เถียนซื่อครุ่นคิดแล้วก็กระซิบข้างหูต้าเป่าเบาๆ ถามว่า “ท่านพ่อกับท่านแม่เจ้าระยะนี้ดีมากใช่ไหม”
ต้าเป่าเบิกตาโตกระจ่างกะพริบปริบๆ พยักหน้าเต็มแรง
เถียนซื่อจึงวางแผนต่อ “ไว้รอไปอำเภอแล้ว พวกเจ้าสี่คนก็ให้พวกเขานอนห้องเดียวกัน ทั้งสองคนนอนด้วยกัน ก็จะยิ่งดี ไว้วันหน้ามีน้องชายน้องสาว ท่านแม่เจ้าก็ไม่ไปแล้ว”
เถียนซื่อเป็นแม่ย่อมไม่อยากให้ลูกสาวหย่ากับลูกเขย เดิมนั้นนางได้ยินลูกสาวว่า ลูกเขยไม่ชอบนาง นางก็เลยไม่ได้คิดบังคับลูกสาว
หากชั่วชีวิตหญิงผู้หนึ่งไม่อาจได้รับความรักจากผู้ชาย เช่นนั้นนางย่อมเป็นทุกข์อย่างมาก
นางไม่อยากให้ลูกสาวต้องมาทนทุกข์เช่นนั้น แต่ระยะนี้ นางดูท่าทางแล้ว รู้สึกว่าลูกเขยน่าจะชอบลูกสาวนางแล้ว
นางจ้องมองลูกเขยมาตลอด รู้สึกว่าเขาแอบมองลูกสาวนางอยู่เรื่อยๆ ในแววตายังเหมือนมีแสงเปล่งประกาย
เถียนซื่อเป็นคนผ่านโลกมาก่อน รู้สึกว่าลูกเขยเห็นชัดว่าชอบลูกสาวนาง ทำไมลูกสาวนางบอกลูกเขยไม่ชอบนาง
หรือว่าลูกเขยแสดงออกไม่เป็น ไม่ได้พูดออกมา เถียนซื่อรู้สึกว่าอาจเป็นไปได้
ดังนั้นนางกระซิบต้าเป่าให้ทำเช่นนี้
ต้าเป่ารีบพยักหน้า ยังกระซิบข้างหูเถียนซื่อว่า “ก่อนหน้านี้ท่านแม่บอกพวกเรา รอไว้ไปถึงอำเภอก็จะนอนห้องเดียวกับท่านพ่อ”
เถียนซื่อได้ฟังต้าเป่า ก็ยิ้มดีใจทันที ลูบหัวต้าเป่าชมว่า “พวกเจ้าฉลาดจริง”
บนโต๊ะอาหาร บ้านตระกูลลู่เห็นเถียนซื่อกับต้าเป่าพูดกระซิบกระซาบกัน อดถามไม่ได้ว่า “ท่านแม่คุยอะไรกับต้าเป่า ดีใจถึงขนาดนี้”
เถียนซื่อย่อมไม่พูดเรื่องนี้ ลู่เจียวจะหย่ากับเซี่ยอวิ๋นจิ่น ขนาดลู่ต้าเหนียนยังไม่บอก จะให้คนอื่นรู้ได้อย่างไร
“หยอกต้าเป่าน่ะ”
มีคนทยอยกันเข้าไปดื่มสุรากับเซี่ยอวิ๋นจิ่นและลู่เจียว มีคนยกสุราไปชนกับเซี่ยเหล่าเกิน บอกว่าเซี่ยเหล่าเกินมีวาสนา มีลูกชายดีเช่นนี้ วันหน้าต้องมีวาสนาใหญ่แน่นอน
เซี่ยเหล่าเกินถูกยกยอจนตัวลอย ไม่ว่าใครมาชนจอกสุราก็ยิ้มแย้มดื่มหมดจอก สุดท้ายเซี่ยเหล่าเกินดื่มจนตนเองเมามาย
งานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ วันนี้นอกจากเซี่ยเหล่าเกิน ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างและผู้อาวุโสอีกสองสามคนในวงศ์ตระกูลก็ดื่มกันจนเมามาย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบจัดคนพาคนที่ดื่มกันจนเมาไปส่งบ้าน
งานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ตระกูลเซี่ยวันนี้ทุกคนกินดื่มกันจนเบิกบานใจเป็นพิเศษ ไม่เพียงแต่อาหารและเนื้อมากมาย สุราก็มากมาย ประเด็นคือกินเสร็จ ลู่เจียวยังมอบของขวัญให้แต่ละบ้าน ให้พวกเขานำกลับไป
บะจ่างสามลูกกับน้ำตาลห้าห่อ
แม้ว่าของไม่นับว่ามาก แต่ก็หาได้ยาก ดังนั้นทุกคนก็ถือของกลับบ้านกันอย่างเบิกบานใจ
