอยู่ตะวันตกก็ได้ หากเจ้าไม่เห็นด้วย ข้าก็ไม่อยู่แล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นเซี่ี่ยเอ้อร์จู้ยืนยัน ก็ไม่ได้บังคับเขาอีก ยิ้มบางกล่าวว่า “ได้ ตามใจพี่รอง”
เซี่ี่ยเอ้อร์จู้อดเงยหน้ามองท้องฟ้าไม่ได้ กล่าวเบาๆ ว่า “หากท่านปู่อยู่ในปรภพได้รู้ ต้องดีใจแน่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นสีหน้าไม่เข้าใจ มองเซี่ี่ยเอ้อร์จู้ “ทำไมจึงคิดถึงท่านปู่”
เซี่ี่ยเอ้อร์จู้พลันยกมือไปดึงมือเซี่ยอวิ๋นจิ่นไว้กล่าวว่า “น้องสาม ข้าจะบอกเจ้าเรื่องหนึ่ง ความจริงตอนเด็กๆ ข้าไม่รู้ความว่าจะดูแลเจ้าอย่างไร ท่านปู่เป็นคนแอบสอนข้า เขาบอกข้าว่าเจ้าคือน้องชายข้า ดูแลน้องชายดีๆ น้องชายโตแล้วก็จะตอบแทนข้า ท่านปู่ไม่ให้ข้าบอกเจ้า ท่านปู่สอนข้าว่าจะดูแลเจ้าอย่างไร ไม่งั้นข้าเด็กตัวเท่านั้น จะรู้ว่าป้อนข้าวป้อนน้ำให้เจ้าอย่างไร ดูแลเจ้าอย่างไร แบกเจ้าทำงานอย่างไรได้หรือ”
“อีกอย่าง เรื่องเรียนของเจ้า ความจริงก็เป็นท่านปู่แอบไปหาอาจารย์เฉิน ข้าแอบเห็นท่านปู่ไปหาอาจารย์เฉินหลายครั้ง บอกเขาว่าเจ้ามีพรสวรรค์ฉลาดเฉลียว เป็นต้นกล้าที่เหมาะกับการเรียนหนังสือ วันหน้าต้องประสบความสำเร็จแน่ ให้อาจารย์เฉินมาหมู่บ้านตระกูลเซี่ยพูดกับท่านพ่อให้เจ้าไปเรียนหนังสือ”
“อาจารย์เฉินบอกว่าไม่รับเงินค่าเรียน แต่ความจริงสองปีแรกท่านปู่มอบเงินค่าเรียนให้เขา ต่อมาเขาเห็นเจ้าเป็นผู้มีพรสวรรค์ในการเรียนจริงๆ จึงได้ไม่รับเงิน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นสีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ ตั้งสติไม่ได้อยู่เป็นนาน แต่ไรมาเขาไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย
ในใจเขา แต่ไรมาท่านปู่พวกเขาก็เป็นคนขี้โรคร่างกายอ่อนแอ ท่านย่าไม่ค่อยให้เขาออกมา เพราะโดนลมทีก็ล้มป่วย ท่านย่าทะนุถนอมยิ่งกว่าแก้วตา ท่านปู่ล้มป่วยจากไปตอนเขาอายุได้สิบสี่ ท่านย่าทนไม่ไหว ไม่นานก็ตามไป
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้เพียงแค่ตอนยังเล็ก ท่านปู่ท่านย่าพวกเขาคิดรับเลี้ยงเขา แต่ไม่รู้เรื่องราวต่างๆ ต่อมา
คิดไม่ถึงว่าแต่ไรมาท่านปู่ถึงกับช่วยเขาเช่นนี้ ทำไม ทำไมท่านปู่ดีกับเขาอย่างนี้ อีกอย่างทำไมเขาไม่พูด
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันไปมองเซี่ี่ยเอ้อร์จู้ “ทำไมท่านปู่ไม่เคยบอกข้า”
