เซี่ยอวิ๋นจิ่นตัดสินใจว่าหากพรุ่งนี้คนสำนักนายหน้าไม่มา เขาก็จะไปด้วยตนเอง ไปหาคนสำนักนายหน้าซื้อสักสองสามคน บ้านใหญ่ขนาดนี้ต้องการคนช่วยงาน คงไม่อาจเอาแต่ให้ลู่เจียวกับลู่กุ้ยทำ
ลู่เจียวต้องยุ่งกับการปรับปรุงเรือนด้านหน้าไว้ให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เรียนและเล่น ยังต้องรักษาผู้ป่วย
คิดถึงเรื่องรักษาผู้ป่วย เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดถึงหอยาเป่าเหอ หมู่บ้านชีหลี่ห่างจากที่นี่ไกลมาก หรือว่าวันหน้าเป่าเหอมีคนไข้อาการหนัก ยังต้องมารับลู่เจียวไปหมู่บ้านชีหลี่
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดถึงว่าเรื่องพวกนี้ขึ้นมาก็ไม่อาจวางใจได้ ความจริงในใจก็แอบไม่พอใจแล้ว หากลู่เจียวไม่ไปหมู่บ้านชีหลี่ก็ไม่ต้องพบกับพวกหมอฉีกับท่านจ้าว
“ก่อนหน้านี้เจ้ารับตรวจให้หอยาเป่าเหอในหมู่บ้านชีหลี่ ตอนนี้พวกเรามาอยู่อำเภอ เจ้ายังจะไปรับรักษาที่หอยาเป่าเหออีกหรือ นี่เหมือนว่าไม่ค่อยสะดวกเท่าไร”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ก่อนหน้านี้ท่านจ้าวบอกว่า เขาจะย้ายหอยาเป่าเหอมาอำเภอ วันหน้าข้ารักษาผู้ป่วยก็สะดวกมาก”
พอลู่เจียวกล่าว เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เริ่มกัดฟันกรอด ท่านจ้าวผู้นี้เหมือนวิญญาณตามติดไม่ยอมสลาย เขาย้ายหอยาเป่าเหอมาอำเภอ แค่เพื่อทำการค้าจริงๆ หรือว่าเพื่อลู่เจียว
ตามหลักการน่าจะไม่ อย่างไรตอนนี้ลู่เจียวก็ยังเป็นภรรยาเขา แต่ผู้ชายคนนั้นทำให้เขาไม่อาจวางใจได้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิดแล้วก็แค่นยิ้มกล่าวว่า “ท่านจ้าวก็ช่างเอาใจใส่จริง”
ลู่เจียวไม่ทันได้พูดอะไร ลู่กุ้ยก็เดินออกมาจากครัว “พี่เจียว น้ำต้มเสร็จแล้ว ข้ายกไปด้านหน้านะ”
“ได้ พวกเราไปอาบน้ำให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่กัน”
ลู่เจียวกล่าวจบก็หันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “เจ้าเองก็ยกน้ำร้อนไปอาบน้ำด้วย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่รีบ ข้าไปอาบน้ำให้แฝดสี่กับพวกเจ้า จะได้เอาของไปให้เจ้าด้วย”
พอลู่เจียวได้ฟังเขาพูดเรื่องสัญญากรรมสิทธิ์บ้านก็ไม่ดึงดันต่อ ทุกคนยกน้ำไปอาบให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ อาบน้ำเสร็จก็จัดการให้พวกเขาขึ้นเตียง
ลู่กุ้ยยกน้ำอาบน้ำออกไปเท ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นไปเรือนนอนตะวันออก
“นี่คือสัญญากรรมสิทธิ์บ้าน ชื่อเจ้า เจ้าดูหน่อย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นส่งสัญญากรรมสิทธิ์บ้านให้ลู่เจียว ลู่เจียวรับไปอ่านแล้วก็พบว่าสัญญากรรมสิทธิ์บ้านเขียนชื่อนางจริงๆ
ลู่เจียวอดยิ้มดีใจขึ้นมาไม่ได้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้งานจริง
ลู่เจียวยิ้มเบิกบานมองสัญญากรรมสิทธิ์บ้าน หากไม่ใช่เซี่ยอวิ๋นจิ่นอยู่ด้วย นางก็คงจูบสักทีไปแล้ว นี่คือสัญญากรรมสิทธิ์บ้านหลังแรกหลังจากมาถึงยุคสมัยนี้ แสดงให้เห็นว่านางจะตั้งรกรากที่นี่จริงๆ
ในห้องเซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นลู่เจียวดีใจ แววตาก็อ่อนโยนลง หญิงผู้นี้ชอบบ้าน วันหน้าเขาหาเงินมาซื้อบ้านเยอะๆ ซื้อบ้านใส่ชื่อนางให้หมด
ในนาทีนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นลืมไปหมดสิ้นแล้วว่าทั้งสองคนหย่ากันแล้ว
จนกระทั่งลู่เจียวตั้งสติได้ นางมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นเก้อๆ กล่าวว่า “สายแล้ว เจ้ากลับไปเรือนด้านหน้าอาบน้ำนอนเถอะ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพอได้ฟังลู่เจียว ในใจก็สลดวูบลงไม่น้อย แต่ก็รู้สถานะของเขาและนางตอนนี้ แยกกันอยู่จึงจะเป็นเรื่องปกติ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรับคำก่อนจะเดินออกไป ไม่คิดว่าพอเขาเพิ่งเดินถึงประตู ก็ได้ยินเสียงคล้องของบางอย่างที่ประตู เซี่ยอวิ๋นจิ่นเดินเข้าไปดึง พบว่าประตูถูกคนใส่กุญแจจากด้านนอก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นในห้องหันไปมองลู่เจียวด้วยสัญชาตญาณทันที ลู่เจียวก้าวเท้าไปถึงก็ยื่นมือดึงประตู
ประตูห้องถูกคนใส่กุญแจจากด้านนอกไว้จริงๆ ลู่เจียวมองลอดช่องออกไป เห็นเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ยืนเรียงหน้ากระดานอยู่หน้าประตู
ลู่เจียวกล่าวอย่างอารมณ์ไม่ดีนักว่า “พวกเจ้าทำอะไรน่ะ อยู่ดีๆ ใส่กุญแจประตูทำไม รีบเปิดประตู”
ต้าเป่ารีบกล่าวว่า “ท่านแม่ ท่านไม่ได้รับปากพวกเราว่ามาถึงอำเภอก็จะนอนกับท่านพ่อหรือ”
ที่เหลืออีกสามคนก็พากันกล่าวทีละคนว่า “ท่านพ่อควรนอนกับท่านแม่”
“เช่นนี้จึงจะมีน้องสาวไง”
“มีน้องสาวตัวน้อย ท่านแม่ก็ไม่ไปแล้ว ท่านยายบอกไว้อย่างนี้”
ในห้องลู่เจียวสีหน้าอดดำคล้ำไม่ได้ แท้จริงท่านแม่นางสอนอะไรเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ และตอนนั้นนางว่ามาถึงอำเภอค่อยว่ากัน ไม่ได้ว่าจะนอนกับท่านพ่อพวกเขานี่
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็กล่อมเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กล่าวว่า “ท่านพ่อกับท่านแม่ตอนนี้ยังไม่ได้อาบน้ำเลย พวกเรายังต้องอาบน้ำ”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่นอกประตูอึ้งไป จากนั้นต้าเป่าก็กล่าวว่า “ตอนเย็นไม่อาบน้ำก็ไม่เป็นไรนี่”
ลู่เจียวโมโหคิดด่าคนแล้ว นี่มันลูกบ้านไหนกัน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเดินเข้าไปออกคำสั่งต้าเป่าหน้าประตูด้วยน้ำเสียงเข้มงวดว่า “อย่าเหลวไหล ท่านพ่อท่านแม่ตกค่ำไม่อาบน้ำจะนอนไม่หลับ”
พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นพูด เจ้าหนูน้อยทั้งสี่นอกห้องถึงกับแผดเสียงร้องไห้ดังขึ้นพร้อมกัน “พวกท่านไม่คิดจะนอนด้วยกันใช่ไหม”
“ท่านพ่อไม่ชอบท่านแม่ใช่ไหม”
“พวกท่านยังคิดหย่าใช่ไหม”
ซื่อเป่าร้องได้ดังสุด “ท่านแม่ ท่านยังจะไปใช่ไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวพอได้ฟังเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ร้องไห้ ก็อดทนไม่ตำหนิเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ได้แต่ผ่อนน้ำเสียงอ่อนโยนลง กล่อมว่า “ไม่มีเรื่องอย่างนั้น พวกเจ้าอย่าร้องไห้ ท่านพ่อกับท่านแม่ไม่ได้จะไม่นอนด้วยกัน ก็แค่ยังไม่ได้อาบน้ำ นอนไม่หลับเท่านั้น”
“งั้นความหมายของพวกท่านก็คืออาบน้ำเสร็จก็จะนอนด้วยกัน?”