บ้านตระกูลลู่ก็พากันอำลาเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว ลู่เจียวรั้งให้พวกเขาอยู่ต่อ ลู่ต้าเหนียนกับเถียนซื่อกลับปฏิเสธ
“วันนี้รีบกลับ คืนนี้ก็แช่ถั่ว พรุ่งนี้เริ่มทำเต้าหู้ได้แล้ว”
เถียนซื่อยื่นมือไปกุมมือนางไว้ กล่าวว่า “พรุ่งนี้ครอบครัวพวกเจ้าก็จะไปอำเภอกันแล้ว เราสองแม่ลูกจะพบกันอีกก็ไม่ง่ายแล้ว”
เถียนซื่อรู้สึกเฝื่อนขมในใจ ลูกๆ โตกันแล้ว แต่ละคนก็พากันออกไป
ดีที่นางยังมีลูกชายคนโตและลูกสะใภ้ ยังมีหลานอยู่ข้างกาย แต่พอคิดถึงลูกสาว เถียนซื่อก็ขอบตาแดง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นข้างๆ ลู่เจียวกล่าวขึ้นก่อนว่า “หากท่านแม่คิดถึงลู่เจียว ก็ไปเยี่ยมนางที่อำเภอได้”
ลู่เจียวพยักหน้า “ท่านแม่ หากท่านคิดถึงข้าก็มาหาข้าที่อำเภอ ถึงตอนนั้นข้าพาท่านเที่ยวอำเภอ”
เถียนซื่อตบหลังมือลู่เจียว หันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวหนักแน่นเน้นย้ำว่า “อวิ๋นจิ่น แม่มอบเจียวเจียวให้เจ้า หวังว่าเจ้าจะดูแลนางดีๆ หากนางทำผิดตรงไหน เจ้ามาบอกแม่ได้ แม่จะช่วยเจ้าอบรมนาง ขอแค่เจ้าอย่าได้รังแกนางก็พอ”
พอเถียนซื่อกล่าว ขอบตาลู่เจียวก็แดง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเหลือบมองนางทีหนึ่ง รับรองทันทีว่า “ท่านแม่วางใจ ข้าจะไม่รังแกนาง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดถึงว่าลู่เจียวยืนยันจะหย่า ในใจก็แอบคิด แท้จริงแล้วใครรังแกใครกันแน่ เขาสิควรเป็นคนที่โดนรังแก เขาน้ำท่วมปากแท้ๆ
เถียนซื่อได้ฟังคำรับรองของเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็วางใจ กำชับลู่เจียวอีกสองสามคำก่อนจะพาลู่ต้าเหนียนกับคนบ้านตระกูลลู่กลับบ้าน
ลู่อันไม่วางใจ กำชับลู่เจียว “น้องเจียว อย่าลืมหางานให้พี่ด้วย”
ลู่เจียวยังไม่ทันได้บอกจ้าวหลิงเฟิงว่าจะให้ลู่อันไปเป็นผู้จัดการดูแลโรงผลิตทั้งสาม ดังนั้นจึงยังไม่สนใจลู่อัน
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เห็นพวกเถียนซื่อจะไปแล้ว ก็โบกมือไม่หยุดอย่างรู้สึกอาลัยอาวรณ์
“ท่านยาย ท่านตา ครั้งหน้าพวกท่านมาเที่ยวที่อำเภอนะ”
“ท่านน้า ท่านน้าสะใภ้วันหน้าพาหู่จื่อมาด้วยนะ”
ครั้งนี้หู่จื่อถูกน้าใหญ่พากลับไปแล้ว เจ้าหนูน้อยอาลัยอาวรณ์อย่างมาก หันไปโบกมืออำลาน้ำตารื้นกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่
ในช่วงนี้เขาได้อยู่ร่วมกับน้องๆ อย่างดี เขาต้องเก็บคืนวาจาที่เคยกล่าวไป บรรดาน้องชายเขาไม่เพียงแต่หน้าตาดี นิสัยยังดี พวกเขาเอาของเล่นตนมาให้เขาเล่น ยังแนะนำเพื่อนๆ ให้เขา ทุกคนดีกับเขามาก
เขาไม่อาจตัดใจจากไปจริงๆ หู่จื่อน้ำตาร่วงมองน้าใหญ่กับน้าสะใภ้ใหญ่
“ข้าไม่อยากกลับไป ทำไมข้าไม่ใช่ลูกท่านอา”
น้าใหญ่กับน้าสะใภ้ใหญ่สีหน้าดำคล้ำ พวกเขายังไม่รังเกียจลูก ลูกกลับรังเกียจพวกเขา