หากรู้ เขาต้องไปเยี่ยมท่านปู่บ่อยๆ แน่นอน แต่คิดถึงนิสัยหร่วนซื่อ เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้สึกว่าตนเองไม่ไปเยี่ยมท่านปู่จะดีกว่า
เซี่ี่ยเอ้อร์จู้ส่ายหน้า “ตอนนั้นท่านปู่ว่า เจ้าเกิดในตระกูลยากจน หากคิดประสบความสำเร็จ ก็ต้องทุ่มเทพยายามมากกว่าคนอื่นยิ่งมาก คนเราอดทนท่ามกลางยากลำบาก จึงจะได้เป็นยอดคน เด็กจากครอบครัวยากจนคิดประสบความสำเร็จ ต้องพยายามและลำบากยิ่งกว่าคนมีชาติตระกูล ท่านปู่ว่าเรื่องพวกนี้เจ้าต้องทนรับให้ได้”
เซี่ี่ยเอ้อร์จู้เล่าถึงเรื่องเมื่อก่อนของท่านปู่แล้วดวงตาก็รื้นขึ้นมา ความจริงท่านปู่รักพวกเขาสองคนมาก น่าเสียดายจากไปเร็ว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดเซี่ี่ยเอ้อร์จู้ ก็เข้าใจความตั้งใจของท่านปู่ได้ทันที เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า สมองอัดแน่นไปด้วยคลื่นโหมกระหน่ำ พร้อมกับก้อนหินก้อนใหญ่ในใจก้อนหนึ่งที่ปล่อยวางลงได้
เขาคิดมาตลอดว่าตระกูลเฉินมีพระคุณกับเขาดังขุนเขา ดังนั้นตอนนั้นที่เฉินอิงเกิดเรื่อง จึงเสนอขอแต่งกับเฉินอิง ต่อมาเพราะลู่เจียวเขามาแทรกกลาง เขาก็รู้สึกผิดมาตลอด แม้ว่าเฉินอิงไม่ได้ตายเพราะเขา แต่เขาก็รู้สึกว่าหากเขาแต่งกับเฉินอิง บางทีนางอาจไม่ตาย
แต่ตอนนี้ในใจเขาปล่อยวางความรู้สึกผิดแล้ว เพราะเขาไม่ได้ติดค้างตระกูลเฉินเท่าไร
ตอนนั้นท่านปู่เขาเชิญอาจารย์มาหาถึงที่บ้าน ตอนนั้นถึงกับมอบเงินค่าเล่าเรียนให้กับตระกูลเฉิน ต่อมาท่านอาจารย์ไม่รับเงินค่าเล่าเรียน ก็เพราะมองออกว่าเขาเฉลียวฉลาด คิดลงทุนกับเขาเท่านั้น ดังนั้นบุญคุณของเขาก็ไม่ได้ดังขุนเขาอะไรขนาดนั้นแล้ว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิดแล้วก็หันไปยิ้มมองเซี่ี่ยเอ้อร์จู้กล่าวว่า “พี่รอง มีเวลาพวกเราพี่น้องไปไหว้ท่านปู่กัน”
เซี่ี่ยเอ้อร์จู้ตอบรับ ”ตกลง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคุยกับเซี่ี่ยเอ้อร์จู้ครู่หนึ่งก็พาลู่กุ้ยกลับ
เซี่ี่ยเอ้อร์จู้มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นจากไป ครุ่นคิดถึงคำพูดท่านปู่ที่พูดกับเขา เอ้อร์จู้เอ๊ย เจ้าต้องดูแลน้องชายดีๆ น้องชายวันหน้าจะตอบแทนเจ้า โลกนี้คนดีย่อมได้รับผลดีตอบแทน
ตอนนี้เขาไม่ได้ได้น้องชายที่ดีมาคนหนึ่ง และยังได้รับการตอบแทนจากน้องชายหรือ จริงดังที่ว่าคนดีย่อมได้ผลดีตอบแทน