ในห้องสองคนสบตากัน เซี่ยอวิ๋นจิ่นกระซิบเบาๆ กับลู่เจียวทันที
“ดูท่าไม่รับปากพวกเขาไม่ได้ เจ้าวางใจ พวกเราก็ทำเหมือนตอนอยู่บ้านท่านพ่อท่านแม่เจ้า เจ้านอนเตียง ข้านอนพื้น วันหน้าข้าจะไปอยู่เรือนด้านหน้าเป็นหลัก บอกกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ว่าต้องทบทวนบทเรียนเตรียมเข้าสอบเซียงซื่อปีหน้า อาจกลับมาเรือนด้านหลังบ้างเป็นครั้งคราว เจ้าว่าเรื่องนี้ได้ไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบ สำทับอีกประโยคว่า “วางใจ ข้าไม่เอาเปรียบเจ้าหรอก”
แม้ไม่ได้เอาเปรียบนาง แต่ได้อยู่กับนาง เขาก็รู้สึกอารมณ์ดีอย่างมาก
ลู่เจียวได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก็คิดถึงเจ้าหนูน้อยทั้งสี่นอกประตูขึ้นมา ทำเอาปวดหัวมาก แต่สุดท้ายก็รับปาก ก่อนหน้านี้มีเรื่องกันไปครั้งนั้น ตอนนี้หากนางกับเขาไม่เห็นด้วย ไม่แน่เจ้าหนูน้อยทั้งสี่จะก่อเรื่องอีก
“ได้ ทำตามเจ้าว่า”
ทั้งสองคนตกลงกันเสร็จ ก็กล่าวกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่นอกประตูห้องว่า
“ท่านพ่อกับท่านแม่อาบน้ำเสร็จก็จะนอนด้วยกัน”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ฟังก็ดีใจทันที ยังถามลู่เจียว “ท่านแม่ จริงหรือไม่”
ลู่เจียวจะกล่าวอะไรได้ ได้แต่รับปาก “ใช่”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เชื่อใจท่านพ่อท่านแม่อยู่ เพราะพวกเขาพูดอะไร ส่วนใหญ่ทำตามที่พูดได้
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ส่งเสียงดีใจร้องดังลั่น “งั้นท่านพ่อกับท่านแม่รอสักครู่ พวกเราจะไขกุญแจให้พวกท่าน”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่กุกกักอยู่หน้าประตู ปรากฏว่าไขไม่เป็น สุดท้ายต้าเป่ากล่าวว่า “ไปตามท่านน้ามาไข”
“ได้ ข้าไปตาม”
เอ้อร์เป่าหันเดินไป ซานเป่าไปตามท่านน้าเป็นเพื่อนเขา
ในห้องผู้ใหญ่สองคนได้ฟัง ทำไมจะไม่รู้ว่ากุญแจนี่ลู่กุ้ยหามาให้พวกเขา ไม่งั้นพวกเขาจะไปเอากุญแจมาจากไหน ตามคาด ลู่กุ้ยคือคนที่ถูกพวกเขาหลอก
ใบหน้าลู่เจียวราวกับมีแสงสีดำพาดผ่าน แอบด่าน้องชายโง่เง่าของตนเอง คนเช่นนี้คิดจะเป็นพ่อบ้าน เดาว่าถูกคนเอาไปขายแล้วยังช่วยเขานับเงิน