“หู่จื่อ เจ้าคันก้นอีกแล้วใช่ไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังกับลู่เจียวพร้อมกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่มองส่งบ้านตระกูลลู่จากไป ก่อนจะหันหลังเดินเข้าบ้านกัน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองลู่เจียวกล่าวว่า “พรุ่งนี้เช้าหันถงจะส่งรถม้ามารับพวกเราไปอำเภอ เจ้าจัดของที่จะเอาไปด้วยสักหน่อย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบก็หันไปมองเสื้อผ้าชุดเก่าบนตัวลู่เจียว แอบคิดว่าพอไปถึงอำเภอ เขาจะซื้อเสื้อผ้าและเครื่องประดับให้ลู่เจียว
ลู่เจียวไม่รู้ความคิดในใจเซี่ยอวิ๋นจิ่น รับคำเดินเข้าบ้านไป
ทั้งครอบครัวเพิ่งเดินเข้าประตูรั้วไป เงยหน้ามาก็เห็นเซี่ยอวิ๋นหวากับเซี่ยหลานสีหน้าหม่นหมองอมทุกข์มองพวกเขา
“พี่สาม พี่สะใภ้สาม”
ลู่เจียวไม่คิดสนใจหมาป่าชั่วร้ายคู่นี้ พยักหน้าให้พวกเขาเล็กน้อยก่อนจะจูงเจ้าหนูน้อยทั้งสี่เข้าห้องกลางไป
เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังเลิกคิ้วมองเซี่ยอวิ๋นหวากับเซี่ยหลาน “เกิดอะไรขึ้น”
เซี่ยอวิ๋นหวาตาแดงๆ ก่อน สะอื้นกล่าวว่า “พี่สาม พี่ไปเช่นนี้ ไม่สนใจน้องชายอย่างข้าแล้วหรือ”
เซี่ยหลานเองก็เริ่มสะอื้นกล่าวว่า “พี่สาม พี่ไม่สนใจพวกเราแล้วหรือ”
ตอนนี้ที่เซี่ยหลานร้อนใจที่สุดก็คืองานแต่งงานของตนเอง ตอนนี้ทุกคนเหมือนลืมเรื่องแต่งงานของนางกันไปหมด ท่านพ่อเหมือนลืม พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ก็ไม่สนใจถามไถ่ หากนางยังเสียเวลาต่อไป จะไปแต่งกับใครได้
เซี่ยหลานยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นห่วง ดวงตาจ้องมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างร้อนใจ
สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นเย็นชา มองน้องชายและน้องสาวกล่าวว่า “ข้าแยกตัวออกมาแล้ว ไม่สะดวกจะดูแลเรื่องของพวกเจ้า พวกเจ้ามีเรื่องอะไรก็ไปหาท่านพ่อ ไปหาพี่ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่”
เซี่ยอวิ๋นหวากับเซี่ยหลานพอได้ฟังก็แอบสิ้นหวังในใจ พี่สามโมโหเกลียดชังพวกเขาจริงๆ หรือ
เซี่ยอวิ๋นหวาร้องไห้ขอโทษขึ้นก่อน “พี่สาม ขอโทษ เมื่อก่อนเป็นความผิดข้าเอง ข้าขอโทษ”
เซี่ยหลานเองก็ส่งเสียงขอโทษตามมา “พี่สาม ข้าเองก็ผิด ข้าควรไปเยี่ยมพี่ตอนพี่บาดเจ็บหนัก”
ตอนนี้ทั้งสองคนรู้สึกผิดอย่างแท้จริง แต่ความสำนึกผิดเมื่อสาย มีค่าต่ำต้อยยิ่งกว่าต้นหญ้า
นับประสาอันใดกับพวกเขาเช่นนี้ก็เพราะคิดเพื่อตัวเอง เซี่ยอวิ๋นจิ่นอ่านขาด ยิ่งไม่คิดสนใจพวกเขา
“เอาละ วันหน้าพวกเจ้ามีเรื่องอะไรก็ไปหาท่านพ่อ ไปหาพี่ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่ ไม่ต้องมาหาข้า ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องของพวกเจ้า”